รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 423 ยอมรับความสัมพันธ์ของการเป็นแฟนกัน
“กนกอร”
นฤเบศวร์ดึงกนกอร ให้นั่งลง แต่กนกอรสะบัดมือเขาออกแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันนั่งลงเอง ไม่ต้องมาดึงฉัน”
หลังจากที่เธอนั่งลงแล้ว ได้ถลึงตาใส่นฤเบศวร์ด้วยความโกรธ
นฤเบศวร์หัวเราะฮิๆ ออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “เรียกชื่อผมก็ผมแล้ว ตอนนี้ไม่เรียกร้องมาก เพราะพวกเราสองคนยังมีเวลาอีก
ยาวไกล มีเวลาทั้งชีวิตที่จะผัวพันอยู่ด้วยกัน ผมไม่เชื่อหรอกว่าในอนาคตคุณจะไม่เรียกผมว่าที่รัก”
กนกอร: “……คนพาล”
นี่คือบอสพาลที่เธอคุ้นเคย
“คุณตั้งฉายาบอสพาลให้ผมแล้ว ถ้าผมไม่ทำตัวอันธพาลหน่อย ก็เสียแรงที่คุณอุตส่าห์ตั้งฉายาให้ผมสิ”
“เรื่องของกันตภณคุณจะช่วยหรือไม่ช่วยให้คุณตัดสินใจเอง เพราะว่าคนที่จะตื่นตระหนกเป็นคุณ คุณมาที่นี่อีกมีธุระอะไรไม่ทราบ?”
นฤเบศวร์รู้ดีเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ เขาไม่มีทางข่มขู่เธอได้เลย มีแต่เธอที่ข่มขู่เขาได้ เพราะเขาหลงรักเธอก่อน ดังนั้นเขาเลยต้องพ่ายแพ้ก่อน
“ไม่รีบร้อน รอดูท่าทีของ นิรุตต์ก่อน ถ้าเขาไม่ยอมเผชิญไปพร้อมกับกันตภณ แล้วคุณให้ผมไปช่วย นั่นจะทำให้เขายิ่งเสียใจ และไม่มีประโยชน์”
เรื่องความรักเป็นของคนสองคน เป็นไปไม่ได้ที่ฝ่ายหนึ่งพยายามไขว่คว้าเต็มที่ แต่อีกฝ่ายไม่ไขว่คว้าและยอมแพ้ไป่ก่อน ถ้าเป็นแบบนั้น ถึงแม้พวกเขาที่เป็นคนนอกอยากช่วย ก็ช่วยอะไรไม่ได้
กนกอรรู้สึกว่าที่นฤเบศวร์พูดก็มีเหตุผล จึงพูดชื่นชมเขาออกมาว่า: “คุณนี่ยิ่งอยู่ยิ่งมีสติแล้วนะ”
มิน่าหล่ะตอนแรกคุณปู่เร็นถึงบีบบังคับให้เขาแต่งงานกับเธอ เพื่อกระจายความสนใจของเขาออกไป เพื่อให้เขาไม่ต้องหมกมุ่นอยู่แต่กับเปรมา ผู้ชายคนนี้ก็จะค่อยๆ ได้สติเอง
นฤเบศวร์ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “อรคนดีของผม ขอร้องอย่าเอ่ยถึงเธอต่อหน้าผมอีกได้ไหม?”
“ฉันไม่ได้เอ่ยถึงเธอสักหน่อย คนที่คุณนึกถึงคือเธอต่างหาก ถึงคิดว่าคนที่ฉันพูดคือเปรมา นฤเบศวร์ คุณต้องใช้เวลาอีกนานเลยกว่าจะเผชิญหน้ากับเปรมาได้อย่างเปิดเผย”
“มีคนเขาพูดไว้ว่าวิธีที่ปล่อยวางความรักเก่าได้ดีที่สุดก็คือเริ่มต้นความรักใหม่ กนกอร คุณเป็นแฟนของผมได้ไหม?เป็นแฟนที่คบกันโดยมีเป้าหมายจะแต่งงานด้วยกัน มีคุณอยู่ข้างกาย พวกเราออกเดตกันทุกวัน รักกันกะหนุงกะหนิง ผมรับรองว่าผมจะสามารถเผชิญหน้ากับเปรมาอย่างเปิดเผยได้อย่างรวดเร็ว”
ผู้หญิงที่รักมาสิบกว่าปี แล้วมาบอกว่าเขาจะสามารถเผชิญหน้าอย่างเปิดเผยได้อย่างรวดเร็ว ผียังไม่เชื่อเลย
“ดอกไม่ที่คุณให้ ฉันก็รับไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?คุณชวนฉันไปดูหนัง ฉันก็ไปดูด้วย นั่นไม่ใช่ออกเดตแล้วคืออะไร?”
กนกอรพูดออกมาอย่างโกรธเคือง จากนั้นลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ความจริงแล้วคือเธอรู้สึกเขิน
เนื่องจากเธอพูดออกมาแบบนั้น ก็แสดงว่าเธอตอบตกลงคบหากับนฤเบศวร์
“อร”
นฤเบศวร์ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แล้วยื่นมือไปจับข้อมือเธอไว้ ยิ้มปากกว้าง “ถ้างั้น มื้อเที่ยงพวกเรากินข้าวด้วยกัน ไปกินที่โรงแรมของผม คืนนี้ พวกเราก็ไปออกเดตกันอีก”
“โอะ ใช่แล้ว ที่ผมมาเพราะมีเรื่องหนึ่งจะบอกคุณ”
นฤเบศวร์ไม่รอให้กนกอรตอบกลับ ก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เพราะถึงแม้กนกอรจะไม่ได้ตอบตกลงแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาจะถือว่ากนกอรรับปากแล้วที่จะไปกินข้าวกับเขาที่โรงแรมใหญ่ในเมืองแอคเซสซ์
“เรื่องอะไรเหรอ?”
ในขณะที่กนกอรถามเขาอยู่นั้นก็ได้หันไปมองกันตภณหลายครั้ง เห็นเขายังคงดื่มเบียร์อยู่ จึงเรียกพนักงานสาวมา แล้วให้พนักงานสาวไปเกลี้ยกล่อมกันตภณไม่ให้ดื่มเหล้าอีก
“คุณรู้จักพลอยใช่ไหม?”
นฤเบศวร์ถามออกมา
“รู้จักสิ เป็นแฟนใหม่ของลุงไซม่อนไม่ใช่เหรอ เพราะมีเธออยู่ น้าณินเลยไม่อยากกลับเมืองซูเพร่า และไม่ยอมให้อภัยลุงไซม่อน แต่ว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นฉันหล่ะก็ ฉันก็ไม่ให้อภัยเหมือนกัน หย่าร้างกันจะดีกว่าเสียอีก ในเมื่อเขามีแฟนใหม่ ก็ควรยินดีช่วยเหลือให้เขาสมความปรารถนา”
นฤเบศวร์รีบพูดขึ้นว่า: “อร ผมรับรองว่าหลังแต่งงานผมจะมีคุณแค่คนเดียว ไม่มีทางมีเมียสามเมียสี่หรือกิ๊กอะไรเด็ดขาด”
กนกอรเหลือบบตามองเขา
เขาช่างรู้จักหาช่องว่างพูดแทรกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองจริงๆ
“วันนี้พลอยไปหาผมที่บริษัท”
กนกอรตะลึงไปสักพัก แล้วถามเขาออกมาว่า: “คุณเจอเธอแล้วเหรอ?”
“เจอแล้ว เธอหาผมถึงที่ ผมอยากช่วยเทวิกาสืบหาเบาะแส จึงเจอหน้าเขา เธอรู้ว่าผมกับยศพัฒน์เป็นคู่อริกัน ดังนั้นจึงไปหาผมที่บริษัท ขอร้องให้ผมร่วมมือกับเธอเพื่อจัดการยศพัฒน์และภรรยา เคอๆ แล้วผม……ผมจะร่วมมือกับเธอได้ยังไง และให้เธอใช้ผมเป็นเครื่องมือปืนไปจัดการคนอื่น”
“อย่าว่าเทวิกาเป็นเพื่อนสนิทของภรรยาผมเลย ถึงแม้ไม่ใช่ ผมก็ไม่มีทางร่วมมือกับเธอเด็ดขาด ผมกับยศพัฒน์ต่อสู้กันในเมืองแอคเซสซ์นั่นเป็นเรื่องของพวกเราสองคน ถ้าให้พลอยเข้ามาแทรก ด้วยความทะเยอทะยานของตระกูลเลิศธนโยธาแล้ว ต้องอยากได้เมืองแอคเซสซ์ไปครอบครองแน่นอน เก้าอี้ในอ้อมแขนของตัวเอง นั่งจนอบอุ่นแล้ว ใครจะไปอยากให้คนอื่นมานั่งแทน?”
กนกอรเอื้อมมือไปหยิกแขนข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บของเขา “คุณว่าใครเป็นภรรยาของคุณ พวกเราหย่าร้างกันแล้ว!”
“ผมไม่ได้เอ่ยชื่อนามสกุล คุณมายอมรับเอง แสดงว่าคุณคือภรรยาของผม”
กนกอร: “……”
เขาพูดออกมาชัดเจนแบบนั้น หมายถึงเธอชัดๆ
“ผมไม่ได้ปฏิเสธพลอยไปโดยตรง แต่ก็ไม่ได้รับปากเธอ หลอกล่อเธอแบบนี้แหละ ให้เธอคิดว่าเธอยังมีโอกาส ดูสิว่าเธอจะทำอะไรต่ออีก ถ้าผมรู้จะได้ไปแจ้งข่าวให้ยศพัฒน์ทราบ”
กนอรลุกขึ้น
“คุณจะไปไหน?”
นฤเบศวร์รีบดึงตัวเธอไว้
เรื่องที่เขาเล่าเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ ทำไมเธอถึงยังลุกขึ้นเดินออกไปอีก
“ไปรินน้ำให้คุณไง พูดมาเยอะขนาดนั้น ไม่รู้สึกคอแห้งบ้างเหรอ?”
นฤเบศวร์ถึงได้คลายมือออก
รอเธอรินน้ำอุ่นมาให้เขาอย่างดีใจ เมื่อเขาดื่มน้ำแก้วน้ำไปได้สองคอ เธอจึงพูดขึ้นว่า: “ถือโอกาสตอนเที่ยงร้านไม่ค่อยยุ่ง จะให้ฉันไปกินข้าวเป็นเพื่อนคุณ ก็รีบหน่อย พวกเราไปกัน กินเสร็จกลับมาที่ร้าน ฉันยังต้องไปคุยราคากับร้านข้างๆ เกี่ยวกับเรื่องที่จะขายร้าน”
“ร้านของคุณจะขายต่อเหรอ?”
นฤเบศวร์เข้าใจผิด รู้สึกตกตะลึงมาก จึงรีบถามออกมาว่า: “เป็นเพราะว่าเงินหมุนไม่ทันหรือเปล่า?ต้องการเงินเท่าไหร่
เดี๋ยวผมโอนให้คุณเดี๋ยวนี้แลย”
กนกอรถลึงตาใส่เขา “ปากคุณพูดคำพูดดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอ?อยากให้ร้านของฉันขายออกไปขนาดนั้นเลยเหรอ?ร้านของเราจะขยายกว้างขึ้น ร้านข้างๆ ขายไม่ค่อยดี วิกาเคยเอ่ยปากกับเธอหลายครั้ง หลังจากที่เธอตรึกตรองดูแล้วจึงตัดสินใจขายต่อให้เรา มีแต่เรื่องราคาเท่านั้นที่ยังคุยกันไม่จบ”
เจ้าของร้านข้างๆ ตอนแรกอยากพึ่งพาชื่อเสียงของเทวิกา เพื่อให้ธุรกิจของเธอดีขึ้น แต่ผลลัพธ์ไม่ค่อยดี แต่กลับเป็นร้านอาหารที่ทำกำไรได้เงินไปไม่น้อย
ถึงแม้One Day In Coffeeจะมีขนมปังและของเค้กต่างๆ แต่หลักๆ คือขายกาแฟ คนพวกนั้นเห็นแก่ฐานะของเทวิกาแล้วมาเช็คอินกันที่นี่ เวลาหิว ก็หาร้านอาหารใกล้ๆ แถวนี้กิน ธุรกิจร้านอาหารของเธอนี้ก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น
“เรื่องคุยราคา เดี๋ยวผมไปช่วยคุณคุยเอง เธอรู้จักฐานะของเทวิก ไม่แน่อาจจะขอราคาสูงลิบลิ้วก็ได้”
กนกอรยิ้ม: “ฆ่าไก่ใช้มีดฆ่าควาย อีกอย่าง เรื่องของฉัน ฉันจัดการเองได้ ไม่ต้องให้คุณช่วยหรอก คุณดูแลบริษัทของคุณให้ดีเถอะ ไปคุยธุรกิจใหญ่ๆ ของคุณ อย่าไม่สนใจเรื่องบริษัทเพราะฉันเด็ดขาด ถ้าธุรกิจของบริษัทคุณแย่ลง เดี๋ยวคุณแม่คุณก็จะมาโทษฉันอีก ด่าฉันว่าเป็นตัวซวย ตัวกินผัวอีก”
“ข้างกายคุณยังมีน้องชายที่จ้องจะแย่งตำแหน่งคุณอยู่ตลอดเวลา คุณเองก็ต้องรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ให้ดี เดี๋ยวจะมาเสียใจที่หลังแล้วมาโทษเกลียดฉันอีก”