รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 540 วางแผนสร้างธุรกิจ
“พี่ชาย ถ้ามีอะไรให้หนูช่วยบอกได้เลยนะ”
ยศพัฒน์ลดเสียงต่ำมากยิ่งชึ้น แม้ว่านี่จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของพ่อตา ซึ่งปลอดภัยกว่าคฤหัสน์สาระทามาก แต่เขาก็ยังคงระมัดระวัง
“ถึงฉันจะมากับวิกาคนเดียว แต่ก็สามารถจัดการได้หลายอย่างด้วยการโทรโทรศัพท์เพียงสายเดียว”
อินทัชไปขอความช่วยเหลือจากลูกสาวตระกูลกิจวณิชกุล แล้วถูกอีกฝ่ายรังควาน และในเมื่อถูกรังควาน จะถูกรังควานนานอีกหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร ยศพัฒน์ไม่คิดที่จะแกรงใจตอนใช้อินทัชเลย
อินทัชไม่ได้ไม่สนใจลูกสาวของตระกูลกิจวณิชกุลเลยสักนิด แต่แค่คิดว่าอีกฝ่ายยังเด็กเกินไป พึ่งยี่สิบปีเอง อินทัชและยศพัฒน์อายุไล่เลี่ยกัน ซึ่งงมันห่างกันมาก เพราะฉนั้นแล้วคุณหนูตระกูลกิจวณิชกุลสามารถเรียกอินทัชว่าลุงได้เลย
ดังนั้นอินทัชจึงระงับความรักที่มีต่อคุณหนูตระกูลกิจวณิชกุล โดยปฏิบัติกับเธอเหมือนเด็ก และจะไม่ขอความช่วยเหลือจากคุณหนูตระกูลกิจวณิชกุล เว้นแต่จะมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ประยสย์รู้ว่าผู้ช่วยพิเศษของน้องเขยอินทัชเป็นคนที่มีความสามารถ เขาจึงพูดว่า: “นายช่วยเรื่องสืบสวนและรวบรวมข้อมูลมาโดยตลอด ตอนนี้นายอยู่เป็นเพื่อนวิกาก่อน พอหลังจากงานเลี้ยงแล้ว สาขาบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปของนายก็กำลังจะเริ่มดำเนินงานแล้วใช่ไหม”
“อืม”
“วางใจได้ พอถึงเวลาจะใช้นาย ฉันไม่เกรงใจหรอก”
ประยสย์ตบไหล่ยศพัฒน์ “ผู้ช่วยพิเศษของนายมีความสามารถมาก และธันวาที่อยู่ข้างๆนฤเบศวร์ก็มีความสามารถเช่นกัน”
เขาก็มีสปายในบริษัท แต่สปายของเขาสู่อินทัชและธันวาไม่ได้หรอ”
“นฤเบศวร์เคยคิดใช้เงินจำนวนมากเพื่อดึงตังอินทัชไป และฉันก็เคยคิดที่จะแย่งธันวาของเขาด้วย เราทั้งคู่ต่างๆตีท้ายครัวกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ”
อินทัชเป็นผู้ช่วยพิเศษที่มีด้วยความสามารถโดดเด่นที่สุดของยศพัฒน์ และได้รับความไว้วางใจจากยศพัฒน์มาก ส่วนธันวาก็เหมือนกัน ยศพัฒน์ชื่นชมธันวาและต้องการดึงตัวธันวามา เขาเป็นเหมือนเสือติดปีก แต่น่าเสียดายที่ไม่สำเร็จ”
“พี่ชาย”
ทั้งสองคุยเรื่องธุรกิจกัน และวิกาก็อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา
ชายทั้งสองมองมาที่เธอ
“พี่คะ หนูว่าแม่เราอยู่บ้านน่าเบื่อเกินไป ที่บ้านมีแต่คิดวางแผนทำร้ายกันและเสียงดังทั้งวัน ซึ่งมันกระทบอารมณ์ของแม่มาก หลุเลยอยากจะลงทุนเปิดร้านกับแม่เพื่อให้แม่มีอะไรทำ จะได้ไม่น่าเบื่อเกินไป”
ยศพัฒน์เห็นด้วย
ประยสย์กลับแสดงสีหน้าลำบากใจและกล่าวว่า: “พ่อจะไม่เห็นด้วยที่จะให้แม่เปิดร้านข้างนอกแน่ ผู้หญิงที่แต่งงานเข้าตระกูลสาระทาต้องดูแลสามีและเลี้ยงดูลูกอยู่ที่บ้านได้เท่านั้น แม้ว่าจะเข้าสังคม พวกเธอก็ยังต้องไปกับสามีเท่านั้น”
“แม้พวกเธอจะมีรายได้จากข้างนอก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสินสอดทองหมั้น ซึ่งก็คือร้านค้า บ้าน หรือค่าเช่าที่ทางตระกูลภรรยาให้มา”
เทวิกาขมวดคิ้ว “ว่ากันว่าตอนคุณย่ายังสาวๆเป็นผู้หญิงที่เก่งไม่ใช่เหรอ”
“เธอก็บอกว่าเป็นคุณย่า คนอย่างเธอ ตัวเองจะทำอะก็ได้ แต่ไม่ยอมให้ลูกสะใภ้ออกหน้าแน่”
เทวิกา: “……” จริงด้วย ย่าของเธอเห็นแก่ตัวมาก
ตัวเองจ้องตามองสามีอยู่ตลอดเวลา แต่กลับบอกให้แม่ของเธอใจกว้างและยอมรับการกระทำของพ่อกับคนภายนอก เหลือแค่พูดตรงๆไปว่าอยากให้แม่ยอมให้พ่อไปมีเมียน้อยนอกบ้าน
“ถ้าฉันเปิดร้าน คุณย่าจะไม่ว่าอะไรฉันใช่ไหม”
“หลานสาวได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าลูกสะใภ้แน่นอน พ่อยังบอกด้วยว่าทรัพย์สินส่วนตัวของเขาจะแบ่งให้เราเท่าๆกัน ดังนั้นไม่ว่าเธอจะเปิดร้านหรือลงทุนในบริษัท ย่าจะไม่พูดอะไร”
ในใจของหญิงชรา หลานสาวถูกเลี้ยงดูโดยตระกูลของเธอเอง แต่ลูกสะใภ้ถูกเลี้ยงดูโดยคนอื่น ดังนั้นเธอจะลำเอียงหลานสาวอยู่แล้ว
“ก็ลงทุนเปิดร้านในนามเราสิ เห็นว่าแม่สนใจเรื่องความงามและเครื่องประดับมาก งั้นก็ลงทุนร้านเสริมสวยหรือร้านขายเครื่องประดับ”
เทวิกาก็ไม่ชอบอยู่บ้านทุกวัน
ยังไงก็ตามบ้านสาม ก็วุ่นวายแล้ว บ้านสองก็เงียบได้ไม่กี่วันหรอก ให้พวกเขากัดกันก่อน แล้วเธอก็หาเวลาออกไปลงทุนทรัพย์สินภายนอกบ้าน หารายได้เล็กๆน้อยๆมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าบ้านสองและบ้านสาม ก็เป็นการแก้แค้นที่ดีต่อพวกเขา
“พูดอะไรถึงแม่น่ะ”
ญาณินนำจานผลไม้ที่หั่นแล้วมาวางไว้ตรงหน้าลูกๆ
“หนูกำลังบอกว่าแม่ดูแลตัวเองดีจัง ดูภายนอกเหมือนอายุเท่าหนูเลย เราแม่ลูกดูเหมือนพี่น้องกัน”
เทวิกาชมแม่ของเธอ และดึงเธอมานั่งข้างๆ ส่วนยศพัฒน์ขยับตัวไปอย่างเงียบ ๆ
ญาณินแตะปากลูกสาวของเธออย่างขบขัน “ปากนี้หวานเหมือนน้ำผึ้งเลย ด้วยสถานการณ์เมื่อก่อนของแม่ แม่จะดูแลตัวเองได้อย่างไร”
“ป้าอ้อยช่วยแม่ทาสกินแคร์ทุกวันเลย”
ประยสย์ตอบ
เขาคิดว่าเป็นคำสั่งของพ่อเขา
“แม่คะ แม่อยากเปิดร้านเสริมสวยหรือร้านขายเครื่องประดับคะ”
เทวิกาตัดบทไปประเด็นหลัก
หลังจากที่ญาณินทักทายลูกเขยให้กินผลไม้ เธอก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: “ตอนสาวๆแม่เรียนการออกแบบเครื่องประดับมา อันที่จริงแม่เคยมีงานทำและเคยออกแบบเครื่องประดับยอดนิยมหลายชิ้น ต่อมาแม่แต่งงานกับพ่อของลูกก็ลาออกจากงานที่ทำแล้ว”
เธอเสียสละอาชีพของเธอเพื่อการแต่งงานของเธอ
ก่อนที่จะแต่งงานกับไซม่อน เธอรู้ว่าผู้หญิงที่แต่งเข้าตระกูลสาระทาไม่สามารถออกหน้าทำธุรกิจได้
เพราะเธอรักไซม่อนมาก เธอจึงอดทน ยอมรับคำขอของหญิงชรา และยอมรับกฎของตระกูลสาระทา
“แม่เรียนออกแบบเครื่องประดับงั้นเหรอ”
เทวิการู้สึกประหลาดใจมาก
เอาจริงๆ เธอไม่รู้จักแม่ของตัวเองอย่างท่องแท้เลย
เพราะอย่างไรก็ตาม แม่และลูกสาวพึ่งกลับมาเจอกันได้เพียงไม่กี่เดือน
“แม่สนใจจิวเวลรี่มาตั้งแต่เด็กๆ เลยมาเรียนออกแบบเครื่องประดับ ทว่าแม่ทิ้งไปหลายปีจนตอนนี้แม่ทำไม่ได้แล้ว แต่ถ้าเปิดร้านขายเครื่องประดับก็ไม่มีปัญหา แม่หยิบปากกาขึ้นค่อยๆดึงความรู้สึกและแรงบันดาลใจกลับมาหา”
เมื่อพูดถึงอาชีพการงาน ดวงตาของญาณินสดใสขึ้นมาก
“แม่คะ งั้นเรามาร่วมกันเปิดร้านขายเครื่องประดับกัน และถ้าแม่เกิดมีแรงบันดาลใจก็ออกแบบเครื่องประดับ ถ้าวันไหนไม่ว่างก็ไปเฝ้าร้านฆ่าเวลา”
ญาณินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า: “ถ้าลูกมีแผนเช่นนั้น แม่จะสนับสนุนลูก หลังจากงานเลี้ยงค่อยวางแผนกันต่อ วิกา ในเมื่อลูกอยากลงทุนร้านเครื่องประดับ ในงานเลี้ยงอีกไม่กี่วันลูกควรจะคบหาเพื่อนมากๆ เพราะภรรยาขุนนางชนชั้นสูงของเมืองซูเพร่า มักจะชอบซื้อเครื่องประดับ ซื้อกระเป๋า ทำทรีตเมนต์ความงาม ท่องเที่ยวและอื่นๆ”
เนื่องจากพวกเขามีเงินมากมายจนไม่มีที่จะใช้จ่ายและอยู่ในบ้านเฉยๆ ไม่มีอะไรทำนอกจากช้อปปิ้ง จัดงานเลี้ยง ท่องเที่ยว เสริมความงามต่างๆ
“แม่ครับ ให้ร้านขายเครื่องประดับจดทะเบียนในนามของวิกา ถ้าแม่ออกเงินลงทุนแล้วคุณย่ารู้เข้าจะดุแม่อีกนะ และพอก็ไม่ชอบให้แม่ออกหน้าสู่สาธารณะด้วย”
ประยสย์เตือนแม่ของเขา
ญาณินยังคงอ่อนโยน แต่สิ่งที่เธอพูดนั้นเย็นชา “ฉันจะทำอะไรตอนนี้ ทำไมต้องดูสีหน้าพวกเขาด้วย และพ่อของลูกจะชอบหรือไม่ชอบ มันเกี่ยวอะไรกับแม่ ยสย์ คราวหลังอย่ามองว่าแม่เป็นตัวเสริมของพ่อลูกนะ”
“แม่ของลูกเป็นอิสระนะ! ไม่ใช่ของเสริมของใคร! นอกจากนี้อย่าเรียนรู้ความคิดเก่าๆของผู้ชายบ้านลูก ลูกต้องเรียนรู้จากยศพัฒน์ เพื่อที่ภรรยาของคุณจะได้ไม่หย่าร้างกับลูกเพราะขาดอิสระ”
ประยสย์: ……