รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 374 แม่ลูกทะเลาะกัน
“ก็ไม่รู้ว่าปู่นายคิดยังไง แม้ไม่ชอบเปรมา ก็ควรจะหาคุณหนูที่มียศถาบรรดาศักดิ์เหมือนเทวิกามาเป็นเมียนายสิ”
นฤเบศวร์พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “ตอนนั้นแม่ก็เคยบอกว่าเทวิกาเป็นลูกสาวคนจน ไม่เหมาะสมกับพัฒน์”
บัณฑิตา “……” เธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าแท้จริงแล้วเทวิกาจะเป็นคุณหนูตระกูลสาระทา
“เบศวร์ นายจะสืบประวัติกนกอรอีกสักหน่อยไหม? ดูว่าเขาเป็นลูกสาวแท้ๆองตระกูลภูสิทธิ์อุดมหรือเปล่า หากเธอเองก็เป็นลูกสาวที่หายสาบสูญของตระกูลเศรษฐีเหมือนเทวิกา งั้นแม่ก็สามารถยอมรับเธอมาเป็นลูกสะใภ้ได้”
ตอนนั้นที่รู้ว่ายศพัฒน์แต่งงานกับหญิงสามัญชนที่ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่มีใครรู้ว่าบัณฑิตาดีใจขนาดไหน
คิดว่าในที่สุดลูกชายก็สามารถเอาชนะยศพัฒน์ได้สักครั้งแล้ว
กลับคิดไม่ถึงเลยว่า เธอยังดีใจได้ไม่ถึงสองวัน พ่อสามีก็บีบบังคับให้ลูกชายแต่งงานกับหญิงสามัญชนที่ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ด้วยเช่นกัน ใครจะไปรู้ว่าตอนนั้นบัณฑิตาโกรธขนาดไหน แต่กลับไม่สามารถระบายโทสะกับพ่อสามีได้
ทำได้เพียงต้องไปหาเรื่องกนกอร แต่กนกอรกลับไม่เกรงกลัวแม่สามีอย่างเธอเลยสักนิด สุดท้ายดันเป็นเธอเองที่หนีหางจุกตูดกลับไป
หลังจากนั้นเรื่องที่เทวิกาเป็นคุณหนูตระกูลสาระทาของเมืองซูเพร่าก็ถูกเปิดโปง บัณฑิตาไม่อาจไม่พูดได้ว่ายศพัฒน์ช่างมีสายตาที่ร้ายกาจจริงๆ ถึงสามารถแต่งงานกับคุณหนูตระกูลสาระทาที่หายสาบสูญไปยี่สิบกว่าปีได้
ยศพัฒน์: ผมแต่งงานกับเทวิกาเพราะรักไม่ใช่เพราะฐานะของเธอ
นฤเบศวร์โมโหกับคำพูดของแม่จนพูดไม่ออก สักพัก เขาก็จึงจะเอ่ยด้วยสีหน้าถมึงทึงว่า “แม่ กนกอรก็คือลูกสาวแท้ๆของตระกูลภูสิทธิ์อุดม ไม่ว่าเธอจะมีตัวตนหรือฐานะอะไร ผมก็ชอบเธอ”
“นายชอบหล่อน? หล่อนคือที่ปู่นายบีบบังคับให้นายแต่งงานด้วย นายชอบหล่อนได้ยังไงกัน? เบศวร์ นายควรเกลียดยัยนั่น เพราะมัน นายถึงถูกปู่นายบีบบังคับและข่มขู่ อีกอย่าง คนที่นายรักที่สุดคือเปร แม้เปรจะทำผิดต่อนาย แต่นายสามารถตัดใจได้จริงๆเหรอ?”
นฤเบศวร์หน้าเขียว เอ่ยว่า “แม่ ความหมายของแม่ก็คืออยากให้ผมกับเปรมาเริ่มต้นกันใหม่สินะ? แม่ แม่เห็นมาสิบกว่าปี แม่เคยเห็นลูกชายแม่กับเปรมาเริ่มต้นกันมาก่อนไหม? ในสายตาและหัวใจของเปรมามีแค่ยศพัฒน์เพียงคนเดียว”
“แม่อยากให้ลูกชายแม่ถูกนอกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
บัณฑิตาเถียงไม่ออก หากตอนนี้จะให้เธอยอมรับเปรมาเป็นลูกสะใภ้ เธอก็ทำไม่ได้
“งั้น……งั้น นายก็ชอบกนกอรไม่ได้อยู่ดี ฐานะทางบ้านเธอยังสู้พ่อบ้านของตระกูลเราไม่ได้ด้วยซ้ำ หากนายแต่งงานกับกนกอร เธอจะสามารถช่วยอะไรนายได้? เธอไม่มีเส้นสาย ไม่สามารถช่วยธุรกิจของนายได้ ไม่มีความสามารถที่จะช่วยนายแบ่งเบาภาระ นอกจากต้มกาแฟเธอยังทำอะไรได้อีก?”
“เบศวร์ นายแอบหย่ากับหล่อนซะ แล้วแม่จะหาคุณหนูคนอื่นๆให้นาย ผู้หญิงในวงการเดียวกับเรา สุ่มจับออกมาสักคนก็ดีกว่ากนกอรเป็นสิบเท่าร้อยเท่า นายห้ามรักกนกอรเด็ดขาด”
พูดถึงเรื่องหย่า สีหน้าของนฤเบศวร์ก็พลันหม่นหมองลง “แม่ ผมกับกนกอรหย่ากันนานแล้ว”
เขาเคยบอกเรื่องนี้กับปู่โดยเฉพาะ หวังว่าปู่จะขัดขวาง แต่ใครจะคาดคิดว่าปู่กลับเงียบอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะส่งสายตารังเกียจให้เขา ไม่คิดจะช่วยเขาเลยสักนิด
นฤเบศวร์ไม่มีทางเลือก อีกทั้งไม่อยากให้กนกอรถูกตี ผนวกกับกนกอรระบายความในใจของออกมา ท้ายที่สุดเขาก็จึงจะยอมหย่ากับกนกอร
หลังจากที่หย่ากัน เขาก็เริ่มจีบกนกอรใหม่ ทว่า มันยากมาก!
หากยังไม่หย่ากัน หากพวกเขายังเป็นสามีภรรยากัน เขาหน้าด้านจนชินแล้ว ป่านนี้ก็คงจะหน้าด้านขึ้นเตียงเธอนานแล้ว
“จริงเหรอ? หย่าได้ก็ดีเลยสิ พรุ่งนี้แม่จะให้นายไปนัดบอด”
“แม่ ตอนนี้ผมชอบแค่กนกอร ในอนาคตก็เหมือนกัน ผมจะไม่เปลี่ยนคนอีกแล้ว ได้โปรดแม่อย่าทำเรื่องที่ขัดขาผมอีกได้หรือเปล่า? แม่ไม่รู้หรอกว่าคนตระกูลภูสิทธิ์อุดม……แม่ไล่พี่ชายของกนกอรเหมือนไล่ขอทานได้ยังไงกัน จนทำให้พี่ชายเธอไม่พอใจ เส้นทางความรักของผมก็ยิ่งยากลำบาก”
นฤเบศวร์ทำท่าอ้อนวอนกับแม่ตัวเอง
“แม่ สิ่งที่ผมต้องการคือภรรยา ตื่นเช้ามาก็ได้เห็นผู้หญิงที่ตัวเองรักอยู่ข้างกาย ตกกลางคืนก็มีผู้หญิงที่ผมรักรอผมกลับบ้าน แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว ผมไม่ต้องการให้ภรรยาของผมมีความสามารถอะไรมากมาย ธุรกิจของผมไม่จำเป็นต้องให้ภรรยาผมช่วย ผมไม่ได้หาผู้จัดการมาทำงาน”
เห็นคู่อริจู๋จี๋กันบ่อย จนนฤเบศวร์เองก็รู้สึกอิจฉาชีวิตหลังแต่งงานของคู่อริจริงๆ
“เบศวร์……”
“แม่ เรื่องของผมกับกนกอร แม่อย่ามายุ่งอีกเลย จากนี้ไป ถ้าเจอคนของตระกูลภูสิทธิ์อุดมมาอีก แม้แม่จะเห็นพวกเป็นแขกไม่ได้ แต่ก็อย่าเอาเงินมาไล่คนเหมือนอย่างวันนี้อีก”
“เบศวร์ กนกอรไม่เหมาะสมกับนาย หล่อนไม่คู่ควรกับนาย”
รู้ว่าลูกชายกับลูกสะใภ้หย่ากันแล้ว บัณฑิตาก็รู้สึกดีใจ
แต่เห็นลูกชายเริ่มยึดติดกับกนกอร อีกใจหนึ่งเธอก็รู้สึกโกรธ
แม้ลูกชายคนนี้จะไม่ได้เติบโตมากับเธอ แต่เธอกลับรู้ดีว่าลูกชายคนนี้ยึดติดกับเรื่องความรักขนาดไหน
“แม่ แม่ไม่ใช่ผม แม่รู้ได้ยังไงว่าเธอไม่เหมาะสมกับผม? ผมรู้สึกว่ากนกอรเหมาะสมกับผมมาก เธอจะไม่คู่ควรกับผมได้ยังไง? เธอเป็นคน ผมเองก็เป็นคน เราต่างใช้ชีวิตอยู่ใต้ท้องฟ้าผืนเดียวกัน แล้วทำไมจะไม่เหมาะสมกัน?”
“แต่บ้านยัยนั่นจนมาก!”
“พวกเขามีบ้านของตัวเอง ในบ้านก็มีลานกว้าง นอกจากแม่ยายผมที่อยู่บ้านดูแลคนแก่ ทำอาหาร และไม่มีงานทำ คนอื่นๆต่างก็ทำงานพึ่งพาตัวเอง แม้ฐานะจะสู้บ้านเราไม่ได้ แต่ก็เป็นครอบครัวที่ก้าวไปข้างหน้าเสมอ”
“ไม่มีใครที่ยากจนหรือร่ำรวยไปได้ตลอด พวกเขาก้าวไปข้างหน้าขนาดนั้น ใครจะกล้าพูดว่าในอนาคตพวกเขาจะจนไปตลอด? แม่ไม่รู้เหรอว่าแต่ก่อนตระกูลเดชอุปของเราเองก็ยากจน? เพิ่งมาร่ำรวยในยุคของปู่ผ่านความพยายาม”
ตระกูลเดชอุปของพวกเขาเองก็เพิ่งร่ำรวยมาได้ถึงสามรุ่นเท่านั้น
รากฐานย่อมแข็งแกร่งสู้ตระกูลอริยชัยกุลไม่ได้
“พวกเขาไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน แม่อย่าเห็นพวกเขาเป็นผีดูดเลือด ผมยอมให้พวกเขาดูดเลือด พวกยังรังเกียจว่าเลือดลูกชายแม่ไม่หอมหวานและคร้านจะดูดด้วยซ้ำ”
บัณฑิตาเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เอาเป็นว่า แม่ยอมรับกนกอรเป็นลูกสะใภ้ไม่ได้ ลูกสะใภ้อย่างหล่อน แม่จะพาออกไปเจอผู้เจอคนได้ยังไง?”
“ภรรยาของผมไม่จำเป็นต้องให้แม่พาออกไปเจอผู้เจอคน ผมจะพาไปเอง”
“เบศวร์ นายจะเอากนกอรให้ได้ใช่ไหม?”
นฤเบศวร์เอ่ยว่า “แม่ ผมชอบกนกอร ชอบมากจริงๆ ตอนที่ผมอยู่กับเธอ ผมรู้สึกผ่อนคลายมากๆ ไม่มีความกดดันอะไรทั้งนั้น แม้จะถูกเธอด่าจนอยากกระทืบเท้า แต่ผมก็ชอบเธออยู่ดี”
พูดแล้วก็น่าอาย ก็เพราะเขาถูกเธอด่าจนบ่อย จนความสนใจเริ่มเบี่ยงเบนไปที่เธอ พัฒนากลายมาเป็นชอบในตอนนี้
“นฤเบศวร์!”
“แม่ แม่เคารพการตัดสินใจของลูกชายเหมือนแม่ของยศพัฒน์หน่อยไม่ได้เหรอ? แม่เป็นแบบน้าชาบ้างไม่ได้เหรอ ที่ไม่ว่าพัฒน์จะแต่งงานกับใคร ตราบใดที่พัฒน์ยอมแต่งงาน เธอก็ยอมรับและชอบลูกสะใภ้คนนั้น”
“ลูกชายแม่เป็นคนแต่งงาน เขายังไม่รังเกียจเลย แล้วแม่รังเกียจอะไร?”
“ในวงการเรา น้าชาเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าแม่เสียอีก อีกอย่างฐานะและตำแหน่งของเธอ เกรงว่าต่อให้แม่ไล่ตามยังไงก็ไม่มีทางไล่ตามทันหรอก”