คุณสามีพันล้าน – บทที่ 506 ถูกกระต่ายที่เลี้ยงไว้ที่บ้านกัด

รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 506 ถูกกระต่ายที่เลี้ยงไว้ที่บ้านกัด

ญาณินสังเกตเห็นเหมือนลูกสาวกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอร้อนตัวเล็กน้อย ด่าไซม่อนคนบ้ากามคนนั้นในใจไปแล้วไม่รู้กี่หมื่นครั้ง

ญาณินนึกถึงเมื่อกี้ตอนที่พวกเขาทะเลาะเถียงกันอยู่นั้น ไซม่อนกลับผลักเธอไปติดกับผนังแล้วจูบเธอ

ช่างหน้าด้านจริงๆ ทะเลาะเถียงสู้เธอไม่ได้ ก็ใช้วิธีปิดปากเธอ

ทำให้เธอโกรธมากจนกัดเขาไปทีหนึ่ง กัดจนริมฝีปากเขาเลือดออก

หึ สมน้ำหน้า!

“วิกา ยศพัฒน์ กลับเข้าไปในห้องเถอะ ตอนกลางคืนของเมืองซูเพร่าหนาวกว่าเมืองแอคเซสซ์เยอะ”

ญาณินกลัวลูกสาวกับลูกเขยจะมองอะไรออก จึงรีบเกลี้ยกล่อมทั้งสองคนให้กลับเข้าไปในบ้านอย่างอ่อนโยน ส่วนเธอนั้นรีบเดินกลับไปในบ้านก่อนเลย

ทันใดนั้นเทวิการู้สึกว่าคุณแม่เธอกำลังร้อนตัวกลัวคนอื่นรู้ทัน

หรือว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง เมื่อกี้ได้เกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อแม่สองคน?

เทวิการู้สึกสงสัยเล็กน้อย และอยากถามออกมามาก ใครให้เธอมีอาชีพเสริมเป็นนักเขียนนิยายหล่ะ นักเขียนนิยายสนใจเรื่องนวนิยายที่เหมือนจริงประเภทนี้มาก น่าเสียดายที่เป็นเรื่องราวของคุณแม่เธอ ความสัมพันธ์ของพ่อแม่ตอนนี้อยู่ระหว่างแตกร้าว ทางที่ดีเธออย่าไปอยากรู้อยากเห็นมากจะดีเสียกว่า

พ่อของเธอที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ความเผด็จการต้องมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว

เธอมองอยู่ข้างๆ บางครั้งก็สร้างโอกาสให้พ่อแม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เมื่อมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น ถึงจะทำให้คุณแม่เข้าใจคุณพ่อมากยิ่งขึ้น จะได้ลดความขัดแย้งระหว่างสามีภรรยาให้น้อยลงได้

การอยู่ด้วยกันระหว่างสามีและภรรยา ต้องมีเรื่องเข้าใจผิด เรื่องขัดแย้งกันอยู่แล้ว ถ้าปรับความเข้าใจได้ก็ดี แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือเหมือนอย่างพ่อแม่ของเธอ คนหนึ่งไม่ถาม อีกคนก็ไม่พูด ทั้งๆ ที่รักกันอยู่ แต่กลับทำเหมือนเป็นศัตรูกัน ทำให้คนเห็นรู้สึกสลดใจและไม่รู้จะทำยังไงดี

“แม่ พี่ชายหนูหล่ะ”

เทวิกาดึงยศพัฒน์ไล่ตามให้ทันฝีเท้าของแม่

ยศพัฒน์คลายมือออกอย่างเข้าอกเข้าใจ เพื่อให้เทวิกาสามารถไปคล้องแขนคุณแม่อย่างสนิทได้

“หลังจากพักกลางวันตื่นมาพี่ชายหนูก็ไปบริษัทแล้ว ใครจะไปเหมือนไอ้บ้า……เหมือนพ่อหนูหล่ะ รู้แต่นอนๆๆ บริษัทมีเรื่องมากมายก็ไม่ไปจัดการ ปล่อยให้พี่ชายหนูงานยุ่งเหมือนลาลากเครื่องโม่ เขาไม่สงสารลูกชาย แต่แม่สงสารลูกชายตัวเอง”

ญาณินอยากด่าไซม่อนไอ้คนเลว แต่คำนึงถึงกำลังพูดคุยกับลูกสาวอยู่ อยู่ต่อหน้าลูกสาว พยายามด่าคนอื่นให้น้อยที่สุดเพราะไม่ว่ายังไงก็เป็นพ่อแท้ๆ ของลูก

เธอจะหย่าร้างกับไซม่อน ห่างไกลจากไอ้บ้ากามคนนั้น แต่ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างไซม่อนกับลูกทั้งสองคน

“แล้วพี่ชายหนูจะกลับมากินข้าวไหมคะ?”

วิการู้สึกสงสารพี่ชาย

เพิ่งกลับมาจากเมืองแอคเซสซ์ก็ต้องไปทำงานที่บริษัทแล้ว

ยศพัฒน์เป็นหัวหน้าครอบครัวของบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป แต่เขาสามารถละทิ้งเรื่องงานของบริษัทได้ เพื่อกลับมาเมืองซูเพร่าเป็นเพื่อนเธอ

และไม่ต้องเป็นห่วงบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

น้องชายทั้งหลายของเขา ทุกคนสามารถดูแลบริษัทได้หมด ถึงแม้เขาจะพักอยู่กับเธอที่เมืองซูเพร่าสองสามปี อย่างมากก็แค่โดนพวกน้องชายบ่นสองสามคำ แต่เรื่องของบริษัทไม่ต้องกังวล

ส่วนพี่ชายของเธอ ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นหัวหน้าครอบครัวของบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป เป็นแค่รองประธานเท่านั้นเอง จึงไม่กล้าออกจากบริษัทไปนานมากนัก เพราะคนที่จ้องจะวางแผนทำร้ายเยอะมาก และคนที่รอขึ้นตำแหน่งแทนก็เยอะมากเช่นกัน

พี่ชายของเธอไม่กล้าผ่อนคลายเลยแม้สักวินาทีเดียว

“จะกลับมาอยู่”

ญาณินตอบออกมาอย่างแน่วแน่

ลูกสาวกลับมาวันแรก ถึงแม้ลูกชายจะงานยุ่งแค่ไหน ก็ต้องกลับมากินมื้อเย็นด้วยอยู่แล้ว

“แม่ ตอนที่แม่มาหาพวกเรานั้น อาสะใภ้สามกับพลอยเป็นยังไงบ้างแล้ว?”

ญาณินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า: “เรื่องส่วนตัวของคนอื่น แม่ไม่ไปยุ่ง”

หลังจากที่ถูกไซม่อนจูบ เธอได้ผลักเขาออกแล้วรีบวิ่งออกไป ไม่มีกะจิตกะใจดูหนังต่ออีก

อีกอย่าง สถานที่ที่พลอยกับบ้านสามทะเลาะกัน ก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่บ้านใหญ่ของเธอ แต่อยู่ในลานสนามใหญ่ของบ้าน ซึ่งมีคนดูหนังอยู่มากมาย และมีคนห้ามปรามเยอะอยู่แล้ว

ไม่ว่ายังไงพลอยก็เป็นถึงคุณหนูของตระกูลเลิศธนโยธา และตอนนี้ตระกูลสาระทากับตระกูลเลิศธนโยธาก็ไม่ได้มองหน้ากันไม่ติด ยังไงก็ต้องให้เกียรติหัวหน้าครอบครัวของตระกูลเลิศธนโยธา

อย่างมากพลอยก็แค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และขายหน้าหน่อยเท่านั้นเอง

มือที่สามอย่างเธอ คงไม่รู้จักคำว่าอายหรอก?

เมื่อก่อนตอนที่ญาณินยังเสียสติอยู่นั้น พลอยกับไซม่อนไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นคู่ เข้าออกบ้านของตระกูลสาระทาเหมือนบ้านของเธอเอง

คนใช้บางคนที่มีความยุติธรรม ก็จะเห็นอกเห็นใจญาณิน และด่าพลอยลับหลังว่าเป็นคนหน้าด้าน

ญาณินยิ้มเยาะในใจ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก พลอยไร้ยางอายก็จริง แต่ไซม่อนก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่หรอก?

นึกว่าเขาไม่แตะต้องตัวพลอยก็เป็นผู้ชายที่ดีเหรอ?

เขาเลวยิ่งกว่าผู้ชายเลวๆ ทั่วไปอีก!

ไม่รัก ก็ควรปฏิเสธให้ถึงที่สุด การเล่นสนุกการเป็นครั้งคราวเป็นการทำร้ายทั้งตัวเองและคนอื่น

“อืม แม่ไม่ต้องยุ่ง นั่นเป็นเรื่องของอาสามกับป้าสะใภ้ ขอแค่พลอยไม่มารบกวนแม่ พวกเราก็ไม่ต้องไปสนใจ ถ้าเธอยังมาระรานที่บ้านเราออีก แม่ ไม่ต้องเกรงใจเธออีกเลยนะ!”

เทวิกากลัวว่าคุณแม่เป็นคนอ่อนโยน จะจัดการพลอยไม่ได้

ญาณินตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า: “แม่ไม่ลดตัวไปยุ่งกับเธอหรอก และไม่ต้องไปแคร์เธออีกด้วย แม่กับพ่อหนูจะหย่าร้างกันแล้ว ตำแหน่งภรรยาของหัวหน้าครอบครัวคนนี้ ใครอยากได้ ก็เอาไปได้เลย”

เทวิกา: “……แม่ ถ้าพ่อไม่ยอมหย่าหล่ะ”

“แม่ก็จะฟ้องหย่า”

“ในเมืองซูเพร่าที่พ่อสามารถบงการได้ทุกอย่าง แม่จะฟ้องหย่า สามารถทำได้เหรอ?”

ญาณินเอียงหน้าไปมองลูกสาว “วิกา หนูลำเอียงให้คุณพ่อใช่ไหม?”

“ไม่ ไม่มีแน่นอน หนูก็แค่พูดเรื่องจริงออกมาเท่านั้นเอง”

ท่าทางที่ญาณินแสดงออกมาก็คือเธอลำเอียงให้พ่อเธอ

เมื่อเห็นคุณแม่จะโกรธแล้ว เทวิการีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “แม่ ลิปสติกที่แม่ทาตอนเย็นสวยมากเลย ทำให้ริมฝีปากของคุณแม่ดูแดงและอิ่มเอิบขึ้น”

ญาณิน:……

เธอพูดได้ไหมว่าเธอไม่ได้ทาลิป?

เฮ้อ พูดไม่ได้

เธออายุเท่านี้แล้ว ถ้าให้ลูกสาวรู้ว่าเธอถูกสามีที่จะหย่าร้างกันจูบหล่ะก็ อืม เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ยศพัฒน์ฟังคำพูดของภรรยาพูดแล้ว แอบยิ้ม

สาวน้อยคนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งเจ้าเล่ห์แล้ว

สมกับที่เป็นภรรยาที่รักของยศพัฒน์จริงๆ ยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนเขา

สองแม่ลูกเดินไปด้วยพูดคุยไปด้วย ไม่นานนักก็กลับมาถึงคฤหาสน์

“คุณผู้หญิง คุณหนู คุณยสพัฒน์”

ทุกคนที่เจอพวกเขา ต่างทักทายออกมาอย่างให้ความเคารพ

และมีบางคนที่เรียกยศพัฒน์ว่าลูกเขย

เทวิกากับยศพัฒน์ต่างฟังไม่คุ้นเคยหู แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ทันทีที่มาถึงลานประตูหน้าบ้าน ก็เห็นไซม่อนที่จะออกไปข้างนอกพอดี และในมือของไซม่อนยังได้ถือเสื้อกันหนาวสีขาวไว้อีกด้วย

“พ่อ”

“พ่อ”

เมื่อเทวิกาและสามีเห็นพ่อ ก็ได้เรียกพ่อออกมา

ไซม่อนตอบอืมออกมา จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าเอาเสื้อกันหนาวสีขาวตัวนั้นคลุมไว้บนบ่าของญาณิน และได้พูดขึ้นว่า:

“ฟ้ามืดแล้ว อุณหภูมิก็ลดลง ก็ไม่รู้จักใส่เสื้อกันหนาวออกไปด้วย ถ้ามีลมพัดมา จะยิ่งหนาว”

ญาณินผลักเขาออก แถมดึงเสื้อกันหนาวออกอีกด้วย จากนั้นโยนเสื้อกันหนาวไปให้เขา พูดออกว่าด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า: “หนาวหรือไม่หนาวฉันรู้ดี คุณไม่ต้องมายุ่ง”

พูดจบ ญาณินก็ทิ้งลูกสาวและลูกเขยไว้ เดินผ่านไซม่อน แล้วตรงไปในบ้านเลย

แต่ไซม่อนไม่ได้วิ่งไล่ตามเธอไปด้วย

ไซม่อนกอดเสื้อกันหนาวสีขาวไว้ในอก และหันไปมองลูกสาวและลูกเขย จากนั้นพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติว่า: “พี่นี่จิตใจดีแต่ถูกฟ้าผ่า”

“พ่อ ปากของพ่อเป็นอะไร?ทำไมถึงบวมแดง”

เมื่อเทวิกาและสามีเห็นปากของไซม่อนบวมแดง ยศพัฒน์ไม่เหมาะที่จะถาม เทวิกาที่เป็นลูกจึงถามออกมาอย่างเป็นห่วง

ไซม่อนลูบริมฝีปากที่บวมแดงของตัวเอง ยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า: “กระต่ายที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน ตกใจ และกัดคน”

สายตาของเทวิกามีเลศนัย

เมื่อถูกลูกสาวหยอกล้อ ทำไมไซม่อนหน้าแดงขึ้นมาทันที

คุณสามีพันล้าน – บทที่ 506 ถูกกระต่ายที่เลี้ยงไว้ที่บ้านกัด

คุณสามีพันล้าน – บทที่ 506 ถูกกระต่ายที่เลี้ยงไว้ที่บ้านกัด

รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 506 ถูกกระต่ายที่เลี้ยงไว้ที่บ้านกัด

ญาณินสังเกตเห็นเหมือนลูกสาวกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอร้อนตัวเล็กน้อย ด่าไซม่อนคนบ้ากามคนนั้นในใจไปแล้วไม่รู้กี่หมื่นครั้ง

ญาณินนึกถึงเมื่อกี้ตอนที่พวกเขาทะเลาะเถียงกันอยู่นั้น ไซม่อนกลับผลักเธอไปติดกับผนังแล้วจูบเธอ

ช่างหน้าด้านจริงๆ ทะเลาะเถียงสู้เธอไม่ได้ ก็ใช้วิธีปิดปากเธอ

ทำให้เธอโกรธมากจนกัดเขาไปทีหนึ่ง กัดจนริมฝีปากเขาเลือดออก

หึ สมน้ำหน้า!

“วิกา ยศพัฒน์ กลับเข้าไปในห้องเถอะ ตอนกลางคืนของเมืองซูเพร่าหนาวกว่าเมืองแอคเซสซ์เยอะ”

ญาณินกลัวลูกสาวกับลูกเขยจะมองอะไรออก จึงรีบเกลี้ยกล่อมทั้งสองคนให้กลับเข้าไปในบ้านอย่างอ่อนโยน ส่วนเธอนั้นรีบเดินกลับไปในบ้านก่อนเลย

ทันใดนั้นเทวิการู้สึกว่าคุณแม่เธอกำลังร้อนตัวกลัวคนอื่นรู้ทัน

หรือว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง เมื่อกี้ได้เกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อแม่สองคน?

เทวิการู้สึกสงสัยเล็กน้อย และอยากถามออกมามาก ใครให้เธอมีอาชีพเสริมเป็นนักเขียนนิยายหล่ะ นักเขียนนิยายสนใจเรื่องนวนิยายที่เหมือนจริงประเภทนี้มาก น่าเสียดายที่เป็นเรื่องราวของคุณแม่เธอ ความสัมพันธ์ของพ่อแม่ตอนนี้อยู่ระหว่างแตกร้าว ทางที่ดีเธออย่าไปอยากรู้อยากเห็นมากจะดีเสียกว่า

พ่อของเธอที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ความเผด็จการต้องมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว

เธอมองอยู่ข้างๆ บางครั้งก็สร้างโอกาสให้พ่อแม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เมื่อมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น ถึงจะทำให้คุณแม่เข้าใจคุณพ่อมากยิ่งขึ้น จะได้ลดความขัดแย้งระหว่างสามีภรรยาให้น้อยลงได้

การอยู่ด้วยกันระหว่างสามีและภรรยา ต้องมีเรื่องเข้าใจผิด เรื่องขัดแย้งกันอยู่แล้ว ถ้าปรับความเข้าใจได้ก็ดี แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือเหมือนอย่างพ่อแม่ของเธอ คนหนึ่งไม่ถาม อีกคนก็ไม่พูด ทั้งๆ ที่รักกันอยู่ แต่กลับทำเหมือนเป็นศัตรูกัน ทำให้คนเห็นรู้สึกสลดใจและไม่รู้จะทำยังไงดี

“แม่ พี่ชายหนูหล่ะ”

เทวิกาดึงยศพัฒน์ไล่ตามให้ทันฝีเท้าของแม่

ยศพัฒน์คลายมือออกอย่างเข้าอกเข้าใจ เพื่อให้เทวิกาสามารถไปคล้องแขนคุณแม่อย่างสนิทได้

“หลังจากพักกลางวันตื่นมาพี่ชายหนูก็ไปบริษัทแล้ว ใครจะไปเหมือนไอ้บ้า……เหมือนพ่อหนูหล่ะ รู้แต่นอนๆๆ บริษัทมีเรื่องมากมายก็ไม่ไปจัดการ ปล่อยให้พี่ชายหนูงานยุ่งเหมือนลาลากเครื่องโม่ เขาไม่สงสารลูกชาย แต่แม่สงสารลูกชายตัวเอง”

ญาณินอยากด่าไซม่อนไอ้คนเลว แต่คำนึงถึงกำลังพูดคุยกับลูกสาวอยู่ อยู่ต่อหน้าลูกสาว พยายามด่าคนอื่นให้น้อยที่สุดเพราะไม่ว่ายังไงก็เป็นพ่อแท้ๆ ของลูก

เธอจะหย่าร้างกับไซม่อน ห่างไกลจากไอ้บ้ากามคนนั้น แต่ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างไซม่อนกับลูกทั้งสองคน

“แล้วพี่ชายหนูจะกลับมากินข้าวไหมคะ?”

วิการู้สึกสงสารพี่ชาย

เพิ่งกลับมาจากเมืองแอคเซสซ์ก็ต้องไปทำงานที่บริษัทแล้ว

ยศพัฒน์เป็นหัวหน้าครอบครัวของบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป แต่เขาสามารถละทิ้งเรื่องงานของบริษัทได้ เพื่อกลับมาเมืองซูเพร่าเป็นเพื่อนเธอ

และไม่ต้องเป็นห่วงบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

น้องชายทั้งหลายของเขา ทุกคนสามารถดูแลบริษัทได้หมด ถึงแม้เขาจะพักอยู่กับเธอที่เมืองซูเพร่าสองสามปี อย่างมากก็แค่โดนพวกน้องชายบ่นสองสามคำ แต่เรื่องของบริษัทไม่ต้องกังวล

ส่วนพี่ชายของเธอ ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นหัวหน้าครอบครัวของบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป เป็นแค่รองประธานเท่านั้นเอง จึงไม่กล้าออกจากบริษัทไปนานมากนัก เพราะคนที่จ้องจะวางแผนทำร้ายเยอะมาก และคนที่รอขึ้นตำแหน่งแทนก็เยอะมากเช่นกัน

พี่ชายของเธอไม่กล้าผ่อนคลายเลยแม้สักวินาทีเดียว

“จะกลับมาอยู่”

ญาณินตอบออกมาอย่างแน่วแน่

ลูกสาวกลับมาวันแรก ถึงแม้ลูกชายจะงานยุ่งแค่ไหน ก็ต้องกลับมากินมื้อเย็นด้วยอยู่แล้ว

“แม่ ตอนที่แม่มาหาพวกเรานั้น อาสะใภ้สามกับพลอยเป็นยังไงบ้างแล้ว?”

ญาณินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า: “เรื่องส่วนตัวของคนอื่น แม่ไม่ไปยุ่ง”

หลังจากที่ถูกไซม่อนจูบ เธอได้ผลักเขาออกแล้วรีบวิ่งออกไป ไม่มีกะจิตกะใจดูหนังต่ออีก

อีกอย่าง สถานที่ที่พลอยกับบ้านสามทะเลาะกัน ก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่บ้านใหญ่ของเธอ แต่อยู่ในลานสนามใหญ่ของบ้าน ซึ่งมีคนดูหนังอยู่มากมาย และมีคนห้ามปรามเยอะอยู่แล้ว

ไม่ว่ายังไงพลอยก็เป็นถึงคุณหนูของตระกูลเลิศธนโยธา และตอนนี้ตระกูลสาระทากับตระกูลเลิศธนโยธาก็ไม่ได้มองหน้ากันไม่ติด ยังไงก็ต้องให้เกียรติหัวหน้าครอบครัวของตระกูลเลิศธนโยธา

อย่างมากพลอยก็แค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และขายหน้าหน่อยเท่านั้นเอง

มือที่สามอย่างเธอ คงไม่รู้จักคำว่าอายหรอก?

เมื่อก่อนตอนที่ญาณินยังเสียสติอยู่นั้น พลอยกับไซม่อนไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นคู่ เข้าออกบ้านของตระกูลสาระทาเหมือนบ้านของเธอเอง

คนใช้บางคนที่มีความยุติธรรม ก็จะเห็นอกเห็นใจญาณิน และด่าพลอยลับหลังว่าเป็นคนหน้าด้าน

ญาณินยิ้มเยาะในใจ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก พลอยไร้ยางอายก็จริง แต่ไซม่อนก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่หรอก?

นึกว่าเขาไม่แตะต้องตัวพลอยก็เป็นผู้ชายที่ดีเหรอ?

เขาเลวยิ่งกว่าผู้ชายเลวๆ ทั่วไปอีก!

ไม่รัก ก็ควรปฏิเสธให้ถึงที่สุด การเล่นสนุกการเป็นครั้งคราวเป็นการทำร้ายทั้งตัวเองและคนอื่น

“อืม แม่ไม่ต้องยุ่ง นั่นเป็นเรื่องของอาสามกับป้าสะใภ้ ขอแค่พลอยไม่มารบกวนแม่ พวกเราก็ไม่ต้องไปสนใจ ถ้าเธอยังมาระรานที่บ้านเราออีก แม่ ไม่ต้องเกรงใจเธออีกเลยนะ!”

เทวิกากลัวว่าคุณแม่เป็นคนอ่อนโยน จะจัดการพลอยไม่ได้

ญาณินตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า: “แม่ไม่ลดตัวไปยุ่งกับเธอหรอก และไม่ต้องไปแคร์เธออีกด้วย แม่กับพ่อหนูจะหย่าร้างกันแล้ว ตำแหน่งภรรยาของหัวหน้าครอบครัวคนนี้ ใครอยากได้ ก็เอาไปได้เลย”

เทวิกา: “……แม่ ถ้าพ่อไม่ยอมหย่าหล่ะ”

“แม่ก็จะฟ้องหย่า”

“ในเมืองซูเพร่าที่พ่อสามารถบงการได้ทุกอย่าง แม่จะฟ้องหย่า สามารถทำได้เหรอ?”

ญาณินเอียงหน้าไปมองลูกสาว “วิกา หนูลำเอียงให้คุณพ่อใช่ไหม?”

“ไม่ ไม่มีแน่นอน หนูก็แค่พูดเรื่องจริงออกมาเท่านั้นเอง”

ท่าทางที่ญาณินแสดงออกมาก็คือเธอลำเอียงให้พ่อเธอ

เมื่อเห็นคุณแม่จะโกรธแล้ว เทวิการีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “แม่ ลิปสติกที่แม่ทาตอนเย็นสวยมากเลย ทำให้ริมฝีปากของคุณแม่ดูแดงและอิ่มเอิบขึ้น”

ญาณิน:……

เธอพูดได้ไหมว่าเธอไม่ได้ทาลิป?

เฮ้อ พูดไม่ได้

เธออายุเท่านี้แล้ว ถ้าให้ลูกสาวรู้ว่าเธอถูกสามีที่จะหย่าร้างกันจูบหล่ะก็ อืม เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ยศพัฒน์ฟังคำพูดของภรรยาพูดแล้ว แอบยิ้ม

สาวน้อยคนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งเจ้าเล่ห์แล้ว

สมกับที่เป็นภรรยาที่รักของยศพัฒน์จริงๆ ยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนเขา

สองแม่ลูกเดินไปด้วยพูดคุยไปด้วย ไม่นานนักก็กลับมาถึงคฤหาสน์

“คุณผู้หญิง คุณหนู คุณยสพัฒน์”

ทุกคนที่เจอพวกเขา ต่างทักทายออกมาอย่างให้ความเคารพ

และมีบางคนที่เรียกยศพัฒน์ว่าลูกเขย

เทวิกากับยศพัฒน์ต่างฟังไม่คุ้นเคยหู แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ทันทีที่มาถึงลานประตูหน้าบ้าน ก็เห็นไซม่อนที่จะออกไปข้างนอกพอดี และในมือของไซม่อนยังได้ถือเสื้อกันหนาวสีขาวไว้อีกด้วย

“พ่อ”

“พ่อ”

เมื่อเทวิกาและสามีเห็นพ่อ ก็ได้เรียกพ่อออกมา

ไซม่อนตอบอืมออกมา จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าเอาเสื้อกันหนาวสีขาวตัวนั้นคลุมไว้บนบ่าของญาณิน และได้พูดขึ้นว่า:

“ฟ้ามืดแล้ว อุณหภูมิก็ลดลง ก็ไม่รู้จักใส่เสื้อกันหนาวออกไปด้วย ถ้ามีลมพัดมา จะยิ่งหนาว”

ญาณินผลักเขาออก แถมดึงเสื้อกันหนาวออกอีกด้วย จากนั้นโยนเสื้อกันหนาวไปให้เขา พูดออกว่าด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า: “หนาวหรือไม่หนาวฉันรู้ดี คุณไม่ต้องมายุ่ง”

พูดจบ ญาณินก็ทิ้งลูกสาวและลูกเขยไว้ เดินผ่านไซม่อน แล้วตรงไปในบ้านเลย

แต่ไซม่อนไม่ได้วิ่งไล่ตามเธอไปด้วย

ไซม่อนกอดเสื้อกันหนาวสีขาวไว้ในอก และหันไปมองลูกสาวและลูกเขย จากนั้นพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติว่า: “พี่นี่จิตใจดีแต่ถูกฟ้าผ่า”

“พ่อ ปากของพ่อเป็นอะไร?ทำไมถึงบวมแดง”

เมื่อเทวิกาและสามีเห็นปากของไซม่อนบวมแดง ยศพัฒน์ไม่เหมาะที่จะถาม เทวิกาที่เป็นลูกจึงถามออกมาอย่างเป็นห่วง

ไซม่อนลูบริมฝีปากที่บวมแดงของตัวเอง ยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า: “กระต่ายที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน ตกใจ และกัดคน”

สายตาของเทวิกามีเลศนัย

เมื่อถูกลูกสาวหยอกล้อ ทำไมไซม่อนหน้าแดงขึ้นมาทันที

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท