รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 564 สะสมประสบการณ์ความเป็นพ่อก่อน
“คุณย่า นี่เป็นความคิดของหนูเอง คุณย่าอย่าไปโทษคุณแม่ ในอนาคตหนูกับยศพัฒน์จะมีลูกด้วยกันอยู่แล้ว พอดีเลยตอนนี้เลี้ยงเด็กน้อยสะสมประสบการณ์การเลี้ยงเด็กไว้ก่อน รอให้ตำรวจสอบฐานะของเขาให้ชัดเจนก่อน เมื่อตามหาคนในครอบครัวของเขาเจอ ก็จะคืนเด็กน้อยให้กับครอบครัวเขาเอง”
เทวิกาเก็บความโกรธไว้ไม่ได้เถียงคุณย่ากลับ เธออุ้มเด็กน้อยไว้แล้วเดินเข้าไปใกล้คุณย่า “คุณย่า คุณย่าดูเขาสิอ้วนท้วนปุยมุ้ยน่ารักจะตาย”
“คุณย่า ที่หนูเลี้ยงดูเขาชั่วคราว เพราะรู้สึกว่าเขามีโชคชะตาเดียวกับหนู ตอนนั้นหนูก็ถูกคนร้ายอุ้มตัวไปแล้วเอาไปทิ้งไว้ข้างถนน โชคดีที่พ่อหนูเก็บหนูไปเลี้ยง มิฉะนั้นคุณย่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าหนูอีก?หนูกำลังสร้างความสัมพันธ์ที่ดี”
คุณหญิงย่าหันไปมองพิรัตน์ เด็กคนนี้หน้าตาอิ่มเอิบ รูปร่างหน้าตาดีมาก เพียงแต่อ้วนไปหน่อย ถ้าผอมลงอีกเล็กน้อย ก็จะยิ่งดูดีเลย
ทันใดนั้นเด็กน้อยยิ้มให้เธอทันที
คุณหญิงย่า: “……”
เทวิกาพูดแล้วว่าพิรัตน์ก็เหมือนเธอในตอนนั้น ตอนนี้ที่เธอเลี้ยงพิรัตน์เป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดี สั่งสมคุณงามความดี ไม่ว่าผู้ใหญ่จะเกลี้ยกล่อมยังไง เธอก็ยืนยันจะเลี้ยงดูพิรัตน์ ทุกคนจึงทำอะไรไม่ได้
เพราะเหตุนี้ พิรัตน์จึงพักอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลสาระทาเป็นการชั่วคราว โดยมีเทวิกาและสามีเป็นคนเลี้ยงดู
คืนนั้น ในขณะที่เทวิกาฝึกอาบน้ำให้เด็กน้อยอยู่นั้น ปรากฏว่าเห็นแผ่นหลังของพิรัตน์มีรอยสักรูปมังกรอยู่
คือใครกันที่สักรอยสักรูปมังกรไว้แผ่นหลังของเด็ก?
เทวิกาลูบรอยสักมังกรนั้นเบาๆ ทำให้พิรัตน์รีบพลิกตัวทันที แล้วนั่งลง เพื่อไม่ให้เทวิกาจับ คงเป็นเพราะความเจ็บปวดที่ฝังลึกเข้าไปในกระดูกตอนถูกบังคับให้สักสินะ เด็กน้อยจึงไม่ชอบให้คนอื่นลูบแผ่นหลังของเขา
“ยศพัฒน์ คุณคิดว่าฐานะของพิรัตน์คืออะไรเหรอ?เด็กขนาดนี้ก็ถูกคนอื่นสักรูปมังกรไว้แผ่นหลัง หรืออาจเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของตระกูลเขา?”
“ที่มาของเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน รอผลสรุปของตำรวจดีกว่า”
ยศพัฒน์หยิกแก้มตุ้ยนุ้ยของเด็กน้อยเบาๆ, “น้ำเตรียมเรียบร้อยแล้ว คุณช่วยเขาอาบน้ำได้ไหม?หรือว่า ให้ผมอาบให้”
“พูดเหมือนคุณมีประสบการณ์ยังนั่นแหละ”
ยศพัฒน์อุ้มเด็กน้อยขึ้นมา แล้วพูดขึ้นว่า: “ผมไม่มีประสบการณ์ แต่ผมฝึกได้ เมื่อสะสมประสบการณ์ของการเลี้ยงเด็กได้แล้ว พวกเราค่อยมีลูกกัน ผมเลี้ยงเอง จะไม่ให้คุณเหนื่อยเลย”
นี่เขากำลังเตรียมสะสมประสบการณ์การเป็นพ่อเลี้ยงเด็กจากพิรัตน์
“ไปกัน พวกเราไปอาบน้ำกัน”
ยศพัฒน์อุ้มเด็กน้อยเข้าไปในห้องอาบน้ำ
เมื่อได้สัมผัสกันหลายครั้ง เด็กน้อยก็ไม่ต่อต้านการเข้าใกล้ของยศพัฒน์อีกต่อไป
ตอนพิรัตน์อาบน้ำทำตัวเป็นเด็กดีมาก แต่ไม่ยอมสระผม เมื่อช่วยเขาสระผม ร้องได้เหมือนฆ่าหมู
แต่น่าเสียดายที่เขาตัวเล็กแรงน้อย จึงถูกยศพัฒน์บีบบังคับสระผมให้เขาอย่างแข็งกร้าว
“ผมของเด็กคนนี้เริ่มยาวแล้ว พรุ่งนี้พาเขาไปตัดผม โกนหัวเลยดีกว่า เพราะเขาไม่ยอมสระผม ถ้าโกนผมแล้ว ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดสองสามคร้งก็พอ”
เทวิกาหยิบเสื้อผ้าเด็กมา ไม่ใช่เสื้อผ้าที่ซื้อใหม่ แต่เป็นเสื้อผ้าที่แม่ของเธอพลิกกล่องและตู้เสื้อผ้าหา หาเจอเสื้อผ้าตอนเด็กของประยสย์ แล้วเอาให้พิรัตน์ใส่
สองสามีภรรยายังเป็นมือใหม่อยู่ เวลาช่วยเด็กถอดเสื้อผ้าเป็นเรื่องง่าย แต่เวลาใส่เสื้อผ้า แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสองสามีภรรยามือไม้โง่มาก บวกกับพิรัตน์นอนอยู่บนเตียงไม่ให้ความร่วมมือ พลิกตัวไปมา หรือไม่ก็คลานขึ้นลงบนเตียงไปมา
ทุกครั้งที่ถูกยศพัฒน์จับขาแล้วลากตัวออกมา ก็จะรีบพลิกตัวแล้วคลานหนีไปทันที
ผ่านการสู้รบกันไปสักพัก สองสามีภรรยาถึงใส่เสื้อผ้าให้เด็กน้อยได้จนสำเร็จ
“ฉันไปชงนมก่อนดีกว่า”
เทวิการู้สึกว่าเด็กน้อยเวลามองดูน่ารัก แต่เวลาเลี้ยงดูช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เธอจึงรีบไปชงนม แล้วปล่อยพิรัตน์ให้ยศพัฒน์ดูแล
หลังจากเด็กน้อยดื่มนมเสร็จ ก็นอนหลับอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าเวลานอนต้องมีคนอุ้มเขาอยู่ถึงจะนอนหลับ และต้องรอให้เขานอนหลับก่อนถึงจะวางลงบนเตียงได้
“ที่รัก อีกหน่อยพวกเรามีลูกแค่คนเดียวก็พอ”
มองเด็กน้อยที่นอนหลับสนิท เทิวกาแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา “เลี้ยงเด็กช่างทรมานเหลือเกิน”
ยศพัฒน์กอดเธอไว้ “ต่อไปให้เด็กทรมานผมดีกว่า”
เขากอดเธอแล้วล้มนอนไปที่เตียง พูดออกมาเสียงแหบพร่าว่า: “ที่รัก พวกเรามาทำลูกกันดีกว่า”
“ไหนบอกว่าจะไม่มีลูกชั่วคราวไง?”
“ไม่มีลูกชั่วคราวได้อยู่ แต่ผมชอบขั้นตอนการทำลูกมาก”
เทวิกา: “……”
หลังจากผ่านการเริงรักกันเรียบร้อยแล้ว เทวิกได้นอนหลับไปอย่างสนิท
ยศพัฒน์รอเธอนอนหลับแล้ว ถึงได้ลุกขึ้นเบาๆ เห็นพิรัตน์แตะผ้าห่มออก ส่วนมือข้างหนึ่งถูกเทวิกาทับไว้ ทั้งเด็กเล็กและเด็กโตต่างไม่รู้ตัว ว่าทั้งสองคนนอนหลับสนิทเหมือนหมูเลย
เธออดยิ้มออกมาไม่ได้ แล้วช่วยพิรัตน์ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เรียบร้อย แล้วดึงมือของพิรัตน์ออกจากตัวของเทวิกาเบาๆ คนที่ไม่เคยเป็นแม่มาก่อน แล้วจู่ๆ ก็พาเด็กน้อยนอนด้วย ต้องไม่คุ้นชินอยู่แล้ว แถมลืมตัวด้วยซ้ำว่าข้างกายมีเด็กน้อยนอนอยู่ด้วย
ยศพัฒน์คิดในใจพรุ่งนี้จะไปซื้อเตียงนอนเด็กให้เด็กน้อย แล้วให้พิรัตน์นอนบนเตียงนอนเด็ก จะได้ไม่ต้องถูกเขากับเทวิกานอนทับตัว
เคยได้ยินมาว่ามีพ่อแม่มือใหม่ตอนกลางคืนเวลานอนหลับพลิกตัวแล้วนอนทับเด็กตาย
“วิกา คุณนอนก่อน ผมออกไปทำธุระก่อน”
ยศพัฒน์พูดที่ข้างหูของเทวิกา จากนั้นก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอ ห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินออกไปจากห้องเงียบๆ
เมื่อเดินออกมาจากห้อง ก็เห็นพี่ชายภรรยายืนสูบบุหรี่อยู่ ซึ่งห่างไกลจากห้องไม่ไกลมากนัก
เมื่อเห็นเขาเดินออกมา สายตาของพี่ชายภรรยาที่มองเขาช่างคุ้นเคยเหลือเกิน เดิมทีหลังจากที่เขากับเทวิกากลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว ชเนนทร์ก็ใช้สายตาแบบนี้มองเขาเหมือนกั
เขากับเทวิกาเป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว มีอะไรกันก็เป็นเรื่องปรกติ
เมื่อคิดได้แบบนี้ ยศพัฒน์จึงยืดตัวตรง เดินไปให้ประยสย์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำออกมาว่า: “ต่อไปสูบบุหรี่ให้ลดลงหน่อย ที่บ้านมีเด็กน้อยอยู่”
“เด็กน้อยไม่ใช่ลูกของเทวิกาสักหน่อย”
ประยสย์บ่นพึมพำออกมา “ถ้าพิรัตน์เป็นลูกของคุณกับวิกา อย่าว่าแต่สูบบุหรี่ที่บ้านไม่ได้เลย แม้แต่ห้ามเล่นมือถือในบ้านผมก็สามารถทำได้”
ยุคสมัยที่คนมีมือถือกันละเครื่อง น้อยมากที่จะทำได้เวลาที่มือถืออยู่ในมือแล้วไม่เล่น
“คุณกับวิกาจะมีลูกกันตอนไหน?ผมอยากเป็นน้าชายคนตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนผมอยากให้พวกคุณมีหลานสาวให้ผม แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนความคิดแล้ว มีหลานชายให้ผมดีกว่า ตอนนี้พวกคุณเลี้ยงลูกหมูไว้แล้ว ใครจะไปรู้ในอนาคตจะรังแกหลานสาวผมหรือเปล่า มีหลานชายดีกว่า ”
ยศพัฒน์: “……พี่ พี่คิดไกลเกินไปแล้ว หลังจากตามหาคนในครอบครัวของพิรัตน์เจอแล้ว ก็จะกลับไปอยู่กับคนในครอบครัวของเขาเอง”
“ผมกับวิกายังอยากใช้ชีวิตสองต่อสองกันอีกสักสองปี ยังไม่อยากมีลูกหรอก ถ้าพี่ชอบเด็ก ก็รีบแต่งงานเลย อยากมีกี่คนก็มีเองได้เลย”
“เลี้ยงลูกของคนอื่นถึงจะสนุก เวลาอารมณ์ดีก็เล่นด้วยหน่อย สนุกด้วยหน่อย แต่ถ้าทำเด็กร้องไห้ ผมสามารถเดินดีได้โดยไม่ต้องสนใจอะไร แต่ถ้าเป็นลูกของตัวเอง เวลาทำเขาร้องไห้ก็ต้องเกลี้ยกล่อมเขาอีก”
ในขณะที่ประยสย์พูดอยู่นั้นก็ได้ดับบุหรี่ไปด้วย แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า: “ไปกันเถอะ พ่อรอพวกเราอยู่ในห้องหนังสือ”
ยศพัฒน์หันไปมองห้องนอนของคุณปู่กับคุณหญิงย่าอย่างระมัดระวัง
ประยสย์เองก็หันไปมองเช่นเดียวกัน แล้วพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า: “ผมได้ใส่ยานอนหลับเล็กน้อยลงในนมที่พวกเขาดื่มก่อนเข้านอน รับรองว่าพวกเขานอนหลับถึงสว่างแน่นอน”