รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 558 นี่มันโชคช่วยแท้ๆ
“อย่าร้อง อย่าร้องนะ”
เทวิการีบรับขวดนมมาจากมือของไนท์ จากนั้นได้ยื่นขวดนมไปให้เด็กน้อย แต่เด็กน้อยกลับผลักขวดนมออก
“แม่ เขาไม่ดื่มนมผง?”
เทวิกาถามออกมาและทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
ญาณินใส่แพมเพิสให้เด็กน้อย เพราะกลัวจะฉี่ใส่เสื้อเธอเปียกอีก
“เขายังไม่ได้หย่านม”
ดูจากท่าทีที่เขาหิวจัดแล้วดึงเสื้อผ้าของเทวิกาก็สามารถมองออกแล้ว ว่าเด็กน้อยคนนี้ยังไม่ได้หย่านม
หลังจากใส่แพมเพิสให้เด็กเสร็จแล้ว ญาณินหยิบขวดนมมาจากมือของลูกสาว อุ้มเด็กไว้แล้วปรับท่านั่ง เพื่อให้เด็กได้อย่างสบาย เธอยื่นขวดนมไปที่ริมฝีปากเด็ก แล้วเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยนว่า: “เป่าเปา ดื่มนมแล้วนะ”
เด็กน้อยได้ผลักขวดนมออกอีกครั้ง
ญาณินมีความอดทนมาก ทำซ้ำๆ หลายครั้ง บวกกับเด็กน้อยเองก็หิวมาก ในที่สุดก็อ้าปาก และดื่มไปก่อนสองคำ คงรู้สึกว่ารสชาติพอใช้ได้อยู่มั้ง เลยเริ่มดื่มคำใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“ตอนที่หย่านมให้เด็ก เด็กมักจะร้องไห้งอแง ต้องดูว่าแม่ใจแข็งพอไหม บางคนสงสารเด็กน้อยร้องไห้ไม่ยอมกินนมผง ก็จะหย่ายากหน่อย ความจริงแล้วหลังจากที่ร้องไห้งอแงเสร็จ ถ้าหิวมาก เด็กก็จะยอมกินนมผงเอง”
ญาณินมองเด็กน้อยที่กำลังดื่มนมอยู่ด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมกับเล่าประสบการณ์ของการเลี้ยงลูกให้ลูกสาวฟัง
เทวิกฟังอยู่ แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ตอนนี้เธอยังไม่อยากมีลูก รออีกสองปีก่อนค่อยว่ากัน
หลังจากที่เด็กน้อยกินอิ่มแล้ว ก็กลับมาเป็นหนูน้อยน่ารักอีกครั้ง
“คุณผู้หญิง คุณหนูใหญ่ ข้างหน้าก็คือสถานีตำรวจแล้ว”
ไนท์เตือนแม่ลูกทั้งสองที่นั่งอยู่หลังรถขึ้นมา
“ถ้าถึงก็จอดที่สถานีตำรวจเลย”
ญาณินยื่นขวดนมให้ลูกสาว เทวิการับมา คิดในใจว่าเดี๋ยวถ้ามีน้ำค่อยล้างขวดนมให้สะอาดก็พอ จึงยัดขวดนมเข้าไปในถุงที่ใส่นมผมให้เรียบร้อย
ผ่านไปไม่นานนัก ขบวนรถที่พาคุณผู้หญิงและคุณหนูใหญ่ของตระกูลสาระทาก็นำรถมาจอดที่สถานีตำรวจ
ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ตำรวจที่อยู่เวรหน้าประตูของสถานีตำรวจตกใจเล็กน้อย
ญาณินอุ้มเด็กไว้แล้วลงไปจากรถ
ลูกสาวและลูกเขยตามมา ส่วนบอดี้การ์ดก็ยึดทั้งสามคนเป็นจุดศูนย์กล้าง ล้อมรอบอยู่หน้าหลัง
“คุณตำรวจ พวกเราเก็บเด็กคนนี้ได้ระหว่างทาง ไม่รู้ว่าเด็กเป็นลูกของบ้านไหน ก็เลยส่งมาที่นี่”
ญาณินอธิบายถึงสาเหตุที่มาอย่างอ่อนโยน ตำรวจที่อยู่เวรหน้าห้องรีบเชิญทุกคนเข้าไปทันที
เมื่อคนกลุ่มนั้นเดินไปไกลแล้ว เขาได้พึมพำกับตัวเองว่า: “คุณผู้หญิงคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ”
แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร
ตอนแรกนึกว่าส่งเด็กให้ตำรวจก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว คาดคิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยไม่ยอม ดึงเสื้อผ้าของเทวิกาไว้ไม่ยอมปล่อย ร้องไห้เหมือนโลกแตก ตำรวจหญิงทุกคนในสถานีตำรวจก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเด็กขี้แยคนนี้ได้
“หม่าม้า……หม่าม้า……”
ร้องไห้น่าสงสารมาก มืออ้วนทั้งสองข้างดึงเสื้อของเทวิกาไว้ไม่ยอมปล่อย และร่างกายน้อยๆ นั้นก็ดิ้นเข้าหาเทวิกาอย่างสุดแรง
เสียพละกำลังไปไม่น้อย กว่าจะส่งมอบเด็กขี้แยคนนี้ถึงมือของตำรวจหญิงได้ แถมยัดของเล่นให้เขาไปมากมาย เทวิกา “หนีกระเจิดกระเจิง”
เด็กน้อย มองแล้วน่ารัก เล่นด้วยก็สนุก แต่เวลาติดเธอทำให้เธอตกใจ
เทวิการู้สึกโชคดีที่หลังแต่งงานไม่เร่งรีบที่จะมีลูก เธอยังไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเป็นแม่
คนทั้งกลุ่มเดินไปไกลแล้ว ก็ยังได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยอยู่เลย
เทวิการู้สึกสงสาร แต่นี่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
ตอนที่ไปเอารถนั้น เทวิกายังคงคิดถึงเรื่องของเด็กน้อยอยู่
ยศพัฒน์ปลอบใจเธอว่า: “ถ้าหาคนในครอบครัวของเด็กน้อยไม่ได้ ตำรวจต้องติดต่อพวกเราอยู่แล้ว หรือส่งเด็กน้อยไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า”
“หวังจากหาคนในครอบครัวของเด็กเจอ และหวังว่านี่จะเป็นเพียงแค่เด็กน้อยหายสาบสูญทั่วไป ไม่ใช่เป็นแผนการและความทะเยอทะยานของใครบางคน”
เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าผู้ใหญ่จะมีแผนการร้ายมากมายเพียงใด ก็ไม่ควรดึงเด็กเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แต่น่าเสียดาย ไม่ใช่ทุกคนที่จำคำนึงถึงข้อนี้ เธอเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในตอนนั้น
วรันธรอิจฉาริษยาแม่ของเธอ จากที่รักคุณพ่อของเธอได้เปลี่ยนเป็นเกลียด จึงต้องการแก้แค้น แอบเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลสาระทาแล้วอุ้มเธอไป โยนความเกลียดให้เธอ ถือว่าเป็นความโชคดีของเธอ ที่เจอพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง จึงเติบโตมาอย่าแข็งแรง
ยศพัฒน์เงียบไม่พูดอะไร
“ใช่แล้ว ระหว่างทางที่มาคุณอยากพูดอะไรกับแม่เหรอ?” ยศพัฒน์เปลี่ยนเรื่องคุย เพื่อกระจายความสนใจของภรรยา
ตอนที่เด็กน้อยติดเธอนั้น ภรรยา “หรีกระเจิดกระเจิง” หลังจากหนีออกมาแล้ว ก็รู้สึกเศร้าอีก
ญาณินเองก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย ไม่ได้ยินคำพูดที่ลูกเขยพูด เธอจึงสลัดเรื่องเก่าๆ ที่ทุกข์ใจออกไป แล้วถามลูกสาวเสียงอ่อนโยนว่า: “ใช่แล้ว วิกา ย่าของหนูพูดอะไรกับหนูเหรอ?”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ต้องการหลอกใช้หนูให้บรรลุเป้าหมายบางอย่างของเธอเท่านั้นเอง ก็ดีเหมือนกัน เธอให้โอกาสที่ดีกับหนูพอดี หนูจะได้พายเรือทวนน้ำ”
เทวิกายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “คุณย่าต้องการจับคู่ให้พี่ขายกับณิศา ชอบที่ณิศาอ่อนโยนเหมือนน้ำ อ่อนแอควบคุมง่าย
และครอบครัวฝั่งแม่ก็อยู่ห่างไกล ถ้าณิศาแต่งงานกับพี่ชายหนู อยู่ที่บ้านของตระกูลสาระทา นอกจากพี่ชายหนูคนเดียวที่
พึ่งพาได้แล้วพูดได้ว่าโดดเดี่ยวเดียวดายไม่มีที่พึ่งเลย
จิตใจของคุณหญิงย่าไม่ดีเลยจริงๆ
ญาณินกับยศพัฒน์: “……”
คุณหญิงย่าคือช่วยเหลือวิกาอีกแรงหนึ่งเลย ยศพัฒน์ไม่รู้ว่าควรจะชื่นชมคุณหญิงย่าดี หรือว่าควรพูดว่าคุณหญิงยาอายุมากแล้ว สายตาฟ่าฟางแล้วผ่านไปสักระยะหนึ่ง ญาณินพูดขึ้นมาว่า: “ในที่สุดคุณย่าของหนูก็ทำเรื่องที่ถูกต้องเรื่องหนึ่งสักที”
ยศพัฒน์กลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “คุณย่าคือผู้ช่วยตัวยงเลยทีเดียว”
“ที่คุณย่าชอบณิศาและมีแผนการในใจอะไร นึกว่าฉันไม่รู้เหรอ?ฉันจงใจพูดต่อหน้าเธอว่าพี่ชายฉันเกลียดณิศาแค่ไหน รังเกียจที่ณิศาเป็นคนอ่อนแอ คุณย่ายิ่งมั่นใจที่จะเลือกณิศาเป็นหลานสะใภ้ และไม่ได้ถามฉันก่อน ก็ส่งบัตรเชิญไปให้ณิศาแล้ว เชิญณิศามาร่วมงานเลี้ยงของฉันในอีกสองวันข้างหน้า”
“แม้แต่เครื่องบินส่วนตัวที่จะไปรับณิศาก็จัดการเรียบร้อยแล้วมั้ง”
ถ้าณิศาเป็นคนแสร้งเป็นหมู เพื่อหลอกกินเสือ แล้วแต่งงานกับพี่ชายฉันจริงๆ แล้วหล่ะก็ คงต้องมีหนังสนุกดูแน่ๆ ให้ณิศาใช้ตัวตนที่แท้จริงตบหน้าคุณย่าของเธอดีกว่า!
ฮ่าๆๆ คิดดูแล้วก็สนุกดี เทวิการอคอยการมาถึงของวันนั้น……
รถเก๋งสิบกว่าคัน กำลังคุ้มกันรถโรลส์-รอยซ์ จากไกลไปใกล้ และสุดท้ายก็หยุดลงอย่างช้าๆ ที่หน้าประตูของบริษัทโอเอ กรุ๊ปพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทโอเอ กรุ๊ป เห็นท่าทางนี้แล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่มาคือหัวหน้าของครอบครัวของตระกูลเลิศธนโยธาคุณพสธรไปดูงานที่ต่างจังหวัดได้สักระยะหนึ่ง วันนี้เพิ่งกลับมา กลับมา แม้แต่บ้านตัวเองก็ยังไม่ได้กลับ ก็พาบอดี้การ์ดมาด้วยความโกรธ โอะ คือยิ่งใหญ่เกรียงไกร เต็มไปด้วยแรงอาฆาตมาถึงบริษัทโอเอ กรุ๊ปพนักงานรักษาความปลอดภัยคือคนใหม่ที่เพิ่งมาทำงานที่บริษัทโอเอ กรุ๊ปได้เดือนกว่า หลังจากที่รู้ว่าเป็นขบวนรถของหัวหน้าครอบครัวตระกูลเลิศธนโยธาแล้ว รู้สึกตื่นเต้นมาก จึงรีบโทรสายภายในรายงานขึ้นไปข้างบน
ในเวลาเดียวกัน ก็รีบสั่งให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ รีบเปิดประตูใหญ่ของบริษัท ปล่อยขบวนรถของคุณพสธรเข้ามา
คุณพสธรเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าเมินเฉยเขา ต่อหน้าอาจไม่ทำอะไร หลับหลังต้องเอาพวกเขาตายหน้า
มีคนไม่น้อยที่ถูกคุณพสธรจัดการ จึงทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทใหญ่ต่างๆ ไม่กล้าทำให้คุณพสธรโกรธ
แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคือ เพื่อนร่วมงานของเขาปฏิเสธที่จะเปิดประตูบริษัทให้คุณพสธรและพรรคพวกในทันที แต่กลับเตือนเขาว่า: “นายไปถามประธานไซม่อนก่อนว่าจะเจอประธานพสธรไหม ถ้าเกิดว่าประธานไซม่อนไม่ว่าง ให้ประธานพสธรอีกสองสามวันค่อยมาใหม่”
ที่นี่คือบริษัทโอเอ กรุ๊ป รองประธานประยสย์เคยพูดว่า คนของบริษัทโอเอ กรุ๊ป ไม่จำเป็นต้องกลัวใคร!ถ้าฟ้าถล่มมายังมีรองประธานประยสย์ช่วยบังพวกเขาไว้อยู่!