รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 298 ใครหยอดใคร
นฤเบศวร์เอียงศีรษะจ้องมองเธอ กนกอรนึกถึงข้อตกลงของพวกเขา เธอแค่อยากจะคืนหนี้บุญคุณเขา เป็นสามีภรรยากันในนาม แต่ชีวิตส่วนตัวนั้นต่างฝ่ายต่างไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
ตอนที่เขากับเปรมาจู๋จี๋กัน เธอยังไม่เคยว่าอะไรเลย
ตอนนี้เธอออกมาเปิดโลก มาชมหนุ่มหล่อหลากหลายประเภท เขามีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของเธอ?
คิดได้ดังนั้น กนกอรก็มีเหตุผลที่จะมั่นใจ
พลันยกขวดเหล้าขึ้น แล้วรินเหล้าใส่แก้วของนฤเบศวร์จนเต็มแก้ว พร้อมทั้งรินเหล้าให้ตัวเองด้วย
เธอวางขวดเหล้าลง แล้วยกแก้วเหล้าขึ้น ก่อนจะยิ้มเอ่ยว่า “มา คนหล่อ มาชนแก้วกับพี่สาว”
เธอเป็นฝ่ายชนแก้วกับนฤเบศวร์ นฤเบศวร์อยากจะคล้องแขนแลกแก้วเหล้ากับเธอ แต่กลับถูกเธอใช้มืออีกข้างสะบัดออก
ตอนที่สะบัดมือเขาออก กนกอรก็ยังคงยิ้มแย้มเหมือนเดิม “คนหล่อ คล้องแขนแลกแก้วเหล้ากับคนอื่นมั่วซั่วไม่ได้ พี่ยังไม่มีแฟนเลย แลกแก้วเหล้าต้องเก็บไว้ดื่มกับสามีในอนาคตของฉันในวันแต่งงานเท่านั้น”
นฤเบศวร์ “ถ้าเราสองคนแลกแก้วเหล้ากัน ผมเป็นแฟนพี่ก็ได้”
กนกอรดื่มเหล้าอึกหนึ่ง เมื่อได้ยินเขาพูดดังนั้น เธอก็ยื่นตัวเข้ามา จงใจจับหน้าเขาทีหนึ่ง เอ่ยว่า “คนหล่อดูคุ้นตาจังเลย ฉันเคยเห็นนายที่ไหนหรือเปล่า?”
มิลินท์รับมาตอบอย่างหวังดีว่า “ฉันเองก็รู้สึกว่าคนหล่อคนนี้ดูคุ้นตาเหมือนกัน ตอนนี้นึกขึ้นมาได้แล้ว นี่มันคุณนฤเบศวร์ ท่านประธาน RA กรุ๊ปไม่ใช่เหรอ? คุณชายใหญ่ของตระกูลเดชอุป ค่าตัวมากกว่าร้อยล้าน เป็นเศรษฐีชายโสดที่แท้จริงเลยนะเนี่ย”
“นฤเบศวร์งั้นเหรอ……”
กนกอรลากปลายเสียงยาว
นฤเบศวร์ได้ยินเธอลากปลายเสียงแบบนี้ ใบหน้าก็พลันกระตุกเล็กน้อย
จากนิสัยเธอที่ชอบค่อนขอดเขา ประโยคต่อไปที่เธอพูดต้องไม่น่าฟังแน่ ๆ
เป็นไปตามที่คาด กนกอรพูดอย่างรังเกียจว่า “ที่แท้ก็เป็นรองเท้าเน่าที่คนอื่นเคยใช้แล้วนี่เอง”
ทุกคน: ……
สีหน้าของนฤเบศวร์ตึงลงอย่างฉับพลัน อีกนิดก็เกือบหมดความอดทนสาดเหล้าใส่เธอแล้ว
“ใครไม่รู้กันว่าคุณชายใหญ่ตระกูลเดชอุปคลั่งไคล้ลูกสาวตระกูลไชยรัตน์ขนาดไหน ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงมันก็แบบนั้น ทั้งคู่ผูกพันกันมาตั้งหลายปี ถ้าบอกว่าไม่มีอะไรกัน พี่สาวก็เชื่อไม่ลงจริงๆ ถ้าคุณนฤเบศวร์เคยถูกคนอื่นใช้แล้ว งั้นพี่ไม่เอาแล้วดีกว่า พี่รักสะอาด ยอมเปลือยเท้าเปล่าก็ไม่เก็บรองเท้าเน่าๆของคนอื่นมาใส่หรอก”
ตอนที่กนกอรเหน็บแนมนฤเบศวร์ เธอก็พลางเหลือบมองเขาไปด้วย เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของเขา
กลับเห็นเขาแค่เผยสีหน้าถมึงทึง จากนั้นก็เริ่มดื่มเหล้า ไม่ได้ตอบโต้อะไรเธอ ซ้ำยังไม่อาละวาดอีกต่างหาก ทำให้กนกอรรู้สึกสงสัย
แม้เรื่องที่เปรมาทำจะทำให้นฤเบศวร์ผิดหวังมาก และก็เริ่มมีความคิดที่จะตัดใจ แต่รักมาตั้งหลายปี นฤเบศวร์ไม่มีทางปล่อยวางความรู้สึกนั้นได้ภายในชั่วค่ำคืนเดียว เขารักและปกป้องเปรมามากขนาดไหนก็เป็นเรื่องที่คนทั้งเมืองต่างรู้กันดี
ตอนนี้เธอเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนฤเบศวร์ ซ้ำยังหน้าตาไม่ดีอีกต่างหาก เธอพูดจาเสียดสีต่อหน้าเขาแบบนี้ แต่เขากลับทำเพียงแค่เผยสีหน้าถมึงทึง จากนั้นก็ดื่มเหล้า
นฤเบศวร์กลายเป็นคนนิสัยดีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ถ้าผิดปกติต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ!
กนกอรใจกระตุกวูบ เดาว่านฤเบศวร์รู้แล้วแน่ ๆว่าเป็นเธอ
เพราะเสียงพูดของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป
จู่ ๆนฤเบศวร์ก็พลันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ อีกนิดก็แทบจะแนบชิดกับหน้าเธอแล้ว หากเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากเธอก็จะแตะโดนริมฝีปากเขาแล้ว
เมื่อกี้เขาเพิ่งดื่มเหล้าไป ทำให้ตัวเขามีกลิ่นเหล้าแรงมาก
“เธอยังไม่เคยลองใส่มาก่อนเลย รู้ได้ไงว่าฉันคือรองเท้าเน่า?”
กนกอร “……ผู้ชายจะลองยังไง?”
แววตาของนฤเบศวร์ยิ่งหม่นแสงลง กนกอรรู้สึกว่าเขาในตอนนี้เหมือนจิ้งจอกเล็กน้อย กำลังจะผลักเขาออก จู่ ๆเขากลับโอบเอวเธอ ก่อนจะดึงเข้าไปในอ้อมกอด แล้วเอ่ยบางอย่างที่ข้างหูเธอเสียงเบา
กนกอรพลันหน้าแดงก่ำเหมือนถูกไฟเผา
เธอใช้แรงผลักนฤเบศวร์ออกทันที
เทวิกากับมิลินท์—เบิกตาโพลงอ้าปากค้าง ขณะเดียวกันก็รู้สึกเพลิดเพลิน ยิ่งอยากจะรู้ว่านฤเบศวร์พูดอะไรกับกนกอร ถึงกับทำให้กนกอรหน้าแดงก่ำซ้ำยังดูโกรธมากอีกต่างหาก
ดูจากบทสนทนาของทั้งคู่เมื่อก่อนหน้านี้
จู่ ๆเทวิกาก็พลันเข้าใจ
ในทั้งสามคนก็มีแค่เธอที่เคยมีประสบการณ์ เธอเข้าใจ
เทวิการีบรินเหล้าให้ตัวเองจนเต็มแก้ว แล้วดื่มเหล้าสงบใจตัวเอง
เธอกล้าพูดเลยว่า นฤเบศวร์รู้แล้วแน่ ๆว่าเป็นกนกอร
ไม่งั้นก็ไม่ทำการกระทำแบบนี้หรอก
นฤเบศวร์คลั่งไหคล้เปรมาก็คือคนโง่เขลาในสายตาพวกเขา แต่ดูจากอีกแง่มุมหนึ่ง เขาคลั่งไคล้เปรมามาสิบกว่าปีก็ยังไม่เคยเปลี่ยนใจ แสดงว่าเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อความรักมาก หลายปีมานี้ก็ไม่เคยมีข่าวฉาวกับผู้หญิงคนอื่นมาก่อน ยิ่งไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร
เขารักเดียวใจเดียวมาโดยตลอด รอเปรมาเห็นความดีของเขา เปลี่ยนใจมารักเขา
หากบอกว่าในเรื่องชายหญิงเขายังเป็นแค่กระดาษขาว ไม่มีประสบการณ์ เทวิกาเชื่อ
ระหว่างที่เด็กหนุ่มกลายเป็นผู้ชาย เทวิกาเองก็รู้ อืม ตอนนั้นสามีเธอเองก็กระวนกระวาย เขายังนึกว่าตัวเองมีปัญหาด้วยซ้ำ
“พวกเขากระซิบอะไรกัน?”
มิลินท์ถามที่ข้างหูเทวิกาเสียงเบาว่า “บอกวิธีทดสอบว่าผู้ชายไม่ใช่รองเท้าเน่ายังไงใช่หรือเปล่า? ทดสอบยังไง?”
เธอเองก็อยากทดสอบกระต่ายของเธอเหมือนกัน
เพียงแต่ กระต่ายของเธอแค่จูบปากยังอึ้งเหม่อเหมือนหินได้ คิดดูแล้ว ก็ยังเป็นกระต่ายน้อยที่บริสุทธิ์อยู่แน่ ๆ กำลังรอให้เธอไปฝึกสอนให้เชื่องอยู่เลย
ว่าแต่ เธอเองก็ไม่มีประสบการณ์จริง จะฝึกสอนยังไง?
เทวิกาเองก็หน้าแดงก่ำ เธอแอบหยิกมิลินท์ทีหนึ่ง เอ่ยเสียงเบาว่า “ฉันไม่รู้ ฉันยังเป็นเด็ก เพิ่งขึ้นอนุบาล”
มิลินท์ “……”
ในบรรดาพวกเธอสามคน ก็มีแค่เทวิกาที่ไม่ใช่เด็กแล้วต่างหาก!
บอกว่าในท้องเทวิกามีเด็ก เธอยังเชื่อเลยด้วยซ้ำ
“โอ๊ย!”
กนกอรเผลอทำเหล้าหกบนโต๊ะโดยไม่ระวัง มีเหล้าเปื้อนเสื้อเธอเล็กน้อย เธอรีบใช้ทิชชู่เช็ดทันที ก่อนจะเอ่ยกับทุกคนว่า “ขอโทษนะ ฉันขอไปห้องน้ำก่อน”
อันที่จริงคืออยากจะหนี
เธอรู้สึกว่านฤเบศวร์รู้แล้วแน่ ๆว่าเป็นเธอ
ผิดที่เธอพลั้งปากแซวเองแท้ๆ!
นฤเบศวร์ไม่ได้ห้ามเธอไปห้องน้ำ ทว่าตอนที่กนกอรเดินออกจากห้อง นฤเบศวร์ก็ส่งสายตาให้พวกบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดทั้งแปดคนเข้าใจในทันที พลันออกจากห้องตามไปด้วย
เทวิกากับมิลินท์สบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่มิลินท์จะเอ่ยกับนฤเบศวร์ว่า “คนหล่อ มีแต่เพื่อนฉันคนนั้นที่สนใจนาย แต่เราสองคนไม่ได้สนใจนาย นายรอเพื่อนฉันอยู่ที่นี่ละกัน ส่วนเราขอออกไปเจอหนุ่มหล่อคนอื่นๆ ไปก่อนล่ะ”
พูดจบ มิลินท์ก็ดึงเทวิกาลุกขึ้นยืนและเดินออกไป
นฤเบศวร์ไม่พูดอะไร และไม่ได้ห้ามทั้งคู่ออกไป
เมื่อออกมาจากห้อง มิลินท์ก็จูงเทวิกาเดินไปที่ห้องน้ำ
เทวิกาเดินตามฝีเท้าเธอ แล้วถามอย่างร้อนรนว่า “ลินท์ ฉันรู้สึกว่าความลับเราแตกแล้ว ทำยังไงดี? นฤเบศวร์ไม่ได้ห้ามเราไป น่าจะเพราะให้บอดี้การ์ดเขาไปเฝ้าตรงทางออกแล้ว”
มีบอดี้การ์ดแปดคนเฝ้าประตูของคลับรักนะ แม้พวกเธอจะออกมาจากห้องได้ แต่ก็ออกจากคลับรักนะไม่ได้อยู่ดี
“เพราะฉะนั้น เราต้องเปลี่ยนโฉมให้เร็วที่สุด ฉันจะโทรให้คนมาส่งเสื้อให้เรา”
“โอเค”
เทวิการู้สึกโชคดีมากที่มีมิลินท์ ไม่งั้นเธอกับกนกอรก็หนีรอดไปไม่ได้แน่ ๆ