รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 615 เป็นข่าวดีจริงๆ
“คุณปู่ จะบอกข่าวดีกับคุณ หลานสะใภ้คุณ——”
นฤเบศวร์หันศีรษะไปจะดึงภรรยาสุดที่รักเข้ามาใกล้ๆ ใครจะไปรู้ว่าพอหันไป ก็ไม่มีแม้แต่เงาผี จะมีเงากนกอรได้ยังไง?
เขาตกใจสะดุ้งโหยง นึกว่ากนกอรหายตัวไป รีบมองไปที่รถ เห็นกนกอรเพิ่งลงจากรถมา เขาโล่งอก รีบทิ้งปู่แล้ววิ่งเหยาะๆ จะไปพยุงสมบัติล้ำค่าของเขา
คุณปู่เร็นบอกกับลุงเซนว่า “นายดูเขาสิ ไม่สุขุมเอาซะเลย ข่าวดีอะไรกัน ที่ทำให้เขาทิ้งได้แม้แต่ภรรยา”
ลุงเซนก็ขำการกระทำของคุณชายเช่นกัน ยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณชายคงนึกว่าคุณนายน้อยตามเขามาด้วย ไม่ได้สังเกตเลยว่าคุณนายน้อยยังอยู่บนรถ”
เมื่อนฤเบศวร์หันศีรษะไปพยุงกนกอร ก็เช็ดเหงื่อหนึ่งที แล้วพูดกับกนกอรว่า “ที่รัก ฉันนึกว่าเธออยู่กับฉันตลอด ตอนฉันหันมาไม่เห็นเธอ ฉันตกใจแทบตาย นึกว่าเธอหล่นจากรถ”
“นายมัวแต่ตั้งใจอยากอวดไง ยังจำฉันได้ที่ไหนล่ะ นฤเบศวร์ ตอนฉันจะคลอด ถ้านายยังไม่น่าเชื่อถือแบบนี้อีก นายคงจะถือของตัวเองวิ่งพรวดเข้าไปในโรงพยาบาล พอหมอถามว่าภรรยาท้องของคุณล่ะ นายถึงจำภรรยาท้องคนนี้ได้ล่ะมั้ง”
นฤเบศวร์เหงื่อแตกพลั่ก “ฉันไม่ประมาทสะเพร่าแบบนั้นหรอก”
“เฮอะ!”
กนกอรทำเสียงเฮอะ
กลัวเธอจะพูดแทงใจล่ะสิ
“คุณปู่คะ”
กนกอรเดินไปตรงหน้าชายชรา อมยิ้มถามสารทุกข์สุกดิบ
“กลับมาแล้วเหรอ รีบเข้าบ้านสิ ข้างนอกร้อน”
คุณปู่เร็นเห็นกนกอรก็ยิ้มตาหยี ไม่สนว่ากนกอรจะมีฐานะเดิมยังไง ทำให้หลานรักคนโตของเขาลืมเปรมาได้ก็ดี
ถึงแม้ว่าหลานชายคนโตที่มีกนกอรแล้วจะยิ่งทึ่มกว่าเมื่อก่อน คุณปู่เร็นก็ยอมเห็นความทึ่มแบบนี้ของหลานชายคนโต
กนกอรและนฤเบศวร์ประคองชายชรากลับเข้าไปในบ้านด้วยกัน ลุงเซนไปช่วยคู่รักหนุ่มสาวถือของโดยอัตโนมัติ
“เมืองแอคเซสซ์ของเรานี่ร้อนจริงๆ วิกาที่อยู่เมืองซูเพร่าต้องสวมเสื้อผ้าหลายตัว ตอนฉันไปที่เมืองซูเพร่าก็รู้สึกว่าที่นั่นหนาวเร็วจริงๆ ส่วนเราตอนนี้ยังต้องเปิดแอร์อยู่เลย”
เมืองแอคเซสซ์ในแต่ละปีอุณหภูมิจะลดลงสองสามวัน หนาวขึ้นนิดหน่อย หลังจากนั้นอุณหภูมิก็จะสูงขึ้น บางครั้งก็จะเย็นลงอีก บางทีตอนฉลองปีใหม่ก็ร้อนแทบตาย เสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวเดียวก็ฉลองปีใหม่ได้แล้ว สองสามปีมานี้จำนวนยอดขายเสื้อผ้ากันหนาวในเมืองแอคเซสซ์เข้าขั้นน่าเวทนา
ไม่หนาว ใครจะไปซื้อเสื้อผ้าหนาขนาดนั้นกลับมาเก็บไว้?
“เมืองซูเพร่าอยู่ภาคเหนือ ไม่มีทางเทียบกับเมืองแอคเซสซ์ของเราได้อยู่แล้ว เทวิกากลับไปแล้วสบายดีไหม? ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือ เบศวร์ แกก็ช่วยหน่อยนะ”
คุณปู่เร็นรู้สึกดีใจที่ตอนแรกตัวเองไม่ได้ทำอะไรเกินไป ทิ้งทางหนีทีไล่ไว้ให้กับรุ่นหลาน และไม่ได้ทำตระกูลสาระทาแค้นใจพวกเขา
ความเป็นมนุษย์น่ะ จะทำอะไรโหดเหี้ยมเกินไป โดยไม่ทิ้งทางหนีทีไล่ไม่ได้หรอกนะ
“ปู่ครับ ปู่ลืมไปแล้วเหรอว่าเรากับตระกูลอริยชัยกุลเป็นอะไรกัน?”
“เป็นอะไรกันล่ะ? แกว่ามาสิ เป็นอะไรกัน? คบกันมานาน!”
นฤเบศวร์สำลักทันที
นึกถึงบรรพบุรุษสามรุ่นล้วนทะเลาะกับตระกูลอริยชัยกุลทั้งนั้น แต่ไม่ได้แค้นกันจริงๆ หรอก แต่ก็ไม่มากพอที่จะกลายเป็นคบกันมานานได้ อืม ก็ได้มั้ง
ในใจเขาแขวะปู่ว่าหน้าไม่อาย ทั้งๆ ที่ปู่ทะเลาะกับตระกูลอริยชัยกุลก่อนแท้ๆ ตอนนี้เขาแก่แล้ว ทะเลาะไม่ไหว ก็บอกว่าความสัมพันธ์แบบศัตรูคู่แค้นกลายเป็นคบกันมานานเฉยเลย ยังดีที่คุณปู่ภูธิปไม่อยู่ที่นี่ ไม่งั้นคงขำจนคุณปู่ภูธิปสำลักข้าว
แน่นอนว่าเขาก็ไม่กล้าพูดว่าตระกูลอริยชัยกุลคือศัตรูคู่แค้นของเขาแล้วเหมือนกัน ภรรยาเขาเป็นเพื่อนสนิทกับคุณนายน้อยตระกูลอริยชัยกุลตลอดชีวิต คุณลินท์กับภรรยาของเขาก็มีความสนิทสนมกันด้วย
เฮ้อ ใครให้เขาหลงภรรยาแสนสาหัสกันล่ะ แค่ภรรยามีความสุข ถึงจะสั่งให้เขาไปกวาดพื้นให้ยศพัฒน์ เขาก็ยอมทำ
ยศพัฒน์: พอฉันกลับไป จะให้คุณชายเบศวร์มากวาดพื้นให้ฉัน มีของฟรีไม่ยอมใช้ ใครจะโง่กันล่ะ
นฤเบศวร์:……
กลับเข้ามาในบ้าน คุณปู่เร็นเห็นลุงเซนช่วยถือยาบำรุงถุงใหญ่ถุงเล็กเข้ามา ก็พูดว่าหลานสะใภ้ “อร ปู่ไม่ใช่คนนอก กลับมากินข้าวกับปู่ ไม่ต้องซื้อของมาเยอะขนาดนี้หรอก ที่บ้านไม่ขาดเหลืออะไรเลย ยาบำรุงของปู่เยอะจนกินไม่หมดแล้ว”
ไม่รู้เขาเอาไปให้คุณปู่ในเครือญาติ ให้คุณปู่ชรัณช่วยกินไปเท่าไรแล้ว
กนกอรยิ้มแล้วพูดขึ้น “มันก็ไม่ใช่ของแพงอะไร เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของฉันกับเบศวร์ ปู่อย่าปฏิเสธเลยนะคะ”
“โอเคๆๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นปู่จะกินวันละนิดทุกวันเลย ไม่ให้เสียน้ำใจพวกเธอสองคน จริงสิ นฤ เมื่อกี้แกลงจากรถดีอกดีใจวิ่งเข้ามาหา จะบอกอะไรปู่? นี่ถ้าเป็นสมัยโบราณ ปู่นึกว่าแกสอบจอหงวนติด”
เขาไม่เคยเห็นหลานชายคนโตดีใจเป็นบ้าเป็นหลังแบบนั้นมาก่อน ดีใจจนไม่เหลือภาพลักษณ์
ยังดีที่ทำต่อหน้าเขา
ถ้าเป็นแบบนี้ในที่สาธารณะ เขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักหลานชาย น่าขายหน้าเสียจริง
นฤเบศวร์ยังไม่ตอบ กนกอรก็พูดขึ้นก่อน “ปู่คะ แค่ปู่มียศเพิ่มอีกระดับ เขาก็ไม่เหลือภาพลักษณ์แล้ว ดีใจจนไม่รู้ว่าเขานามสกุลอะไร ดีที่กลับบ้านมาเจอปู่ ถึงจำได้ว่าบรรพบุรุษเขานามสกุลอะไร”
คุณปู่เร็น: “……ฉันมียศเพิ่มอีกระดับ ฉันยังมียศเพิ่มอะไรได้อีก……อร เธอจะบอกว่า ฉันจะได้อุ้มเหลนเหรอ?”
แววตาชายชรากวาดมองที่ท้องกนกอร
แม้แต่ลุงเซนก็มองกนกอรด้วยใบหน้าเซอร์ไพรส์
นฤเบศวร์ที่ตระหนักได้ว่าโดนภรรยาชิงบอกข่าวดีไปแล้ว ก็โอบไหล่กนกอรอย่างอวดดี แล้วพูดขึ้นอย่างโอ้อวด “ปู่ ปู่เดาถูกแล้ว เหลนที่ปู่บ่นถึงทั้งวันมาแล้วครับ นี่เป็นผลลัพธ์ที่หลานคุณขยันทุกคืน ปู่รีบให้รางวัลผมเลย เดี๋ยวเราสองสามีภรรยาจะขยันให้มากขึ้น สามปีมีลูกสองคน ทำให้ปู่มีความสุข”
“เบศวร์!”
กนกอรหยิกต้นขาสามีหนึ่งที
ยังจะพูดจาไร้สาระแบบนี้ต่อหน้าชายชราอีก
คุณปู่เร็นยิ้มกว้างโดยทันที รีบพูดขึ้น “เรื่องดี นี่เป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ ไม่แปลกที่นฤจะดีใจจนลืมแม้แต่นามสกุลตัวเอง มีรางวัล มีรางวัล มีรางวัลใหญ่! อร เธออยากได้อะไร? ปู่ให้เธอหมดเลย”
สิ่งที่ชายชราชอบมากที่สุดคือลูกหลานเต็มบ้าน
หลานชายหลานสาวเขามีหมดแล้ว เฝ้าคอยการเป็นปู่ทวด ก็จะตายตาหลับแล้ว
ครู่ต่อมา เขาก็เอาฝ่ามือตบนฤเบศวร์แรงๆ หนึ่งที แล้วด่าหลานชายว่า “แกมันเซ่อ วิ่งมาสนใจแต่ตัวเอง ทิ้งอรไว้ก็ไม่รู้ แกเป็นแบบนี้ฉันจะวางใจให้แกดูแลอรได้ยังไง? เดี๋ยวพวกเธอย้ายกลับมาอยู่ซะ หรือไม่ก็กลับไปอยู่ที่ตระกูลภูสิทธ์อุดม ในบ้านมีผู้ใหญ่คอยดูแล ถึงจะวางใจได้บ้าง”
คุณปู่เร็นนึกถึงครอบครัวลูกชายคนเล็กของตนไม่ได้มีแม่คนเดียวกับพี่ชายคนโตกับพี่ชายคนรอง ลูกสะใภ้คนเล็กมีความคิดชั่วร้าย กังวลว่ากนกอรกลับมาอยู่ในคฤหาสน์หลังเก่าแล้ว ลูกสะใภ้คนเล็กอาจจะทำอะไรบางอย่างก็ได้ กนกอรไม่ใช่คนที่รังแกง่ายๆ แต่กนกอรท้องแล้ว ต้องบำรุงครรภ์ในสภาพแวดล้อมที่ดี
ชายชราไม่อยากให้กนกอรอารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ภายในบ้าน จนเกิดผลกระทบต่อการบำรุงครรภ์