บัณฑิตาชักมือกลับ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นว่า “กนกอร เธอรอดูไว้เถอะ ฉันจะไม่มีทางให้เธอได้อยู่อย่างสุขสงบแน่!”
กนกอรขำ “คุณบัณฑิตา คนอื่นไม่หาเรื่องฉัน ฉันก็ไม่หาเรื่องคนอื่น คุณไม่ให้ฉันอยู่อย่างสุขสงบ ฉันก็จะไม่ให้คุณได้อยู่อย่างสุขสงบเหมือนกัน คำพูดข่มขู่ใช้ไม่ได้ผลกับฉัน”
บัณฑิตาโมโหจนหน้าเขียว
เธอถลึงตาใส่กนกอร เห็นกนกอรยังท่าทางอารมณ์ดี ใบหน้าจิ้มลิ้มแต้มยิ้ม ไม่เห็นแม่สามีอย่างเธออยู่ในสายตาและเกรงกลัวคำขู่ของเธอเลยสักนิด
“เธอนึกว่าเทวิกาเป็นคุณนายน้อยอริยชัยกุลแล้วจะสามารถเป็นแบคหนุนหลังให้เธอได้งั้นเหรอ? กนกอร ฉันบอกเธอเลยนะ เทวิกาเองยังแทบจะเอาตัวไม่รอด คิดจริงๆเหรอว่าลูกสะใภ้ตระกูลเศรษฐีเป็นง่ายขนาดนั้น รอพ่อแม่สามีหล่อนกลับมาเมื่อไหร่ หล่อนยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะได้อยู่ในบ้านตระกูลอริยชัยกุลหรือเปล่า?”
กนกอรหุบยิ้มทันที พลันเอ่ยเสียงเย็นว่า “คุณบัณฑิตา เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับวิกา กรุณาอย่าลากวิกามาเกี่ยว นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ”
ฐานะทางบ้านพ่อแม่แท้ๆของเทวิกาเองก็ไม่ได้แย่ แม้เทวิกาจะยังไม่มีเวลาเล่ารายละเอียดให้เธอฟัง แต่เทวิกาตัดสินใจเดินเส้นทางหญิงแกร่ง เธอก็รู้แล้วว่าวิกากลับไปที่ข้างกายพ่อแม่แท้ๆแล้ว และจะรับช่วงต่อธุรกิจของที่บ้านด้วย
แต่ก่อนเทวิกาอาจจะไม่เหมาะสมกับตระกูลอริยชัยกุลจริง แต่เทวิกาในตอนนี้ กนกอรรู้สึกว่าเพื่อนรักเธอกับยศพัฒน์นั้นเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
“แม้ฉันจะไม่ได้รู้เกี่ยวกับตระกูลอริยชัยกุลมาก แต่เท่าที่ฉันรู้จักคุณพัฒน์ ครอบครัวที่สามารถเลี้ยงดูและปลูกฝังผู้ชายดีๆอย่างคุณพัฒน์ออกมาได้ สิ่งแวดล้อมก็ย่อมต้องไม่แย่แน่ ๆ ฉันเชื่อคุณแม่ของนฤเบศวร์ไม่ใช่คุณบัณฑิตา”
กนกอรพูดหักหน้าบัณฑิตาอย่างไม่เกรงใจ
บัณฑิตากับคุณนายใหญ่อริยชัยกุลไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เพราะทั้งสองตระกูลคือคู่อริกัน
แต่เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดเปิดกว้างมากๆ ไม่เคยสอดมือยุ่งกับความรักของลูกเลยสักครั้ง ยศพัฒน์จดทะเบียนสมรสกับเทวิกาโดยไม่ได้บอกผู้ใหญ่ คนตระกูลอริยชัยกุลรู้แล้วก็มีแต่จะดีใจ ไม่มีทางคัดค้าน ยิ่งไม่มีทางจะกลั่นแกล้งลูกสะใภ้คนใหม่
บรรยากาศครอบครัวของตระกูลอริยชัยกุลดีมากจริงๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องลุงหลานเองก็ปรองดองกัน ไม่เหมือนตระกูลเดชอุปที่แก่งแย่งชิงดีกัน
“แก แก……”
บัณฑิตาเถียงไม่ออก
“ณัฏฐา เราไปกันเถอะ”
บัณฑิตาจูงมือณัฏฐาเดินออกไป
หากอยู่ต่อไป เธอจะถูกกนกอรยั่วโมโหจนตายแน่ ๆ
กนกอรส่งผู้หญิงสองคนออกจากร้าน ซ้ำยังเอ่ยอย่างอารมณ์ดีว่า “โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
บัณฑิตากับณัฏฐา:……
เชิญใหม่มายั่วโมโหพวกเธอหรือไง?
ผู้หญิงสองคนมีเจตนามาหาเรื่องกนกอร มาอย่างมั่นใจ กลับอย่างล้มเหลว
กนกอรหันตัวเดินกลับเข้าไปในร้าน ลูกค้าล้วนกำลังมองเธอ
เธอยิ้มเอ่ยว่า “ผู้หญิงวัยทองรับมือยากน่ะ ทุกคนดื่มกาแฟกันต่อเถอะ เมื่อกี้ก็ถือซะว่าดูการแสดงก็แล้วกัน”
ทุกคนเองก็หัวเราะ แม้จะอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ถามอะไรต่อไม่ได้
เพราะไม่ว่ายังไงก็เป็นแค่ลูกค้า
กนกอรกลับมานั่งที่เคาน์เตอร์คิดเงิน ซ้ำยังส่งข้อความหานฤเบศวร์อย่างอารมณ์ดี
“แบตบอส เมื่อกี้แม่นายพาคุณณัฏฐามาบุกร้านฉันด้วยล่ะ”
หลังจากนฤเบศวร์ได้รับข้อความ เขาก็รีบโทรมาทันที
รอกระทั่งกนกอรรับสาย เขาก็ถามเสียงขรึมว่า “กนกอร แม่ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม?”
“แม่นายจะทำอะไรฉันได้? เธอไม่เห็นฉันเป็นลูกสะใภ้ ฉันก็ไม่เห็นเธอเป็นแม่สามีเหมือนกัน ในเมื่อต่างคนก็ต่างไม่ยอมรับในตัวอีกฝ่าย ฉันก็จะถือว่าเธอคือคนแปลกหน้า เธอเคารพฉัน ฉันก็เคารพเธอ เธอกลั่นแกล้งฉันฉันก็จะเอาคืนอย่างไม่เกรงใจ”
“แม่ฉันตบเธอเหรอ?”
นฤเบศวร์รู้นิสัยแม่ตัวเองดี
เขาถูกปู่บีบบังคับให้แต่งงานกับกนกอร แม่ยังโกรธและอัดอั้นตันใจไม่หาย
ต่อหน้าปู่ แม่ไม่กล้าทำอะไรกนกอร ลับหลังจะมาหาเรื่องกนกอรก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยสักนิด
“เธออยากตบ แต่ฉันทำให้เธอตบไม่ได้ หลังจากเถียงกันไปพักหนึ่ง แม่นายก็แพ้ราบคาบ แล้วพาคุณณัฏฐากลับไปอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง ฉันเดาว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สองคนนั้นก็จะปรากฏตัวที่ห้องทำงานของนายแน่ ๆแล้วร้องไห้ฟูมฟายกับนาย ฟ้องนายว่าลูกสะใภ้อย่างฉันไม่เคารพแม่สามียังไง”
“บอกให้นายสั่งสอนฉัน ใช้กำลังกับฉัน เมินเฉยกับฉัน ให้นายหย่ากับฉัน……นฤเบศวร์ ฉันบอกไว้ก่อนนะ ว่าต่อให้หย่ากันล่วงหน้า อะไรที่ควรให้ฉันนายก็ต้องให้ เพราะว่า นี่ไม่ใช่ความผิดฉัน! อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่ติดหนี้บุญคุณนายแล้วด้วย”
เมื่อรู้ว่ากนกอรไม้ได้ถูกแม่รังแก นฤเบศวร์ก็ถอนหายใจโล่งอก
แต่ก็รู้สึกขบขันกับคำพูดของกนกอร ก่อนจะเอ่ยว่า “ฉันไม่ใช้กำลังหรอก และก็จะยังไม่หย่ากับเธอ”
กนกอรเอ่ยอย่างผิดหวังว่า “เธอเป็นแม่นาย แม่แท้ๆของนาย เธอบอกให้นายหย่า นายก็ยังไม่ยอมหย่าเหรอ? ถ้าหย่ากันแล้ว นายก็จะไปได้อยู่กับนางฟ้าของนายไง ดีออกจะตาย แต่นายต้องอย่าลืมจ่ายค่าตอบแทนให้ฉันนะ”
นฤเบศวร์เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เธอมันหน้าเงินชะมัด พูดกับฉันทีไรก็เงินๆ ๆ ตลอด”
กนกอรเอ่ยเสียงเย็นว่า “ระหว่างนายกับฉัน นอกจากเงินๆ ๆ แล้วยังมีอะไรให้คุยกันอีก? หรือจะให้จีบกันหรือไง?”
นฤเบศวร์เถียงไม่ออก
“อันที่จริง ฉันก็กำลังช่วยนาย นายและพ่อแม่นายต้องขอบคุณฉันด้วยซ้ำ ถ้าฉันไม่แต่งงานกับนาย ปู่นายก็ฉุดนายลงมาจากตำแหน่งท่านประธานแล้ว ซ้ำยังจะตัดขาดความสัมพันธ์กับนายอีก ถึงตอนนั้นนายก็จะไม่เหลืออะไรทั้งนั้น”
“เพราะฉะนั้น หนี้บุญคุณฉันคืนหมดแล้ว ตอนนี้พวกนายควรจะซาบซึ้งและขอบคุณฉัน”
นฤเบศวร์ “……ตรรกะบ้าบออะไรของเธอ ตอนนี้ทุกอย่างที่เธอทำก็คือกำลังคืนหนี้บุญคุณ นอกเสียจากว่าความสัมพันธ์ของเราจบลงแล้ว หนี้บุญคุณของเธอจึงจะถือว่าสะสาง”
กนกอรวางสายทันที
เมื่อไม่ได้ยินเสียงแล้ว นฤเบศวร์ก็เอาโทรศัพท์มาดู จึงจะรู้ว่ากนกอรวางสายไปแล้ว
“ยัยผู้หญิงนี่ กล้าวางสายฉันได้ยังไงกัน! เดิมทีก็ยังคืนหนี้บุญคุณฉันไม่หมดอยู่แล้วนี่”
นฤเบศวร์อดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมกนกอรว่าเปลี่ยนหน้าเร็วเหมือนพลิกหน้าหนังสือ
เขาพูดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีทางจบเร็วขนาดนี้ เธอก็วางสายไปทันที ราวกับว่าไม่อยากจะพูดกับเขาอีกแม้แต่คำเดียว
เธอเกลียดเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ?
ขณะเดียวกัน ณ บ้านตระกูลไชยรัตน์
เปรมานั่งอยู่บนโซฟาที่ห้องโถง กำลังเอาถุงน้ำแข็งประคบรอยช้ำบนใบหน้า
บางครั้งเธอก็จะสั่งให้คนใช้ออกไปดูว่านฤเบศวร์มาแล้วหรือยัง
ตั้งแต่ตอนเช้าที่เธอโทรหาเขา ทั้งที่ตอนคุยกันในโทรศัพท์ก็ฟังดูเป็นห่วงเธอแท้ๆ แต่ทำไมจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มาหาเธอสักที?
เป็นเพราะงานยุ่ง หรือเป็นเพราะ?
ไม่ ไม่มีทาง!
เขารักเธอขนาดนั้น จะเมินเฉยไม่สนใจเธอได้ยังไงกัน
“กริ๊ง……”
เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นแล้ว
เปรมาพลันโล่งอกเหมือนยกหินออกจากอก นฤเบศวร์มาแล้วแน่ ๆ เธอว่าแล้วเชียว หากเธอเกิดเรื่อง นฤเบศวร์ไม่มีทางเมินเฉยไม่สนใจ
ชักช้าจนถึงตอนนี้ถึงจะมา น่าจะเป็นเพราะเขางานยุ่งเกินไป
“ออกไปเปิดประตูให้เบศวร์”
เปรมาสั่งคนใช้
คนใช้ตอบรับอย่างนอบน้อม รีบออกไปเปิดประตูทันที
สักพัก
คนใช้ก็พาผู้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา ในมือผู้ชายคนนั้นถือถุงอะไรบางอย่างเอาไว้ ดูแล้วหนักพอสมควร
เปรมาปั้นสีหน้าน่าสงสารไว้เรียบร้อยแล้ว รอให้นฤเบศวร์เข้ามาก็จะแสดงให้เขาดู แต่ใครจะรู้ว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่นฤเบศวร์ แต่เป็นธันวา ผู้ช่วยของนฤเบศวร์
“ธันวา? ทำไมถึงเป็นนาย? บอสนายล่ะ?”