รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 447 ยุยง
“คุณจะคิดเรื่องพวกนี้ไปทำไม คุณผู้หญิงที่ต้องคอยดูแลบ้านไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ นะ ตอนนี้พวกเราก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดอะไร อาหาร เสื้อผ้าก็ไม่เคยจะขาดตกบกพร่อง”
คุณนายสาม “…”
ทำไมเธอต้องมาแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่มีความทะเยอทะยานแบบนี้นะ
“ขี้เกียจจะคุยกับคุณแล้ว ฉันไปคุยกับพี่สะใภ้ใหญ่ดีกว่า”
คุณนายสามรีบลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
เธอเดินไปได้สองสามก้าว ครุ่นคิดอยู่สักพักก็หันเดินเข้าห้องครัวไป
สักพักเธอก็พาคนรับใช้คนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับถือถาดอาหารที่วางไปด้วยอาหารที่ปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้วสองสามอย่าง เธอเป็นแค่อาสะใภ้ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามนฤเบศวร์กับกนกอรไม่ให้คบหากัน แต่เธอสามารถยุยงให้พี่สะใภ้ใหญ่ไปขัดขวางได้
บัณฑิตามองตัวเองสูงส่งมาตลอด แถมเธอยังคิดว่านฤเบศวร์เป็นผู้สืบทอดกิจการครอบครัวจึงรู้สึกว่าเหนือกว่าคนอื่นไปอีก ทีแรกเธอก็ไม่ชอบกนกอรอยู่แล้ว แค่ไปยุยงต่อหน้าบัณฑิตาไม่กี่คำ บัณฑิตาจะต้องไปขัดขวางนฤเบศวร์กับกนกอรแน่นอน
จากที่คุณนายสามสังเกตตระกูลภูสิทธ์อุดม เธอคิดว่าตระกูลภูสิทธ์อุดมไม่ใช่ตระกูลที่จะขายลูกสาวกิน
ถ้าหากบัณฑิตาไม่พอใจกนกอร ครอบครัวตระกูลภูสิทธ์อุดมคงจะไม่อยากให้ลูกสาวต้องถูกเอาเปรียบ แถมกนกอรก็เป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว บางทีเธออาจจะไม่ได้เข้าประตูบ้านตระกูลเดชอุปตลอดชีวิตแน่ ๆ
กนกอรคงจะคาดไม่ถึงว่าคุณนายสามคนที่เจอกันครั้งแรกทั้งแสนดีทั้งอ่อนโยนกับเธอจะวางแผนคิดจะทำร้ายเธอแบบนี้
อย่างที่ดาวพูดว่าตระกูลเดชอุปกับตระกูลอริยชัยกุลไม่เหมือนกัน เธอกับนฤเบศวร์คบกันต้องเผชิญหน้ากับอีกหลายเรื่อง
คนทั่วไปต่างก็ยอมที่จะขัดแย้งกับคนอื่นเพื่อผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเองจนกลายเป็นความเกลียดชัง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลร่ำรวยที่มีผลประโยชน์มากยิ่งกว่า แต่แบบตระกูลอริยชัยกุลมีเพียงแค่หนึ่งในหมื่นครอบครัวเท่านั้นถึงจะมี
คุณนายสามเห็นบัณฑิตาอยู่ตรงตรงกลางลานบ้านของบ้านหลัก
บัณฑิตาอยู่ตัวคนเดียวพร้อมกับสีหน้าบูดบึ้ง
“พี่สะใภ้”
ตอนที่คุณนายสามเดินไปหาบัณฑิตาเธอก็ร้องเรียกด้วยรอยยิ้ม
บัณฑิตาที่กำลังกลัดกลุ้ม เมื่อได้ยินเสียงเรียกก็หันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นน้องสะใภ้เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ชะงักฝีเท้าแล้วถามเสียงเรียบไปว่า “รุจิภา เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันได้ยินว่าอรจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน ครั้งก่อนตอนที่ทานข้าวด้วยกันฉันสังเกตว่าอรชอบอาหารพวกนี้ แล้วพอดีที่บ้านทำอาหารพวกนี้พอดีก็เลยเอามาไว้ช่วยต้อนรับอรด้วยเหมือนกันค่ะ”
รุจิภาเรียกกนกอรว่าอรอย่างเป็นกันเอง ทำเอาบัณฑิตาที่ได้ยินรู้สึกบาดหูสุด ๆ
เมื่อเห็นว่าในถาดที่คนรับใช้ที่รุจิภาพามามีอาหารวางอยู่ด้วยสองสามอย่าง สีหน้าของบัณฑิตาก็ยิ่งดูไม่ได้หนักขึ้นกว่าเดิม และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “รุจิภา ช่วยระวังคำพูดของเธอด้วย ตอนนี้กนกอรไม่ใช่ลูกสะใภ้ของฉันแล้ว เธอแค่มาทานข้าวที่บ้าน ไม่ใช่กลับมาทานข้าวที่บ้าน”
“อีกอย่างครอบครัวของฉันก็ไม่ได้ขาดเหลืออาหารที่จะเอาไว้ต้อนรับแขกสักหน่อย แต่เธอหอบอาหารมาส่งถึงบ้านแบบนี้หมายความว่าไง”
รุจิภาไม่สนใจใบหน้าเย็นชาของบัณฑิตาและพูดอธิบายอย่างอารมณ์ดีว่า “พี่สะใภ้ ฉันไม่ได้มีเจตนาอื่น ฉันก็แค่ถูกชะตากับอร แล้วก็ค่อนข้างจะชอบเด็กคนนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกสะใภ้ของพี่สะใภ้แล้ว แต่นฤก็กำลังตามง้อตามจีบเธอใหม่ไม่ใช่เหรอคะ จะช้าหรือเร็วเธอก็ต้องกลายเป็นหลานสะใภ้ของฉันอยู่แล้ว”
“หลานสะใภ้มาทานข้าวที่บ้าน ฉันในฐานะอาสะใภ้เอาอาหารมาให้ก็ถือเป็นความรักใคร่ต่อคนรุ่นหลัง ไม่ได้มีเจตนาจะเหน็บแนมบ้านใหญ่ของพี่สะใภ้หรอกค่ะ”
รุจิภาส่งสัญญาณให้คนรับใช้นำอาหารเข้าไป
เธอเดินไปหาบัณฑิตาด้วยใบหน้าใจดี พลางพูดเกลี้ยกล่อมบัณฑิตา “พี่สะใภ้ นฤบอบช้ำจากเปรมามามาก ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอใครสักคนที่สามารถช่วยปลอมประโลมหัวใจที่บอบช้ำของเขาได้ ฉันว่าอรก็ไม่เลวเลยนะ แถมคนนี้ก็เป็นคนที่คุณพ่อช่วยเลือกให้นฤโดยเฉพาะเลยด้วย แบบนี้จะไม่ดีได้ยังไงล่ะคะ อย่าไปทำให้เด็กทั้งสองคนต้องลำบากใจเลยค่ะ”
“นฤเองก็อายุไม่น้อยแล้ว เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะขึ้นปีใหม่แล้ว พอขึ้นปีใหม่นฤก็อายุสามสิบแล้วนะคะ คนอื่น ๆ อายุสามสิบเป็นพ่อคนกันหมดแล้ว พี่เองก็คงอยากจะอุ้มหลานแล้วเหมือนกันใช่ไหมคะ รีบให้นฤกับอรแต่งงานกันใหม่เร็ว ๆ พี่เองก็จะได้มีชีวิตที่มีความสุขเร็ว ๆ ไงคะ”
“ถึงแม้ว่าครอบครัวของอรจะยากจน แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย พวกเราก็แค่ช่วยกันเกื้อกูลก็พอแล้ว ถึงพื้นเพของอรจะธรรมดาก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยค่ะ คนที่คุณพ่อชอบย่อมมีข้อดีอยู่แล้ว ตอนนั้นพี่ชอบเปรมาแล้วดูสิคะว่าผลลัพธ์มันออกมาเป็นยังไง”
รุจิภาทำเหมือนกำลังช่วยเกลี้ยกล่อมให้บัณฑิตายอมรับกนกอร แต่อันที่จริงแล้วเธอกำลังเตือนบัณฑิตาว่ากนกอรคือคนที่คุณปู่เลือก ฐานะทางบ้านธรรมดา ครอบครัวยากจน ถ้าแต่งงานกับกนกอรพวกเขายังต้องช่วยเกื้อกูลตระกูลภูสิทธ์อุดมด้วย
นฤเบศวร์เติบโตมาจากการดูแลของคุณปู่ คนเป็นแม่อย่างบัณฑิตาไม่ค่อยพอใจคุณปู่เท่าไหร่นัก แต่เพราะอำนาจของคุณปู่เธอจึงไม่กล้าพูดอะไร
เรื่องของนฤเบศวร์คนเป็นแม่อย่างบัณฑิตาเข้าไปแทรกแซงไม่ได้เลย แม้กระทั่งตอนนี้เรื่องแต่งงานซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้บัณฑิตายังเข้าไปแทรกแซงไม่ได้อีก ถ้าคุณปู่ช่วยเลือกหญิงสาวที่เป็นคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ที่เหมาะสมและคู่ควรกับนฤเบศวร์ บัณฑิตายังพอจะรับได้
แต่คุณปู่ดันเลือกกนกอร พวกเขาแตกต่างกันมากเกินไป ซึ่งไม่ว่าอย่างไรบัณฑิตาก็ไม่สามารถทำใจยอมรับได้
เดิมทีหลังจากถูกลูกชายขู่เอาไว้ บวกกับไปตามสืบเรื่องหุ้นในร้านของกนกอรแล้ว บัณฑิตาก็คิดว่าจะหลับหูหลับตาและไม่ยุ่งเรื่องการแต่งงานของลูกชายแล้ว
แต่พอถูกรุจิภามาเกลี้ยกล่อมแบบนี้เข้า ความไม่พอใจของเธอก็กลายความโกรธที่ลุกโชนขึ้นมาในทันที
เธอจะปล่อยให้เบศวร์แต่งงานกับกนกอรไม่ได้เด็ดขาด !
ไม่อย่างนั้นต่อไปเธอคงถูกคนอื่นหัวเราะเยาะจนตายแน่ ๆ
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่น้องสะใภ้อย่างรุจิภาก็คงได้หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง
ในครอบครัวนี้ บัณฑิตาถือว่าตัวเองสูงส่งกว่าน้องสะใภ้ทั้งสองคน เพราะคุณปู่ค่อนข้างรักและชื่นชอบลูกชายของเธอมาก
เธอกับรุจิภาก็ต่อสู้กันอย่างเปิดเผยมาหลายต่อหลายครั้ง จะมาแพ้ให้รุจิภาเพราะเรื่องแต่งลูกสะใภ้แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
คุณปู่จะชอบกนกอรแล้วมันยังไง?
คุณปู่อายุปูนนี้แล้วจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี
คุณปู่เสียชีวิตเมื่อไหร่ เธอในฐานะที่เป็นแม่แท้ อยากจะไล่กนกอรก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนตักข้าวเข้าปาก
และแน่นอนว่าถ้าเธอสามารถขัดขวางไม่ให้กนกอรได้แต่งงานเข้าบ้านก็จะยิ่งดี
“แม่ครับ อาสะใภ้สาม”
นฤเบศวร์จูงกนกอรเข้ามาพอดี
เมื่อเห็นแม่กับอาสะใภ้สามกำลังยืนคุยกันอยู่ในสวน นฤเบศวร์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็เดินเข้ามาทัก
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับอาสะใภ้สามไม่ค่อยดีมาตลอด สองคนนี้อยู่ด้วยกันแบบนี้ต้องเป็นความสัมพันธ์อาสะใภ้สามมายุยงอะไรอีกแน่ ๆ
“น้าฑิตา น้าภา”
แม้ว่ากนกอรจะถูกบัณฑิตาโจมตีหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ยังทักทายอย่างสุภาพ
บัณฑิตาเชิดหน้าขึ้นสูง ไม่หันมองและไม่ขานรับเธอแม้แต่น้อย
ทว่ารุจิภากลับเดินเข้าไปจับมือกนกอรอย่างรักใคร่สนิทสนม พร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “อร ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เด็กคนนี้ทำไมถึงไม่มาที่บ้านบ้างเลย อาอยากจะคุยด้วยก็ไม่มีโอกาสสักที แล้วก็อย่าเรียกฉันว่าน้าเลย เรียกว่าอาสะใภ้สามเหมือนเมื่อก่อนดีแล้ว”
กนกอรยิ้ม “น้าภา ตอนนี้หนูกับเบศวร์เป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว เรียกว่าอาสะใภ้สามคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ ปกติหนูค่อนข้างยุ่งเลยไม่มีเวลามาเลย ถ้าน้าภาอยากจะคุยกับหนูจริง ๆ จะไปหาหนูที่ร้านก็ได้ค่ะ”
รุจิภาถึงกับจุก
คำพูดของเธอฟังดูไพเราะ แต่กนกอรกลับหักหน้าเธอซะอย่างนั้น
ถ้าอยากจะคุยกับกนกอรจริงก็แค่ไปหาเธอที่ร้าน One Day In Coffee ก็ได้ไม่ใช่เหรอไง
เธอเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าร้านกาแฟของกนกอรอยู่ที่ไหน
รุจิภาฉีกยิ้มและพูดขึ้นว่า “อากลัวว่าจะรบกวนหนูทำงาน ก็เลยไม่อยากจะไปหาที่ร้านน่ะจ่ะ”