เลขาชายตอบว่า “คุณหญิงมาได้สักพักแล้วครับ”
ธันวาเงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “งั้นฉันรอให้คุณหญิงกลับไปแล้วค่อยเข้าไปดีกว่า”
“คุณหญิงกลับไปเมื่อไหร่ก็โทรหาฉัน”
ธันวาพูดกับเลขา ก่อนจะเดินจากไป
ภายในห้องทำงาน นฤเบศวร์ฟังแม่กล่าวโทษกนกอรด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ซ้ำคุณณัฏฐายังเอาคลิปวิดีโอแค่หนึ่งนาทีที่เธออัดไว้ส่งให้เขาดูด้วย นั่นคือหลักฐานที่พิสูจน์ว่ากนกอรไม่เคารพแม่เขา
นฤเบศวร์ดูคลิปวิดีโอนั้นซ้ำหลายรอบ
เขาไม่ได้ตาบอดสักหน่อย จะดูไม่ออกได้ยังไงว่าใครถูกใครผิด
“เบศวร์ กนกอรทำเกินไปแล้ว นายต้องสั่งสอนหล่อนแทนแม่นะ”
บัณฑิตาพูดบ่นมาครึ่งวัน เอาแต่บอกให้ลูกชายสั่งสอนลูกสะใภ้ซ้ำไปซ้ำมา
จู่ ๆ นฤเบศวร์ก็ผุดลุกขึ้นยืน
ผู้หญิงทั้งสองคนมองดูเขาเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปยังห้องน้ำชา
ไม่นาน นฤเบศวร์ก็เดินออกมาพร้อมน้ำอุ่นสองแก้ว
“แม่ แม่ก็พูดมาตั้งนานแล้ว จิบน้ำให้ชุ่มคอหน่อยดีกว่า”
นฤเบศวร์ยื่นแก้วน้ำอุ่นให้แม่ พลางเอ่ยเสียงเรียบ
บัณฑิตารับน้ำอุ่นมาดื่มสองอึก พูดมาตั้งนาน เธอก็รู้สึกปากคอแห้งแล้วแล้วจริงๆ
“เบศวร์ ที่แม่พูดนายฟังเข้าไปแล้วหรือยัง? จะให้กนกอรพึ่งพาปู่นายเป็นแบคหนุนหลัง แล้วไม่เห็นหัวแม่ไม่ได้ มีลูกสะใภ้บ้านไหนกล้าทำแบบนี้กับแม่สามีตัวเองกัน?”
คุณณัฏฐาถือแก้วน้ำอุ่นไว้ แล้วค่อยๆจิบ ไม่ได้ช่วยบัณฑิตาพูดเสริม
บัณฑิตาอยากจะหลอกใช้ให้สองแม่ลูกพวกเธอเป็นมีด บางครั้ง เธอเองก็ใช้บัณฑิตาเป็นมีดที่ฆ่าคนด้วยเช่นกัน
ต่างคนต่างหลอกใช้กันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองก็เท่านั้น
นฤเบศวร์กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “แม่ ช่วงนี้กนกอรไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านเราด้วยซ้ำ เธอจะพึ่งพาอำนาจปู่มากลั่นแกล้งแม่ได้ยังไง?”
บัณฑิตาจุก พลันเอ่ยทันทีว่า “นั่นสิ หล่อนก็แต่งงานกับนายแล้ว ทั้งที่เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเดชอุป แต่กลับไม่มาอาศัยอยู่กับครอบครัวสามี หล่อนหมายความว่ายังไง? ดูแคลนครอบครัวแม่สามีเหรอ? หรือไม่อยากมาปรนนิบัติแม่สามีอย่างฉัน”
ไม่รอให้นฤเบศวร์ได้พูด คุณณัฏฐาก็พูดต่อทันทีว่า “พี่ฑิตา ผู้หญิงสมัยนี้ไม่ชอบอาศัยอยู่กับพ่อแม่สามีหรอก คนละรุ่นกันก็ย่อมสื่อสารกันยาก ไม่อาศัยอยู่ด้วยกันก็ดีกับทุกฝ่ายแหละน่า”
หากกนกอรเข้ามาอยู่ในตระกูลเดชอุป แล้วใช้ชีวิตอยู่กับนฤเบศวร์ทุกเช้าเย็น ใครจะกล้ารับประกันว่าพวกเขาจะไม่รู้สึกอะไรกัน?
ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากันในนาม
แม้จะมีอะไรกันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ถึงตอนนั้น จะยังมีเรื่องอะไรของเปรอีกล่ะ?
เปรยังยึดติดกับยศพัฒน์ เธอเองก็กำลังพยายามเกลี้ยกล่อมให้ลูกสาวตัดใจจากยศพัฒน์ จะให้ลูกสาวสูญเสียผู้ชายไปทั้งสองคนไม่ได้เด็ดขาด
ในความคิดของณัฏฐา หากลูกสาวได้เป็นสะใภ้ของตระกูลอริยชัยกุลก็ไม่มีความสุขหรอก แต่หากเป็นตระกูลเดชอุป ดูจากที่นฤเบศวร์หลงใหลในตัวลูกสาว เขาก็จะต้องดีกับลูกสาวเธอมากแน่ ๆ
จะให้กนกอรเข้ามาอยู่ในตระกูลเดชอุป และกลายเป็นคุณนายน้อยของตระกูลเดชอุปโดยแท้จริงไม่ได้เด็ดขาด!
นฤเบศวร์มองณัฏฐาครู่หนึ่งด้วยแววตาอ่านยาก
ณัฏฐาไม่สังเกตเห็นสายตาของนฤเบศวร์ที่มองเธอ เธอยังคงเกลี้ยกล่อมบัณฑิตาด้วยท่าทางหวังดีว่า “เราเองก็ไปเจอกนกอรมาแล้ว ด้วยนิสัยของกนกอร ถ้าให้หล่อนเข้ามาอยู่ในตระกูลเดชอุปจริงๆ หล่อนจะปรนนิบัติแม่สามีอย่างพี่ได้ยังไงกัน? หล่อนมีแต่จะยั่วโมโหพี่ให้ตายแล้วพี่จะหาเรื่องใส่ตัวทำไมกัน?”
บัณฑิตา “……นั่นสิ ยัยผู้หญิงนั่นปากคอเราะร้าย ไม่เห็นหัวฉัน จะให้หล่อนเข้ามาอยู่ในตระกูลเดชอุปไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นฉันได้ปรี๊ดแตกรายวันแน่ เบศวร์ ถ้าปู่นายให้กนกอรย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเรา นายต้องคัดค้านให้ถึงที่สุดนะ จะได้ไม่ต้องให้ยัยหล่อนมายั่วโมโหแม่จนตาย”
ในตระกูลเดชอุป มีปู่เร็นหนุนหลังกนกอร กนกอรมีแต่จะยิ่งเกิมเกริมขึ้นเท่านั้น
นฤเบศวร์ฟังบทสนทนาของทั้งคู่ พลางลอบด่าในใจว่า: ถ้าจะให้กนกอรย้ายเข้ามาอยู่ในตระกูลเดชอุป เขายังต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วยซ้ำ
หน้าเงิน!
โกยเงินไปจากเขาเยอะขนาดนี้ ยังจะขี้งกกับเขาอีก
ไม่ใช่แค่หน้าเงิน แต่ยังเป็นทาสเงินและขี้งกสุดๆอีกต่างหาก
“แม่ ผมดูคลิปที่คุณน้าณัฏฐาส่งมาให้ผมซ้ำหลายรอบแล้ว กนกอรไม่ได้ทำอะไรกับแม่ เป็นแม่ที่ตอบสนองรุนแรงไปเอง ก็เลยชนกับโต๊ะ โทษกนกอรไม่ได้”
สิ้นเสียงนฤเบศวร์ แม่เขาก็เอ่ยอย่างน้อยใจว่า “เบศวร์ นายเข้าข้างยัยผู้หญิงนั่นได้ยังไงกัน ไม่ว่าจะยังไง มันก็คือความผิดของกนกอร นายต้องลงโทษยัยชั่วนั่นแทนแม่ แม่อยู่มาจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับแม่มาก่อนเลย”
“กนกอรเป็นคนมีเหตุผล ผมไม่มีเหตุผลไปลงโทษเธอ ถึงจะไปหาเธอ ก็ไม่สามารถทำตามที่แม่ต้องการได้ อย่าว่าแต่ว่าแม่สามีในนามอย่างแม่ทำอะไรเธอไม่ได้ ผมที่เป็นสามีในนามก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน”
“แม่ ผมไม่ได้เห็นเธอเป็นภรรยา แม่เองก็ไม่ได้เห็นเธอเป็นลูกสะใภ้ แล้วเราจะไปเรียกร้องให้เธอทำหน้าที่ของเธอได้ยังไงกันล่ะ?”
บัณฑิตาจุกอก พลันเอ่ยอย่างไร้เหตุผลว่า “แม่ไม่สน แม่ถูกกนกอรยั่วโมโหจนเจ็บอก นายต้องไปลงโทษหล่อนแทนแม่ นายพาบอดี้การ์ดไป แล้วตบสั่งสอนหล่อนซะ สอนว่าจากนี้ไปหล่อนต้องเคารพแม่ ไม่งั้นก็ตบหล่อนจนกว่าหล่อนจะยอม”
“นายเองก็อย่าไปกลัวเทวิกา พ่อแม่สามีของเทวิกาก็จะกลับมาแล้ว ยังไม่มั่นใจเลยว่าหล่อนจะสามารถยืนหยัดในตระกูลอริยชัยกุลได้หรือเปล่า อีกอย่าง นี่คือเรื่องของครอบครัวเรา เทวิกาจะยังมีหน้ามายุ่งเรื่องของครอบครัวเราหรือไง?”
นฤเบศวร์เผยสีหน้าถมึงทึง “แม่ ผมไม่ใช้กำลังกับผู้หญิง”
ยิ่งไม่มีทางใช้กำลังกับกนกอร
หากเขากล้าแตะกนกอรแม้แต่เส้นผมเดียว ยัยตัวแสบนั่นก็จะลุกขึ้นมาสู้สุดชีวิตแน่ ๆ ไม่จำเป็นต้องให้สองสามีภรรยาเทวิกาเข้ามาช่วย เขาก็สามารถถูกยัยตัวแสบนั่นต่อยจนหน้าเขียวจมูกบวมได้
อีกอย่าง เขาไม่ใช้กำลังกับผู้หญิงจริงๆ ต่อให้โกรธขนาดไหน มากสุดเขาก็ให้บอดี้การ์ลงมือ
เพียงแต่ เขาไม่มีทางให้บอดี้การ์ดของตัวเองลงมือกับกนกอร
แต่งงานกับเธอ เขายังเป็นฝ่ายที่บีบบังคับให้เธอคืนหนี้บุญคุณเขา
หากใช้กำลัง เธอก็จะล้มเลิกทันที แล้วเขาจะไปหาผู้หญิงที่ถูกใจเขามาแสดงเป็นสามีภรรยากับเขาจากที่ไหนอีก?
เรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเองแบบนี้ นฤเบศวร์ไม่อยากทำ
“แม่ไม่ได้บอกให้นายลงมือสักหน่อย ให้บอดี้การ์ดลงมือก็พอ นายดูอยู่ข้างๆ ถ่ายคลิปมาให้แม่ดู ตอนแม่อารมณ์ไม่ดีจะได้เปิดดู รับรองว่าแม่อารมณ์ดีขึ้นแน่ ๆ”
“แม่ คุณน้า เปรมาถูกคนตบน่ะ”
เมื่อเห็นแม่ไร้เหตุผลไม่ยอมจบ จะบังคับให้เขาไปลงโทษกนกอรให้ได้ นฤเบศวร์ก็ทำได้เพียงต้องพูดเรื่องที่เปรมาถูกตบตี
ได้ยินดังนั้น แม่ทั้งสองก็รีบถามอย่างเป็นห่วงว่า “เปรถูกใครตบ?”
“ใครมันกล้าตบตีเปร?”
ประโยคหลังคือบัณฑิตาถาม
ในสายตาเธอ เปรมามีลูกชายเธอคุ้มครอง และมีเธอคุ้มครองด้วย ทั้งเมืองแอคเซสซ์นี้จะมีใครกล้าแตะเปรมา?
คนที่ไม่กลัวนฤเบศวร์และกล้าลงมือแบบนี้
“เป็นฝีมือยัยเทวิกาใช่หรือเปล่า?” บัณฑิตาถาม
“แม้ยศพัฒน์ไม่รักเปร แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เทวิกาลงมือกับเปร! เปรรักผิดคนจริงๆ ณัฏฐา เธอต้องเกลี้ยกล่อมเปรดีๆ ให้อยู่ห่างจากยศพัฒน์ อยู่ห่างจากเทวิกา!”