รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 594 ก้างขวางคอเยอะมาก
หลังจากเขาตื่นขึ้นมาตรวจดูกล้องวงจรปิด ก็ลุกขึ้นอย่างมีความสุข เตรียมตัวไปกินข้าวเช้าเป็นเพื่อนภรรยาผู้ยิ่งใหญ่
คนที่ยุ่งแบบเขา ปกติก็นอนไม่เยอะอยู่แล้ว พักผ่อนสองสามชั่วมอง เขาก็พอแล้ว อีกครู่ค่อยมานอนชดเชยเอาก็ได้
ยังไงวันนี้ก็ยังไม่ต้องกลับบริษัท ได้มีเวลาเกาะติดภรรยา หลอกล่อ งอนง้อเธอ
ถ้าหากก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งก็ดี
เขาครองตัวบริสุทธิ์มานานแล้ว
นับตั้งแต่ลูกชายพาภรรยาไปเมืองแอคเซสซ์ เขาก็ไม่ได้มีอะไรกับใคร โดยเฉพาะหลังจากที่ภรรยาฟื้นคืนสติ กระทั่งมือของภรรยาเขาก็ยากจะได้จับ
แม้ว่าเขาจะอายุห้าสิบแล้ว แต่สุขภาพเขาดีมาก แข็งแรงสุดๆ เป็นไปได้ว่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่อดหลับอดนอนบ่อยๆ บางคนยังสุขภาพดีสู้เขาไม่ได้เลย หากไม่ใช่ว่าภรรยาอายุมากแล้ว คลอดลูกอีกคนจะทำร้ายสุขภาพเธอ เขาก็ยังสามารถให้ภรรยาคลอดได้อีกหลายคน
“หนูไปเรียกพี่มากินข้าวก่อนด้วยดีมั้ยคะ อีกเดี๋ยวค่อยนอนชดเชยเพิ่มเอา”
เทวิกาสงสารพี่ชายมาก
แต่ก่อนได้ยินมาว่าประธานบริษัทใหญ่ยุ่งมาก เธอก็ไม่เคยเห็นมาก่อน รอจนเธอแต่งงานกับยศพัฒน์แล้ว ถึงได้รู้ว่ายุ่งมากจริงๆ เพื่อที่จะเจียดเวลามาบ่มเพาะความรู้สึกกับเธอนั้นไม่ง่ายเลย ยศพัฒน์ต้องทำงานล่วงเวลาจัดการเอกสารสำคัญที่จำเป็นต้องจัดการให้เรียบร้อยล่วงหน้า ถึงจะเจียดเวลาออกมาได้
เห็นพี่ชายเธอเป็นนายน้อยของตระกูลใหญ่ หัวหน้าตระกูลในอนาคต เธอคิดว่า ก็แค่นายน้อยคนหนึ่งของตระกูล คุณพ่อยังแข็งแรงดีอยู่ พี่ใหญ่ไม่น่าจะยุ่งเหมือนกับยศพัฒน์ขนาดนั้น หลังกลับบ้าน เห็นสองพ่อลูกออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ กลับมาตอนดึกดื่น ต้องจัดการ โอเอ กรุ๊ปอันใหญ่โต ทั้งยังต้องจัดการกิจธุระในตระกูลอีก
เทวิกาถึงได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่า ทำไมคุณพ่อกับพี่ชายถึงได้อยากสลายตระกูลสาระทาที่ผูกรวมไว้ด้วยกันทีละขั้นตอน ให้แต่ละครอบครัวแยกย้ายกันไปยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง
คุณพ่อกับพี่ชายทำงานเหนื่อยแทบตาย เป็นวัวเป็นม้าให้กับทั้งตระกูล แม้ว่าจะทำให้ทั้งตระกูลเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา แต่ไม่ได้รับความสำนึกในบุญคุณ ผู้อื่นซุ่มยิงธนู ลอบทำร้ายอยู่ด้านหลัง ไหนจะมีแผนร้ายต่างๆ นาๆ ไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ
ถ้าหากสามัคคีกันเป็นกลุ่มก้อนเหมือนตระกูลอริยชัยกุล พี่น้องลุงหลานสมานฉันท์ ไม่วางแผนทำร้ายคนในครอบครัวกันเอง แม้จะเหนื่อยหน่อยแต่ก็รู้สึกว่าคุ้มค่า
“ไม่ต้องเรียกพี่ของลูก ให้เขานอนไป ถ้าเขาหิว เขาจะตื่นขึ้นมาทำกินเอง ในห้องเขาไม่มีอะไรรึไง เขาไม่ออกจากห้องเดือนหนึ่ง ก็ไม่มีทางหิวตายหรอก”
ตอนนี้ลูกสาวกับลูกเขยตื่นแล้ว มีก้างขวางคอสองคนแล้ว เพิ่มก้างขวางคอตัวน้อยที่เก็บมาได้อีกหนึ่ง หากเรียกลูกชายให้ตื่น ก็จะมีก้างขวางคอสี่คนที่ขัดหูขัดตาเขา ทำลายแผนการงอนง้อภรรยาที่หาได้ยากของเขา
ได้ยินคุณพ่อพูดแบบนี้ เทวิกาก็ล้มเลิกความคิดที่จะกลับไปเคาะประตูห้องพี่ชาย
“พ่อครับ”
ยศพัฒน์ถามเสียงทุ้มต่ำ “อาสามป่วยจริงๆ หรอครับ”
แม้ว่าเขากับเทวิกาจะเฝ้าดูอยู่เบื้องหลัง ทั้งยังช่วยคุณหญิงสามไล่คนไป ในภายหลังก็ค้นพบว่ายังมีคุณหญิงรองที่แอบจ้องมองอยู่อีกคน เขาฟาดไม้ลงไปหลายครั้งจนคุณหญิงรองสลบ แต่มือหนักไปหน่อย ถึงได้ฟาดจนคุณหญิงรองหัวแตกเลือดออก
แต่สองสามีภรรยาไม่รู้ว่าคุณหญิงสามพาชลออกไปทำอะไร
น่าจะไม่ได้ทำให้ชลเป็นขันทีหรอกนะ
สายตาของไซม่อนจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของภรรยา มองญาณินที่อุ้มเด็กน้อยเอาไว้ เขารู้สึกเหมือนเห็นเธอในตอนวัยรุ่น เธอมีความอดทนกับเด็กๆ มาก และชอบเด็กมากเช่นกัน
“ไม่ได้ป่วย”
ไซม่อนตอบ
“อาสะไภ้สามโกหกหรอคะ เธอทำอะไรอาสามคะ”
ต่อหน้าคนในครอบครัว เทวิกายังคงแสดงท่าทางเป็นห่วง อาสามมาก
แม้เธอจะรู้ว่าทุกการเคลื่อนไหว ทุกการกระทำของพวกเธอสามีภรรยาล้วนหลบไม่พ้นสายตาอันแหลมคมของพ่อเธอ
ตอนที่ยังไม่ได้นับญาติกัน เธอนึกว่าคุณพ่อเป็นผู้ชายเฮงซวยที่ได้แล้วทิ้งจริงๆ ในภายหลังถึงได้รู้ว่าแบกรับภาระมากเกินไป ไม่ใช่ว่าไม่รักพวกเธอพี่น้อง เพียงแต่สภาพแวดล้อมบีบบังคับให้เขาใช้ภาพลักษณ์แย่ๆมาสอนพี่ชาย
ความจริงแล้ว พี่ชายเธอถูกเลี้ยงดูมาอย่างประสบความสำเร็จมาก
ไซม่อนเงียบไปครู่หนึ่ง ก็เห็นคุณพ่อมารดากลับมาจากเดินเล่นข้างนอก เขาอุบเอาไว้ ไม่ยอมพูดออกมาตอนนี้ แล้วพูดว่า “อีกประเดี๋ยวค่อยบอกพวกลูก”
ญาณินที่ลงมาถึงชั้นล่าง เห็นพ่อแม่สามีเข้ามา ใบหน้าที่ดูแลอย่างดีมากไร้ความรู้สึก เธออุ้มพิรัตน์เดินไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวตัวหนึ่ง
พิรัตน์ดิ้นจะลงไปที่พื้น
เธอจึงวางพิรัตน์ลงบนพื้นพิรัตน์ค้ำโต๊ะน้ำชาเดิน ทั้งค้นนู่นค้นนี่บนโต๊ะ เห็นอะไรก็ล้วนรู้สึกแปลกใหม่ อยากจะเอามาเล่น บนโต๊ะน้ำชามีถาดผลไม้ที่มีผลไม้วางอยู่เต็มถาด เด็กน้อยคว้าผลไม้ขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วยัดเข้าปาก
ญาณินรีบหยิบผลไม้ลูกนั้นมาจากมือเขาอย่างต้องการจะปอกเปลือก
เด็กน้อยเห็นของในมือถูกแย่งไป ก็เบ้ปาก เขาหันหน้าไปมองญาณิน แล้วหันไปมองถาดผลไม้ เห็นในถาดยังมีของกินอีกมาก ปากที่เบ้ลงของเขาก็ฟื้นคืนสู่สภาพปกติ แล้วยื่นมือขาวนุ่มนิ่มไปคว้าผลไม้ต่อ
เขาคว้าองุ่นไร้เมล็ดขึ้นมาพวงหนึ่ง อีกมือหนึ่งดึงองุ่น ถูกเขาดึงไปลูกหนึ่งได้จริงๆด้วย เขาป้อนองุ่นเข้าปากตัวเอง ใช้ฟันไม่กี่ซี่นั้นเคี้ยว รู้สึกว่าหวานมาก เขาชอบกิน จึงกินด้วยความเอร็ดอร่อย
ญาณินไม่ได้ห้ามเขา
นายท่านหญิงเห็นสะใภ้ใหญ่ไม่ทักทายทั้งที่เห็นเธอเข้ามา อารมณ์ที่ไม่ดีอยู่แล้วก็กลายเป็นไม่ดียิ่งขึ้นไปอีก อยากจะตำหนิญาณินสักหลายประโยคมาก
แต่เห็นลูกชายคนโตพาหลานสาวและหลานเขยลงมา สุดท้ายแล้วคำพูดที่นายท่านหญิงคิดจะตำหนิก็ไม่ได้ถูกเอ่ยออกมา
เธอตำหนิไปก็ไม่มีประโยชน์
หลังจากญาณินกลับมาจากเมืองแอคเซสซ์ ก็มีท่าทีเฉยชาห่างเหินกับเธอที่เป็นแม่สามีคนนี้ เห็นเธอเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง จะพูดกับเธอประโยคหนึ่งก็รู้สึกว่าเกินความจำเป็น ในใจเธอรู้ดีว่า เกรงว่าสะใภ้คนนี้คงจะเกลียดเธอเข้ากระดูกดำไปแล้ว
ทั้งยังตั้งใจจะหย่ากับลูกชายคนโต เธอไม่มีหนทางวางมาดแม่สามี แล้วสั่งสอนญาณินต่อหน้าเธอได้
เมื่อคนคนหนึ่งไม่กลัวอะไรเลย และไม่สนใจอะไรทั้งนั้นขึ้นมา คุณก็ไม่มีหนทางบีบบังคับให้เธอยอมได้อีก
“คุณพ่อ คุณแม่”
ไซม่อนทักทายคุณพ่อมารดาด้วยท่าทางเกรงใจ
ถูกต้อง คือความเกรงใจ
ความสัมพันธ์ของเขากับคุณพ่อมารดานั้นธรรมดา เพราะมารดาลำเอียงเข้าข้างน้องสามเป็นพิเศษ และเป็นเพราะครอบครัวของเขาเคยพังพินาศ คุณพ่อมารดาไม่เคยช่วยเขา แต่กลับให้ครอบครัวของเขาแบกรับมากยิ่งขึ้น ในใจเขามีความอาฆาตแค้นต่อคุณพ่อมารดาเช่นกัน
แม้จะบอกการที่วิกาถูกอุ้มไปด้วย ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อมารดา แต่หลายปีมานี้คุณพ่อมารดาล้วนโทษว่าเป็นความผิดของญาณิน นี่คือสิ่งที่ไม่ถูกต้องของมารดา
ในฐานะแม่แท้ๆของวิกา ญาณินที่เห็นลูกชายกับลูกสาวคู่นี้เป็นไข่มุกล้ำค่า เธอรักและทะนุถนอมลูกมากกว่าใคร หลังจากเสียวิกาไป เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าใคร แต่มารดากลับมักจะถือโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่บ้าน สร้างความบาดเจ็บทางจิตใจให้กับญาณินมากยิ่งขึ้น
“คุณปู่ คุณย่า”
คำทักทายของสองสามีภรรยาเทวิกาเจือไปด้วยความอบอุ่น หลังจากนายท่านหญิงได้ยินเสียงหลานสาวแล้ว ใบหน้าชราก็มีรอยยิ้มบางๆ
“เมื่อคืนทุกคนล้วนเหนื่อยกันมาก วิกา ทำไมพวกหลานไม่นอนให้มากหน่อย”
นายท่านหญิงนั่งลงบนโซฟาคู่ กวักมือเรียกให้เทวิกานั่งลงข้างเธอ
“เมื่อคืนหลังจากพิรัตน์หลับไปแล้ว หนูก็อุ้มเขากลับไปพักผ่อนที่ห้อง หลับตามไปด้วยครู่หนึ่ง จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นกับอาสะไภ้รอง หนูถึงได้สะดุ้งตื่น ลุกขึ้นมาดู จากนั้นก็นอนต่อ นอนไปไม่น้อย ตอนนี้จึงไม่ง่วงค่ะ”