รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 311 ยังไงก็จะเกาะเธอไว้!
เมื่อนฤเบศวร์โบกมือ ก็มีบอดี้การ์ดเดินมาข้างหน้าสองคน ซ้ายขวาข้างละคนจับตัวกันตภณ แล้วโยนออกไปนอกร้านกาแฟ
ด้วยพฤติกรรมที่อุกอาจของนฤเบศวร์นี้ทำให้กนกอรโกรธจนหน้าเขียว
เธอพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า: “นฤเบศวร์ เดิมทีตอนที่เราแต่งงานกับลับๆ ได้พูดคุยกันไว้อย่างชัดเจนแล้ว คุณลืมมันหมดแล้วเหรอ?ตอนนี้คุณมายุ่งเรื่องของฉัน แสดงว่าคุณทำผิดสัญญา ฉันมีสิทธิ์ยุติสัญญาได้ ยกเลิกความสัมพันธ์การแต่งงานระหว่างเราได้ พอดีเลย พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ ที่ทำการอำเภอทำงานพอดี พวกเราไปทำเรื่องหย่ากัน”
“คุณเป็นคนผิดสัญญาก่อน ค่าตอบแทนที่คุณเคยรับปากไว้ต้องจ่ายมาให้สมราคา!”
ถึงแม้จะยุติสัญญาเรื่องแต่งงานก่อนกำหนด แต่กนกอรก็ไม่ลืมที่จะขอค่าชดเชยให้ตัวเอง
สีหน้าของนฤเบศวร์ก็ไม่น่าดูเช่นเดียวกัน สองสามีภรรยาเธอจ้องมองฉัน ฉันจ้องมองเธอ
สถานการณ์ตึงเครียดมาก
เทวิกาคิดในใจว่า ตอนนี้ถ้ายื่นมีดให้กนกอร รับรองเธอต้องฟันนฤเบศวร์แน่นอน
พนักงานสาวในร้านเข้าไปใกล้เทวิกา ร่างกายท่อนบนพิงไว้กับเคาน์เตอร์ ถามเทวิกาเสียงเบาออกมาว่า: “พี่วิกา พี่อรจดทะเบียนสมรสกับคุณนฤเบศวร์แล้วจริงๆ เหรอ?”
เธอดูออกว่าสองคนนี้เป็นคู่กัน แต่ไม่รู้ว่าได้จดทะเบียนสมรสกันแล้ว
สมกับที่เป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ พี่วิกาจัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตแบบนี้ พี่อรก็เช่นเดียวกัน
พูดไปแล้ว ใกล้ชิดกับใคร ก็จะเหมือนคนนั้น ในอนาคตเธอคงไม่จัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตเหมือนเถ้าแก่สองคนนี้หรอกนะ?
เทวิกาพูดเสียงเบาออกมา: “เธอเองก็ได้ยินแล้ว ไม่ต้องถามอีก”
“ดูไปก่อน”
พนักงานสาวในร้านตอบอืมออกมา
เธอหันหน้าแล้วเดินออกไป จากนั้นได้ยกของว่างหลายอย่างออกมา และวางของว่างพวกนั้นไว้บนเคาน์เตอร์ แล้วยกเก้าอี้ขายาวมาหนึ่งตัว นั่งลงบนเก้าอี้ เธอกับเทวิกากินของว่างไปด้วย ดูหนังไปด้วย
พวกเขาฟังที่นฤเบศวร์ถามกนกอร: “คุณพูดว่าพวกเราเซ็นสัญญากัน สัญญาอยู่ไหนเหรอ?หยิบออกมาให้ผมดูหน่อย ทำไมผมถึงจำไม่ได้ว่าพวกเราเคยเซ็นสัญญากัน?”
เมื่อกนกอรได้ยิน โกรธจนปอดจะระเบิดออกมา
“นฤเบศวร์ คุณเป็นคนพาลเหรอ?”
เทวิกาพูดเสียงเบากับพนักงานสาวในร้านว่า: “แย่แล้ว พี่อรของเธอได้ตกเข้าไปในหลุมพรางแล้ว”
พนักงานสาวถามออกมาว่า: “พี่วิกา พวกเราช่วยดึงพี่อรหน่อยไหม ช่วยพี่อรหาสัญญาฉบับนั้นออกมา แล้วโยนใส่หน้านฤเบศวร์แรงๆ”
หลังจากที่เทวิกากินเค้กไปก้อนหนึ่ง ได้พูดขึ้นว่า: “อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด ถ้าทำแบบนั้น จะตกเข้าไปในแผนการของนฤเบศวร์ทันที”
พนักงานสาวไม่เข้าใจ
เทวิกาอยากอธิบาย แต่เพื่อนสนิทเดินเข้ามาด้วยความโกรธพอดี
“วิกา หลบหน่อย”
กนกอรพูดออกมา แล้วยืนอยู่ด้านหลังเทวิกา เธอดึงลิ้นชักออกมาอย่างดุดัน จากนั้นค้นหาในลิ้นชักอยู่สักพัก ก็ค้นเจอสมุดออกมาหนึ่งเล่ม จากนั้นหยิบทะเบียนสมรสที่หนีบอยู่ในหนังสืบเล่มนั้นออกมา
เพื่อไม่ให้คนในครอบครัวรู้ เธอจึงซ่อนทะเบียนสมรสไว้ร้าน นอกจากเธอแล้ว แม้แต่เทวิกาก็ไม่รู้ว่าเธอซ่อนทะเบียนสมรสไว้ที่ลิ้นชักเคาน์เตอร์
“กนกอร”
เทวิกาดึงเพื่อน อยากเตือนเพื่อนเพื่อไม่ให้ตกหลุมพรางเข้าไป แต่กนกอรกำลังโกรธอยู่ จึงสลัดมือของเพื่อนสนิทออก แล้วพูดกับเพื่อนสนิทออกเดต“วิกา เธอไม่ต้องเกลี้ยกล่อมฉัน ฉันจะคุยกับไอ้คนพาลนี้ มีตัวหนังสืออยู่บนกระดาษ เขายังจะกล้าไม่ยอมรับอีกไหม”
เธอหยิบทะเบียนสมรสฉบับนั้นไว้และเดินเข้าไปหานฤเบศวร์อย่างรวดเร็ว
“นฤเบศวร์ คุณเบิ่งตาคุณดูดีๆ นี่เป็นทะเบียนสมรสที่เราจดด้วยกันในตอนนั้น!”
กนกอรตบเพี๊ยะลงไป เอาทะเบียนสมรสใบนั้นตบลงไปที่หน้าอกของนฤเบศวร์
เทวิกาปิดหน้าไว้ ไม่กล้ามอง!
นฤเบศวร์รับทะเบียนสมรสนั้นไว้ทันที ฉีดมันทิ้ง โดยไม่ได้มองเลย
เมื่อกนกอรนึกขึ้นได้ จะไปแย่ง น่าเสียดายที่ไม่ทันแล้ว
บอดี้การ์ดของตระกูลเดชอุปในตอนนี้ร่วมมือกันมาก เดินเข้าไปพร้อมกัน แล้วแยกคุณชายใหญ่กับคุณหญิงใหญ่ออกจากกัน พวกเขาสร้างกำแพงล้อมไว้ ขวางคุณหญิงใหญ่ไว้
หลังจากที่นฤเบศวร์ฉีดสัญญาฉบับนั้นจนแหลกละเอียด และกลัวกนกอรจะติดสัญญาคืนกลับมาอีก นฤเบศวร์จึงได้หยิบไฟเช็กออกมา แล้วเผากระดาษที่ฉีดจนละเอียดพวกนั้นให้กลายเป็นผง
ฮ่าๆ แบบนี้ถึงแม้กนกอรจะเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนผงให้กลายเป็นกระดาษเหมือนเดิมได้อีก
นฤเบศวร์ได้เตรียมการไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
ในตอนที่เขาคิดจะทำลายสัญญานี้ทิ้ง ก็ได้เตรียมไฟเช็กติดตัวไว้ตลอด เตรียมไว้เผากระดาษโดยเฉพาะ
ใบหน้าของกนกอรดำแล้วเขียว เขียวแล้วดำอีก
“นฤเบศวร์ คุณมันเลว!ไอ้คนพาล!”
กนกอรโกรธและด่าออกมาอย่างโมโห
เธอนึกว่า หนังสือสัญญาแต่งงานนี้จะเป็นหลักประกันของเธอ แต่ตอนนี้ถูกนฤเบศวร์ฉีกทิ้ง และฉบับนั้นของเขายิ่งไม่มีทางให้เธอเด็ดขาด เธอจะไปร้องไห้ปรับทุกข์ก็ไม่ได้ เธอช่างเจ็บใจจริงๆ เลย
หลังจากทำลายสัญญาแต่งงานจนไม่เหลือซากแล้ว นฤเบศวร์สั่งให้บอดี้การ์ดถอยไป ส่วนเขาเดินเข้าไปหากนกอร ยิ้มแล้วถามออกมาว่า: “ที่รัก พวกเรากลับบ้านกินข้าวกันได้แล้วหรือยัง?”
“ไม่กลับ!”
“ถ้างั้น ผมต้องเอาของกำนัลชิ้นใหญ่ไปหาแม่ยายของผมละ”
นฤเบศวร์พูดจบ ก็หันหน้าเดินออกไปข้างนอกทันที
กนกอรรีบรั้งตัวเขาไว้ เนื่องจากเธอโกรธมาก จึงกัดลงไปที่แขนของนฤเบศวร์แรงๆ กัดจนมีรอยฟันออกมา
“นฤเบศวร์ ถ้าคุณกล้าไปหาแม่ฉัน ฉันไม่ยอมจบสิ้นกับคุณแน่”
นฤเบศวร์ถูกกัดจนเจ็บ แต่ก็ไม่ได้โกรธ ยิ้มปากกว้างแล้วพูดขึ้นว่า: “พวกเรามีเวลาข้องเกี่ยวกันทั้งชีวิต พอดีเลยจะได้ไม่จบไม่สิ้นกัน”
“คุณมันเลว หน้าด้าน!”
“อยู่ต่อหน้าคุณ ผมหน้าด้านตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
กนกอร: “……”
ปรกติเวลาที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน ส่วนใหญ่เธอจะเป็นคนอยู่เหนือกว่าทุกครั้ง แต่ตอนนี้ เธอกลายเป็นเบี้ยล่าง เป็นฝ่ายถูกกระทำ
“ที่รัก……”
“ห้ามคุณเรียกฉันที่รักเด็ดขาด!คุณเป็นคนเตือนฉันตลอด ว่าอย่าตกหลุมรักคุณ!และไม่อยากให้คนอื่นรู้ความสัมพันธ์ของเรา!”
นฤเบศวร์กะพริบตา, “มีด้วยเหรอ?ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยพูดคำพูดแบบนี้มาก่อน กนกอร ไปกันเถอะ พวกเรากลับบ้านไปกินข้าวกัน คุณปู่ยังรอพวกเราอยู่ที่บ้านอยู่นะ”
ชะงักไปสักพัก เขาได้พูดออกมาอย่างโหดเหี้ยมว่า: “มีผมอยู่ คุณอย่าคิดว่าจะไปกินข้าวกับกันตภณได้ นอกจากคุณจะเหยียบข้ามศพผมออกไป!”
กนกอรสะบัดมือเขาออก แล้วหันหน้าเดินกลับ
เมื่อกลับไปถึงหน้าเคาน์เตอร์ เห็นเพื่อนสนิทกับพนักงานสาวต่างจ้อมมองมาที่เขา
กนกอรอดไม่ได้ที่จะบ่นเพื่อนออกมาว่า: “วิกา เธอก็ไม่รู้จักรั้งฉัน”
เทวิกาพูดออกมาอย่างผู้บริสุทธิ์ว่า: “ฉันรั้งเธอแล้ว แต่เธอสะบัดมือฉันออกเอง หยิบทะเบียนสมรสเดินออกไปด้วยความโกรธ”
กนกอร: “……เธอควรจะตีฉันให้สลบ”
เทวิกาตรึกตรองดูสักครู่ แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันกลัวแรงฉันไม่ถึง ไม่สามารถตีเธอให้เป็นลมไปได้ แต่กลับตีให้คอเธอเจ็บไปหลายวัน”
“น่าโมโหจริงๆ น่าโมโหจริงๆ”
กนกอรนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าเคาน์เตอร์ และโหโหในใจ
เทวิกามองกนกอร แล้วหันไปมองนฤเบศวร์อีก เธอเดินไปหานฤเบศวร์ แล้วพูดกับเขาว่า: “คุณนฤเบศวร์ ขอคุยอะไรหน่อย”
นฤเบศวร์มองไปที่กนกอรด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นเดินออกไปนอกร้านกาแฟกับเทวิกา
ทั้งสองคนคุยอะไรกันข้างนอก กนกอรฟังไม่ชัดเจน
แต่ว่า เธอเชื่อว่าเพื่อนสนิทต้องยืนอยู่ข้างเธอแน่นอน
เป็นไปตามอย่างที่คิดไว้จริง หลังจากนั้นสิบกว่านาที นฤเบศวร์ได้พาบอดี้การ์ดออกไปจากที่นี่
แต่ก่อนจะออกไปได้วนกลับมาอีกครั้ง ยืนอยู่หน้าประตูแล้วพูดกับเธอว่า: “คุณเป็นภรรยาของผม!นี้เป็นความจริง ผมไม่มีทางหย่าร้างเด็ดขาด ตอนมีชีวิตอยู่คุณเป็นคนของผม ตายก็ต้องเป็นผีของผม”