รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 420 ปวดใจมาก
“ว่ามา มีเรื่องอะไรที่ต้องให้คุณนฤเบศวร์มาที่นี่ด้วยตัวเอง”
เขารินน้ำชาให้ยศพัฒน์ครึ่งแก้ว “ผมเป็นแขก คุณยังให้ผมมาบริการคุณอีก”
“ก่อนที่ผมจะมาเจอคุณ คุณรู้ไหมว่าผมเจอใครมา?”
“พลอยไพลินสินะ”
นฤเบศวร์ชะงักไปสักพัก “คุณรู้?”
ยศพัฒน์ยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า: “พลอยไปบ้านผมแต่เช้า เพื่อต้องการไปหาแม่ยายผม แต่วิกาเป็นคนต้อนรับเธอ และวิกายั่วโมโหเธอ ทำให้เธอเดินออกไปอย่างโกรธเคือง”
“ดูเหมือนเธอจะไม่พอใจ ต้องการหาผู้ช่วย ดูจากคนในเมืองแอคเซสซ์แล้ว คนที่กล้าทำตัวเป็นศัตรูกับผมอย่างเปิดเผยนอกจะคุณแล้วจะมีใครอีก?เธอไปหาคุณเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้วปืน”
นฤเบศวร์: “……ผมไม่ใช่ปืน!”
เขาไม่ได้ตอบตกลงพลอยสักหน่อย
“ทำไม พวกคุณสองคนคุยกันไม่ลงตัวเหรอ?”
คำพูดนี้ของยศพัฒน์มีความประชดเล็กน้อย
“ยศพัฒน์”
นฤเบศวร์ยื่นชาครึ่งแก้วนั้นด้วยสองมือให้กับยศพัฒน์ แล้วพูดขึ้นว่า: “พวกเราสองคนเป็นคู่อริกัน พูดตามตรงก็คือ ผมอิจฉาคุณ คุณเองก็ควรถูกคนอื่นอิจฉา คุณดูสิคุณหล่อขนาดนี้ และโดดเด่นไปทุกด้าน ข้อดีของผู้ชายคุณก็มีครบทุกอย่าง ใครจะไม่อิจฉาริษยาหล่ะ?”
“ผมเป็นคนธรรมดา อิจฉาคุณก็เป็นเรื่องปรกติ ความจริงแล้วพวกเราไม่มีความแค้นอะไรกันมาก คุณอย่ามาทำร้ายผมนะ”
ยศพัฒน์รับชาแก้วนั้นมา “ไม่ใช่คุณกับพลอยจะร่วมมือกันมาจัดการผมหรอกเหรอ?ทำไมถึงกลายเป็นผมไปทำร้ายคุณได้”
“ผมไม่ได้รับปากจะร่วมมือกับพลอย เธอจะให้ผมเป็นปืนแล้วนำมาใช้ แต่ไม่ไม่ยอมเป็นปืนคนนั้น?ถึงแม้ตระกูลเลิศธนโยธาจะทำธุรกิจกับRA กรุ๊ป และสามารถนำพากำไรให้ผมได้มากมาย?แล้วตระกูลเลิศธนโยธาสามารถยื่นมือเข้ามาได้เหรอ?เมืองแอคเซสซ์เป็นถิ่นของพวกเรา พวกเราแข่งขันกันเองก็เพียงพอแล้ว จะให้คนนอกมาแบ่งผลประโยชน์ของเราไม่ได้”
“สรุปก็คือ ผมไม่มีทางล่อหมาป่าเข้ามาในบ้านหรอก ตระกูลเลิศธนโยธาอาศัยอะไรเติบโตขึ้นมา ผมเองก็รู้ดี ใครจะไปรู้ถ้าร่วมมือกับเขาจะถูกพวกเขาดึงลงน้ำด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ และทำเรื่องผิดกฎหมายไหม?ถึงแม้คนอย่างผมจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ไม่มีทางทำเรื่องผิดกฎหมายเด็ดขาด”
ยศพัฒน์มองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ได้ยิ้ม
“ยศพัฒน์ คุณอย่าพูดคำพูดไม่ดีของผมต่อหน้ากนกอรเด็ดขาด ผมไม่ได้ร่วมมือกับพลอยจริงๆ ผมแค่มาเตือนคุณ พลอยไม่มีทางเลิกราเด็ดขาด ถึงแม้ผมจะไม่ร่วมมือกับเธอ เธอก็ต้องไปหาคนอื่นอยู่ดี ปืนที่อยู่ในที่แจ้งป้องกันได้ง่ายกว่า ธนูลับ คุณระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน”
ยศพัฒน์พูดออกมาอย่างจริงจังว่า: “ขอบคุณสำหรับคำเตือนของคุณ”
“ผมกับวิกาขอขอบคุณเรื่องนี้ด้วย”
นฤเบศวร์ดื่มชาไปสองคำ “ถ้างั้นคุณต้องให้วิกาช่วยพูดคำพูดดีๆ ของผมต่อหน้าเปรมานะ”
“วิกาได้ช่วยคุณไปไม่น้อย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเกลี้ยกล่อมกนกอร พวกคุณสองคนจะไม่มีอะไรคืบหน้าเลย และกนกอรก็ไม่มีทางส่งน้ําซุปและของบำรุงให้คุณเด็ดขาด”
นฤเบศวร์ตกตะลึงไปสักพัก ท่าทางเหมือนไม่ค่อยเชื่อ “เทวิกาช่วยพูดแทนผมเหรอ?”
เขารู้สึกมาตลอดว่ายศพัฒน์และภรรยาชอบดูละครของเขา หรือแม้กระทั่งชอบซ้ำเติมเขา คิดไม่ถึงว่าเทวิกจะช่วยพูดแทนเขา
ยศพัฒน์พูดเสริมขึ้นมาว่า: “วิกาหวังว่าเพื่อนเขาจะได้รับความสุข”
นฤเบศวร์ยิ้ม “สายตาของวิกาของคุณยอดเยี่ยมมาก คืออันนี้เลย”
เขายกหัวแม่โป้งขึ้น พูดชื่นชมวิกาออกมา: “ดูก็รู้ว่าผมคนที่จะให้ความสุขกับกนกอรได้มีเพียงผมแค่คนเดียว ไม่ถือสาที่คุณกับผมเป็นคู่อริกัน แถมเกลี้ยกล่อมกนกอรให้ยอมรับผม ยศพัฒน์ สายตาของภ”
ภรรยาถูกชม ทำให้ยศพัฒน์มีความภาคภูมิใจตามไปด้วย จึงยอมรับคำชมของภรรยาจากนฤเบศวร์แต่โดยดี แล้วพูดขึ้นว่า: “ผมเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าสายตาของวิกายอดเยี่ยมอันดับหนึ่งจริงๆ”
นฤเบศวร์ด่าในใจ:หน้าด้านจริงๆ !
พอชื่นชมหน่อยก็เอาใหญ่เลยนะ
“แต่ว่า กนกอรยังไม่ยอมรับผม”
ใบหน้าของนฤเบศวร์คว่ำลง
“แม่ผมเป็นตัวถ่วงผม เรื่องที่ผมได้รับบาดเจ็บโทษว่าเป็นความผิดของกนกอร และด่ากนกอรว่าเป็นคนกินผัว ถูกกนกอรได้ยินเข้า”
นฤเบศวร์ทั้งโกรธทั้งทำอะไรไม่ได้ “ถ้าไม่ใช่แม่ผมแท้ๆ ผมอยากตัดลิ้นเธอออกมาจริงๆ พูดไปเรื่อยเปื่อย”
เขามองยศพัฒน์ด้วยสายตาอิจฉาอีกครั้ง แล้วพูดออกมาอย่างอิจฉาว่า: “ยศพัฒน์ พ่อแม่คุณดีที่สุดละ เป็นคนเปิดกว้าง ไม่เป็นตัวถ่วงของคุณ”
ยศพัฒน์เงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นอย่าใจเย็นว่า: “บ้านเราพี่น้องเยอะ ไม่มีค่าอะไร ขอแค่พวกเราแต่งงานพาภรรยาเข้าบ้าน ผู้ใหญ่ก็ดีใจมากแล้ว ไม่จู้จี้จุกจิกหรอก อีกอย่างพวกผู้ใหญ่ก็เชื่อในสายตาของพวกเรา คนที่สามารถทำให้พวกเราสละโสดได้”
นฤเบศวร์: “……”
คุณปู่ของเขาถึงแม้จะไม่ได้มีเขาเป็นหลานคนเดียว แต่ก็สู้คุณปู่ภูธิปไม่ได้ที่มีลูกหลานเต็มบ้าน
อีกทั้งตระกูลอริยชัยกุลมีลูกชายสิบคน นอกจากคนที่สิบที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ยังดูไม่ออกถึงความเก่งกาจของเขาในตอนนี้ คนอื่นๆ อีกเก้าคนต่างทำงานได้ด้วยตัวเองกันหมด
ไม่อิจฉาที่คนอื่นมีลูกหลานเยอะ แต่อิจฉาคนอื่นที่ลูกหลานต่างเป็นคนเก่งเอาการเอางาน
“คุณต้องพยายามให้มากขึ้น ที่สำคัญคือต้องเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของคุณให้ได้ ถ้าหากพวกเขายังคงไม่ชอบกนกอรแบบนี้ตลอด ด้วยนิสัยของกนกอรแล้ว เธอไม่มีทางประนีประนอมเพื่อให้ถูกยอมรับหรอก พวกคุณก็ต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ความหวังที่จะแต่งงานใหม่คงยาก”
ใบหน้าของนฤเบศวร์เคร่งขรึม เขารู้ดีว่าปัญหาระหว่างเขากับกนกอรคือความแตกต่างทางฐานะและพ่อแม่ไม่ชอบฝ่ายหญิง
“ผมรู้”
“เมื่อวันคุณปู่ของคุณพาคริษฐ์ไปหาคุณปู่ของผม ทั้งสองคนได้ทะเลาะกันไปหนึ่งยก”
คนแก่ทั้งสองสู้รบกันมาทั้งชีวิต เจอหน้ากันจะให้คลื่นสงัดลมสงบคงเป็นไปไม่ได้
นฤเบศวร์ตอบอืมออกมา “ผมรู้ ปู่ของผมพูดว่าเวลามีเรื่องไม่สบายใจแล้วไปหาคุณปู่ภูธิป ถูกคุณปู่ภูธิปยั่วโมโห ทะเลาะกันสักยก ระบายอารมณ์ออกมา ก็จะรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที”
ยศพัฒน์: “……จะทำให้ยิ่งไม่สบายใจไม่ใช่เหรอ?”
ความคิดของแก่ทั้งสองคน ไม่เหมือนคนทั่วไป
คนแก่ทั้งสองสู้รบกันมาทั้งชีวิต ดูเหมือนอยากให้อีกฝ่ายตายไป แต่เมื่ออีกฝ่ายมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น อีกคนจะกระวนกระวาย และห่วงเป็นพิเศษ
คุณปู่ภูธิปเคยพูดกับหลานชายมาก่อน ในชีวิตนี้ถ้าไม่มีคู่แข่ง จะน่าเบื่อมาก
คู่แข่งของเขาก็คือคุณปู่เร็น
สั่งสองคนต่างหาเรื่องกันมาโดยตลอด แต่กลับมีความรู้สึกบางอย่างให้กัน
“นฤเบศวร์ คุณไม่เข้าใจความหมายของคำพูดผมเหรอ คุณปู่ของคุณให้คริษฐ์ไปเป็นเพื่อนเขา แสดงว่าสถานะของคริษฐ์ในสายตาของปู่คุณได้ถูกเลื่อนสูงขึ้น นั่นหมายความว่าอาจคุกคามถึงตำแหน่งของคุณ”
ยศพัฒน์เตือนนฤเบศวร์ด้วยความหวังดี
นฤเบศวร์เงียบไปสักพัก ยิ้มแล้วถามกลับยศพัฒน์ว่า: “ที่แท้คุณชอบผมขนาดนี้เลยเหรอ กลัวว่าคุณปู่จะดึงผมลงมาแล้วยกคริษฐ์ขึ้นมา”
ยศพัฒน์พูดออกตามตรงว่า: “ผมไม่อยากให้คุณปู่ของคุณดึงคุณลงมาจริงๆ เพราะคริษฐ์ใจเย็นกว่าคุณ ฉลาดกว่าคุณ และเจ้าเล่ห์กว่าคุณ ผมมีความรู้สึกว่าประธานของRA กรุ๊ปคือคุณน่าจะดีกว่า”
นฤเบศวร์:……
คำพูดนี้ช่างปวดใจเหลือเกิน!
ที่แท้ในสายตาของคู่อริ เขาไม่ได้เรื่องขนาดนี้เลยเหรอ!
นฤเบศวร์ดื่มชาด้วยความหดหู่
นฤเบศวร์เก่งกาจจริง เขาอยู่ในRA กรุ๊ปมีความกังวลทั้งภายในและภายนอก ภายในคือกังวลคริษฐ์จะทดแทนเขา ภายนอกคือมีคู่อริอย่างยศพัฒน์
เมื่อมีโอกาสก็จะแทงเขาทันที
หลายปีมานี้ เขาไม่รู้ว่าถูกแทงไปแล้วกี่แผล แน่นอน เขาเองก็เคยแทงยศพัฒน์ไปหลายแผลเหมือนกัน