รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 333 สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว
กลัวว่ายศพัฒน์จะเห็น เธอก้มหน้าลง เพื่อให้ตัวเองดูจริงใจอย่างมาก และดูท่าทางสำนึกผิด
“พัฒน์ เทวิกา เปรม์สำนึกผิดแล้วจริงๆ พวกเธอเป็นผู้ใหญ่มีจิตใจกว้างขวาง ก็ให้อภัยเธอสักครั้งเถอะนะ”
ณัฏฐาพูดแทนลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เธอให้คนเตรียมของขวัญในนามสองแม่ลูก ส่งไปแล้วพูด:“เทวิกา เปรม์ให้ของเธอเพื่อขอโทษอย่างจริงใจจริงๆ ของพวกนี้ หวังว่าเธอจะไม่รังเกียจ”
เห็นว่ายศพัฒน์สีหน้าอึมครึม เทวิกาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ณัฏฐาเลยรีบพูดต่อ:“พัฒน์ เปรม์ผิดก็จริง หลังจากที่เขาขอโทษพวกเธอแล้ว ฉันจะพาเขาไปมอบตัวเอง แล้วก็รับประกันว่าหลังจากนี้จะไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้พวกเธอสองสามีภรรยาอีก”
ส่งของเพื่อขอโทษ แล้วไปมอบตัว จะได้ไม่ถูกพศพัฒน์ควบคุมสถานการณ์ มันจะไม่ดีต่อเปรมาอย่างมาก
“พอเปรม์ออกมาแล้ว ฉันจะพาเธอออกนอกประเทศ แล้วต่อไปจะไม่กลับมาเมืองแอคเซสซ์อีก”
ณัฏฐารู้ ถ้าไม่ให้คำสัญญาพวกนี้ ยศพัฒน์ไม่มีทางวางมือแน่ กิจการของลูกสาวเธอก็จะถูกทำลายลง
ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะถูกทำลายไปพอสมควรแล้ว โชคดีที่ยังมีโอกาสรอดขึ้นมาอยู่บ้าง
ขอแค่ออกจากเมืองแอคเซสซ์ อยู่ห่างจากสองสามีภรรยาคู่นี้ ย้ายที่อยู่ ด้วยความสามารถของลูกสาว ต้องยืนหยัดขึ้นมาใหม่ได้แน่
ความอับอายในวันนี้ ถ้าวันหน้ายืนหยัดขึ้นมาได้ ค่อยแก้แค้นก็ยังไม่สาย
เปรมาเงยหน้าสบตากับเทวิกา เธอพูด:“เทวิกา ที่แม่ฉันพูดก็คือการตัดสินใจของฉัน เธอวางใจเถอะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เธอกับพัฒน์อีก”
เธอหัวเราะเยาะตัวเอง “แต่ไหนแต่ไรพัฒน์ก็ไม่เคยเป็นของฉัน เป็นเพราะฉันโลภมาก นึกว่า……จนตอนนี้ ฉันกลายมาเป็นแบบนี้ ก็เพราะหาเรื่องใส่ตัว”
“เทวิกา เธอยกโทษให้ฉันได้ไหม?”
นักข่าวและสื่อมวลชนต่างก็กำลังอัดรายการอยู่
หลังจากที่เทวิกาเงียบไปสักพัก ก็พูด:“คำขอโทษของเธอ ฉันจะรับไว้ ส่วนของ ฉันไม่ต้องการ เธอเอากลับไปเถอะ เรื่องมอบตัว ถ้าเธอพูดออกมาแล้วทำไม่ได้ ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะส่งเธอเข้าไปด้วยตัวฉันเอง”
เรื่องนี้ที่เปรมาทำลงไป ก็เหมือนกับการประกาศให้ทั้งโลกรู้ อย่าคิดว่าสร้างข่าวลือไม่ต้องการต้นทุนก็จะสามารถลอยนวลได้ อยู่ที่คนอื่นเขาจะฟ้องหรือไม่ฟ้องเธอต่างหาก รุกรานสิทธิชื่อเสียงของคนอื่น ขอแค่หลักฐานเพียงพอ พอฟ้องก็จบ
เปรมากัดริมฝีปาก แล้วมองไปที่ยศพัฒน์ เห็นว่าใบหน้าของยศพัฒน์นั้นหน้านิ่วคิ้วขมวด สายตาเย็นชา ไม่พูดอะไร ในใจเธอก็รู้สึกแย่อย่างมาก เพราะยังไงซะเขาก็เป็นผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด
ไม่เคยจะใจอ่อนให้เธอเลยสักครั้ง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อ่อนโยน เพียงแต่ความอ่อนโยนของเขามอบให้แค่เทวิกา
เมื่อก่อน เธอยังดูถูกเทวิกาว่าไม่เหมาะสมกับพัฒน์ คิดว่าตัวเองเก่งกว่าเทวิกาอยู่เลย หลังจากที่รู้ฐานะที่แท้จริงของเทวิกาแล้ว เธอพึ่งเข้าใจ แม้แต่ช่วยเทวิกาถือรองเท้าตัวเธอเองนั้นไม่คู่ควรเลยสักนิด
“เทวิกา ฉันจะไปมอบตัวเอง รับผิดชอบสิ่งที่ตัวฉันเคยทำลงไป”
ได้รับบทเรียน หลังจากนี้ถ้าทำเรื่องแบบนี้อีก จะต้องวางแผนให้แนบเนียน ให้ยศพัฒน์หาหลักฐานไม่เจอ
อ๊ะ?
เปรมานิ่งอึ้งไป นี่เธอยังไม่ปล่อยพัฒน์งั้นเหรอ?
คนที่เธอควรจะไปเอากลับคืนมาคือเบศวร์ แบบนั้นโอกาสน่าจะเยอะกว่า
แต่พอคิดว่าเธอต้องไปมอบตัว แลกกับที่ตัวเองได้สร้างข่าวลือลงไป รอเธอออกมาจากข้างในได้ ท้องฟ้าของเมืองแอคเซสซ์ก็คงจะเปลี่ยนไปนานแล้ว
เธอ สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว!
“ฉันจะรอ”
เปรมานิ่งอึ้งไป
ทั้งสองคนมองหน้ากันไม่ได้พูดอะไร
การขอขมาขอโทษจบเพียงเท่านี้
เหล่านักข่าวสื่อมวลชนโพสต์สิ่งที่พวกเขาได้เห็นในสถานที่นี้ลงบนอินเทอร์เน็ต ทำให้ทุกคนในเมืองแอคเซสซ์ได้รู้ความจริงของคุณนายน้อยอริยชัยกุลที่“นอกใจ”ในตอนแรก
เรื่องนี้จบลงด้วยการที่เปรมาขอโทษ และยอมไปมอบตัว
หลังจากที่เปรมาพานักข่าวสื่อมวลชนออกไปแล้ว มิลินท์ก็รีบช่วยแต่งหน้าให้เทวิกาด้วยความเร่งรีบ แม้แต่อาหารเช้าเทวิกาก็ยังไม่ได้กิน ก็ต้องรีบเข็นรถไฟฟ้าของป้ามะนาวที่พึ่งซื้อออกมา เพื่อขี่รถไฟฟ้าไปทำงาน
“คุณนายน้อย อาหารเช้าใส่กล่องเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ขณะที่ป้ามะนาวถือกล่องอาหารเช้าออกมาจากห้องด้านใน ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคุณนายน้อยแล้ว
“คุณชายพัฒน์ คุณนายน้อยยังไม่ได้กินมื้อเช้าก็ออกไปทำงานแล้วค่ะ”
ป้ามะนาวยกกล่องข้าวที่เก็บอุณหภูมิขึ้นสูง แล้วพูดกับยศพัฒน์ที่เดินออกมา
ยศพัฒน์หยิบกล่องข้าวในมือของป้ามะนาว แล้วพูดกับเธอ:“ผมจะไปส่งให้เธอเองครับ ไม่ให้ท้องเธอต้องหิวหรอก”
เขาเป็นห่วงว่าท้องของเทวิกาจะหิวมากกว่าป้ามะนาวเสียอีก
“คุณนายน้อยไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ใครรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณชายพัฒน์หรอกเหรอคะ?”
หลังจากที่คุณนายน้อยแต่งหน้าเสร็จ ป้ามะนาวก็จำเธอเกือบไม่ได้
นับถือฝีมือการแต่งหน้าของคุณนายรองจริงๆ ทำให้คนๆหนึ่งกลายเป็นอีกคนไปเลย
ยศพัฒน์ส่งกล่องข้าวเก็บอุณหภูมิให้มิลินท์ แล้วพูดกับเธอ:“ลินท์ ช่วยอะไรหน่อย เธอไปรอฉันที่หน้าประตูออฟฟิศ พอฉันถึงก็ค่อยส่งกล่องข้าวให้ฉัน ฉันจะทำเป็นให้รางวัลพนักงานกิน”
พนักงานคนนั้นก็คือภรรยาของเขานั่นเอง
มิลินท์ยังไม่ได้รับกล่องข้าวมา กษิดิก็ขัดขึ้นซะก่อน “พี่ใหญ่ พวกพี่สองคนจะเล่นอะไรกันมันก็เรื่องของพวกพี่สามีภรรยา อย่าทำให้ชื่อเสียงลินท์เสียหาย ทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดคิดว่าลินท์คิดอะไรกับพี่ก็แล้วกัน”
ลินท์เป็นของเขา!
ยศพัฒน์:“.…..”
มิลินท์ยื่นมือออกมารับกล่องข้าวไป พูดกับชายหนุ่มทั้งสองคน:“ต้องลำบากขนาดนั้นเลยหรือไง? ฉันจะไปส่งให้ที่หน้าออฟฟิศ เอากล่องข้าวฝากไว้ที่รปภ. บอกว่าเป็นข้าวที่สั่งมา แค่นี้ก็จบแล้ว”
ชายหนุ่มพี่น้องทั้งสอง:……
มิลินท์ถือกล่องข้าวเก็บอุณหภูมิแล้วเดินจากไป
เหลือแค่พี่น้องสองคนที่มองหน้ากัน
“พี่ใหญ่ก็มีช่วงที่ทึ่มเหมือนกันนะเนี่ย”
กษิดิมีอารมณ์ขันทั้งๆที่โดนต่อว่า
“พูดอย่างกับนายฉลาดอย่างนั้นแหละ”
ยศพัฒน์พูดจบประโยค ก็เดินผ่านหน้าน้องชายไป เดินไปยังรถของเขา ไม่นานก็ขับออกไป
กษิดิหัวเราะคิกคัก แล้วพูดกับป้ามะนาว:“ป้ามะนาว ท่าทางทึ่มๆของพี่ใหญ่ ร้อยปียากที่จะได้เห็นนะครับเนี่ย”
“คุณชายรอง ใช้คำเกินจริงไปนะคะ อายุของคุณกับคุณชายพัฒน์รวมกันยังไม่ถึงร้อยปีเลยค่ะ”
กษิดิถอนหายใจ แล้วรีบพูดต่อ:“ป้ามะนาว ป้าไม่สนุกเลยอะ จริงจังไปทำไมครับเนี่ย รู้ว่าป้าเป็นคนดูแลพี่ใหญ่ เข้าข้างพี่ใหญ่อยู่แล้ว”
ป้ามะนาวหมุนตัวแล้วเดินกลับไป “คุณชายรองรู้ก็ดีแล้วค่ะ”
กษิดิ:……
อีกด้าน
หน้าสำนักงานเขต
ไม่ถึงเก้าโมง กนกอรถือใบสมรสยืนรอนฤเบศวร์อยู่หน้าสำนักงานเขต
ตอนนี้เลยเก้าโมงไปแล้ว ตานั่นก็ยังมาไม่ถึง คงจะไม่ได้คิดจะเปลี่ยนใจหรอกนะ!
กนกอรหยิบมือถือออกมาโทรหานฤเบศวร์
ไม่นานนฤเบศวร์ก็รับสายโทรศัพท์
“นฤเบศวร์ นายอยู่ที่ไหนเนี่ย? ออกมาหรือยัง? นัดกันเรียบร้อยแล้วนี่ว่าเจอกันที่สำนักงานเขตเก้าโมง ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว ทำไมนายยังไม่มาอีก? นายเปลี่ยนใจงั้นเหรอ? ถ้าเปลี่ยนใจ แม่ฉันคงด่าฉันแน่ คงบอกว่าฉันไม่อยากหย่า แล้วก็ไล่ฉันออกจากบ้าน ไม่นับฉันเป็นลูกสาวอีก”
“ผมอยู่ระหว่างทางไปสำนักงานเขตแล้ว”
นฤเบศวร์พูดราวกับมีเสียงหอบ
กนกอรถามด้วยความแปลกใจ:“นายไปทำอะไรมา ทำไมหอบอย่างนั้น”
“ผมขี่รถอยู่ จากบ้านผมไปถึงสำนักงานเขต ไกลขนาดนั้น ผมปั่นอยู่ตลอดทาง ต่อให้ร่างกายแข็งแรงแค่ไหน ก็เหนื่อยเป็นนะคุณ”
กนกอร:“.…..นฤเบศวร์ นายอย่าบอกฉันนะ ว่ารถที่นายขี่มาคือจักรยาน”
“กนกอร คุณฉลาดจริงๆ เดาถูกเผงเลย ผมขี่จักรยานอยู่”
กนกอร:“.…..”