รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 296 สงสัย
อันที่จริงคลับรักนะไม่ใช่โฮสต์คลับที่แท้จริง เพียงแต่คนด้านในล้วนเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ผู้หญิงรวยๆมากมายในเมืองแอคเซสซ์ชอบไปใช้บริการที่นั่น
หากลูกค้ากับโฮสต์คุ้นเคยกันแล้ว ชายหญิงเมื่อสนิทและคุ้นเคยกันมานาน ก็ไม่แปลกที่จะมีอะไรเลยเถิดไปกว่าเพื่อน
หากมีโฮสต์เป็นเด็กเลี้ยงของผู้หญิงรวย คลับก็จะปลดพวกเขาออกจากงานอย่างเกรงอกเกรงใจ
คนมากมายล้วนคาดหวังค่าตอบแทนที่สูงของที่นั่น คนบางคนก็เห็นคลับเป็นสปริงบอร์ดให้ปีนป่ายขึ้นไป
แม้จะไม่ใช่โฮสต์คลับที่เป็นทางการ แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ก็ยังคงถูกเห็นเป็นโฮสต์คลับไปโดยปริยาย
เทวิกาและกนกอรที่แต่งหน้าแล้วนั่งรถแท็กซี่ไปที่คลับรักนะก่อน เมื่อรอมิลินท์มาถึงแล้ว ทั้งสามคนก็จึงจะเข้าไปด้วยกัน
มิลินท์คุ้นเคยกับที่นี่มาก
ดูก็รู้ว่าเธอเป็นลูกค้าประจำของที่นี่
ไม่นาน การคาดเดาของเทวิกากับกนกอรก็ได้รับการยืนยัน คนมากมายที่นี่ต่างรู้จักมิลินท์ แน่นอน ว่าพวกเขาเรียกมิลินท์ด้วยชื่อปลอม
เมื่อผู้หญิงรวยเหล่านั้นเห็นมิลินท์ พวกเธอก็มาทักทายเธออย่างกระตือรือร้น
เทวิกาสะกิดเธอ แล้วถามเสียงเบาว่า “เธอมาทุกวันเลยใช่ไหม? คนที่นี่ดูคุ้นเคยกับเธอมาก”
“ธุรกิจน่ะ ฉันมาที่นี่คือมาขายสกินแคร์ผู้ชายของฉัน ผู้หญิงรวยพวกนั้นเองก็เป็นลูกค้าของฉัน”
มิลินท์แก้ต่างให้ตัวเองเสียงเบา “ฉันทำเพื่อเงินล้วน ๆ ไม่มีตระกูลคุ้มกะลาหัว พึ่งพาตัวเองขยันหาเงิน มันเหนื่อยมากเลยล่ะ”
เทวิกา “ฉันได้ยินสามีฉันบอกว่าเธอก็แค่ไม่อยากพึ่งพาตระกูล ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีตระกูลให้พึ่งพาสักหน่อย อันที่จริงแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พึ่งพาตัวเองก็ประสบความสำเร็จได้”
“ขอบคุณที่ชม ครั้งแรกที่ฉันมาก็เพราะอยากจะมาเปิดโลกล้วน ๆ ก็คือด้วยสัญชาตญาณในวิชาชีพ มาโปรโมทสกินแคร์ของตระกูลศิริกรโสภณสักหน่อย หลังจากที่พวกเขาใช้แล้ว ก็รู้สึกว่าใช้ดีไม่เลวเลย นานวันเข้า คนที่นี่ก็เลยชอบซื้อสกินแคร์จากฉัน ฉันไม่เพียงแค่หาเงินได้ แต่ยังสร้างชื่อเสียงให้กับสกินแคร์ตระกูลศิริกรโสภณของฉันด้วย”
ตระกูลศิริกรโสภณร่ำรวยมาจากการขายสกินแคร์
ผนวกกับมิลินท์เองก็เป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพ เธอจึงเข้าใจเกี่ยวกับสกินแคร์มากกว่าคนทั่วไป เธออ้างอิงจากสภาพผิวและรูปลักษณ์ของแต่ละคน แนะนำให้ทุกคนใช้สกินแคร์ที่แตกต่างกัน หากทุกคนใช้ถูก แน่นอนว่าก็ย่อมเห็นผลอย่างชัดเจน จากนั้นก็จะเชื่อเธอสนิทใจ
กนกอรถามอย่างสงสัยใคร่รู้ว่า “ผู้หญิงรวยพวกนั้นไม่ใช่ลูกค้าปกติของเธอเหรอ? ไม่มีใครจำเธอได้เลยเหรอ?”
“ผู้หญิงที่มาใช้บริการที่นี่ ไม่ได้มาจากตระกูลผู้ดีที่แท้จริง คุณหญิงในตระกูลผู้ดีไม่มีทางและไม่กล้ามาใช้บริการที่นี่หรอก พวกเธอให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของตัวเองและของตระกูลสามีมากๆ หากมาปรากฏตัวที่นี่แล้วมีใครเห็น แล้วกระทบถึงชื่อเสียงของตระกูลสามี แน่นอนว่าชีวิตคู่ก็อยู่ไม่รอดแน่”
นี่ก็คือเหตุผลที่มิลินท์ต้องแต่งหน้า
แม้เธอจะยังไม่แต่งงาน แต่กลับเป็นลูกสาวตระกูลศิริกรโสภณ ตระกูลศิริกรโสภณเป็นตระกูลผู้ดีที่แท้จริงของสังคมชนขั้นสูง
“แต่ว่าพวกประธานบริษัทสาวใหญ่จากต่างเมือง หากมาทำงานที่เมืองแอคเซสซ์ ก็มักจะชอบมาแวะที่นี่เช่นกัน”
ส่วนใช้บริการถึงขั้นไหน ก็ไม่อาจรับรู้ได้
กนกอรตอบเสียงอ้อ “เข้าใจแล้ว” ผู้หญิงรวยไม่เท่ากับมาจากตระกูลผู้ดี
เมื่อนึกถึงฐานะทางบ้านของตัวเอง กนกอรก็ยืดอกขึ้น เธอเองก็เป็นผู้หญิงรวยแล้วเหมือนกัน
ส่วนตระกูลเศรษฐี กนกอรไม่มีความคิดที่จะแทรกเข้าไป อย่างสถานการณ์ในตระกูลเดชอุป หากเธอแทรกเข้าไปก็ไม่ถึงกับถูกกลั่นแกล้งจนน่าอนาถ แต่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแน่ ๆ
เพียงแต่ ตอนนี้เหมือนว่านฤเบศวร์จะตัดใจจากเปรมาแล้ว งั้นเธอยังมีโอกาสหย่าร้างหรือเปล่า?
คิดมาถึงตรงนี้ กนกอรก็รู้สึกว่าเธอต้องคุยเรื่องหย่าร้างกับนฤเบศวร์ล่วงหน้า
เธอแค่อยากจะคืนหนี้บุญคุณ และก็ตักตวงผลประโยชน์ไปด้วย แต่ไม่ได้อยากถูกผูกมัดไปจนตาย
“คุณอนล ผมยังมีเรื่องต้องจัดการ ก็ไม่อยู่เป็นเพื่อนคุณอนลแล้ว คืนนี้ค่าใช้จ่ายของคุณอนลหักจากบัญชีผมเลย หวังว่าคุณอนลจะสนุกนะครับ”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังลอดเข้ามาในหู
นฤเบศวร์
กนกอรเห็นเขาก็พลันหลบที่หลังของเทวิกาโดยอัตโนมัติ
มิลินท์ลากเธอออกมาทันที
กนกอรนึกขึ้นได้ว่าเธอถูกมิลินท์เปลี่ยนโฉมแล้ว แม้แต่เธอเองก็ยังรู้สึกเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอกับนฤเบศวร์ก็เป็นแค่สามีภรรยากันในนาม ซ้ำยังรู้จักกันไม่นาน พอคิดดูแล้ว นฤเบศวร์คงดูไม่ออกหรอกว่าเป็นเธอ
คิดได้ดังนั้น กนกอรก็ไม่ตื่นตระหนกแล้ว
เธอมองนฤเบศวร์กับประธานสาวใหญ่ที่ชื่อคุณอนลคนนั้นอย่างรู้สึกสนใจ
หลังจากที่นฤเบศวร์ร่ำลากับคุณอนลคนนั้น เขาก็พาบอดี้การ์ดของเขาจากไป
ก่อนจะเจอกับพวกเทวิกา
เทวิกากับมิลินท์ยังถือว่าใจเย็น มีแต่กนกอรที่เริ่มตื่นตระหนก แต่พอเห็นนฤเบศวร์แค่กวาดตามองเธอแวบหนึ่งก็ไม่มองเธออีก กนอรก็พลันถอนหายใจโล่งอก
ตอนที่นฤเบศวร์เดินผ่านหน้าเธอ เธอยังโบกมือใส่เขา เอ่ยว่า “ไง คนหล่อ”
ทันทีที่เธอปริปาก เทวิกาก็รู้สึกว่าแย่แล้ว
เธอสองคนสามารถใช้การแต่งงานทำให้คนจำพวกเธอไม่ได้ แต่เสียงของพวกเธอไม่ได้เปลี่ยนไป หากเจอคนรู้จักแล้วปริปากพูด ก็จะทำให้คนสงสัยได้ง่าย
เป็นไปตามที่คาด ทันทีที่นฤเบศวร์ได้ยินกนกอรเรียกเขาว่า “คนหล่อ” เขาก็พลันชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันศีรษะจ้องมองกนกอร
เขาเผยแววตาล้ำลึก
ใบหน้าหล่อเหลาเผยแววเคร่งขรึม ริมฝีปากเองก็เม้มเป็นเส้นตรง
กนกอรเพิ่งเคยเห็นนฤเบศวร์เผยสีหน้าเคร่งขรึมและแววตาแหลมคมแบบนี้เป็นครั้งแรก
“คนหล่อ ดื่มสักแก้วไหม? ฉันเลี้ยง”
มิลินท์อยากจะเบี่ยงเบนความสนใจของนฤเบศวร์
เธอกับนฤเบศวร์ไม่คุ้นเคยกัน นฤเบศวร์จำเสียงเธอไม่ได้
นฤเบศวร์ละสายตาไปมองมิลินท์ เพียงครู่เดียว เขาก็กลับมาจ้องกนกอรอีกครั้ง ซ้ำยังวนกลับมา แล้วเดินมาหากนกอรทีละก้าว
กนกอร: ……จบเห่แล้ว!
ใครสั่งให้เธอพลั้งปาดแซวเขากัน!
ไม่ต้องกลัว เธอแต่งหน้ามาแล้ว นฤเบศวร์จำเธอไม่ได้แน่ ๆ!
กนกอรบอกตัวเองในใจไม่หยุดว่าไม่ต้องกลัว นฤเบศวร์ไม่มีทางจำเธอได้
เธอเผยใบหน้าแต้มยิ้ม ตอนที่นฤเบศวร์มายืนตรงหน้าเธอ เธอก็ยิ้มเอ่ยว่า “คนหล่อ ดื่มเหล้าไหม? ดื่มสักสองสามแก้วกับพวกพี่สาวหน่อยสิ”
นฤเบศวร์มองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
เสียงเหมือนกนกอรมาก
เสื้อเป็นเสื้อใหม่ เธอไม่เคยเห็นกนกอรใส่ชุดแบบนี้ เซ็กซี่เล็กน้อย แต่เนื้อผ้าดีมาก เป็นเสื้อแบรนด์เนม อย่างต่ำก็น่าจะหลายหมื่น จากนิสัยขี้งกของกนกอร เธอไม่มีทางยอมเสียเงินหลายหมื่นซื้อเสื้อผ้าที่แพงขนาดนี้หรอก
แต่รูปร่างแบบนี้ กระทั่งส่วนสูง ก็เหมือนกนกอรมากๆ
พอเข้ามาใกล้ นฤเบศวร์ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย หากไม่ใช่ว่ากลิ่นน้ำหอมเธอฉุนเกินไป ทำให้เขาไม่ได้กลิ่นหอมสดชื่นแบบของกนกอร นฤเบศวร์ก็แทบจะสงสัยแล้วว่าผู้หญิงตรงหน้านี้ก็คือกนกอร
หันไปมองเพื่อนของผู้หญิงคนนี้ ก็ล้วนเป็นคนแปลกหน้า ทว่าคนที่อยู่ข้างๆมีรูปร่างเหมือนเทวิกาเลย
ไม่ว่ายังไง เทวิกาก็เป็นภรรยาของคู่อริ อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทของกนกอร นฤเบศวร์เองก็ติดตามเทวิกามาระยะหนึ่งแล้ว ย่อมคุ้นเคยกับรูปร่างของเทวิกาดี
“คนหล่อ จะดื่มกับพวกพี่สาวสักสองแก้วไหม”
ในเมื่อกนกอรหยอดนฤเบศวร์ไปแล้ว งั้นก็ทำได้เพียงหยอดให้ถึงที่สุด
ทางที่ดีที่สุดคือสามารถทำให้นฤเบศวร์หายสงสัยได้
ปกติ เธอไม่เคยหยอดนฤเบศวร์มาก่อน ทุกครั้งที่พวกเธอสองคนเจอกันก็มักจะเถียงกันซะมากกว่า