รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 617 รู้จักพอก็มีความสุข
คุณหญิงสามตระกูลเดชอุปบ่นเรื่องความลำเอียงของพ่อสามี แต่ต่อหน้าพ่อสามี เธอไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น
ก่อนที่พ่อสามียังไม่แบ่งมรดก เธอจะขัดใจพ่อสามีไม่ได้ เพื่อไม่ให้พ่อสามีที่ลำเอียงอยู่แล้วแบ่งมรดกลำเอียงกว่าเดิม ผู้ที่ซวยก็คือบ้านสามอย่างพวกเขา
ทานอาหารกลางวันอย่างปรองดองมีความสุข นฤเบศวร์พาภรรยาแสนสวยสุดที่รักเดินเล่นในลานบ้าน ก่อนจะกลับไปนอนกลางวันที่ห้อง
เนื่องจากคุณปู่เตือนพวกเขาว่าให้ปิดบังเรื่องกนกอรท้องไปก่อน นฤเบศวร์ทำได้แค่เพลิดเพลินความสุขใจเพียงลำพัง ปฏิบัติกับกนกอรด้วยความห่วงใย เอาใจใส่อย่างใกล้ชิดและตัวติดเหมือนเงาตามตัว
หลังจากบ้านสามกลับไปที่พักของพวกเขา คุณหญิงสามก็พูดขึ้น “ถึงสามีภรรยาจะรักกันดี อยู่ในบ้านต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ก็ต้องมีลิมิต ดูพวกเขาสองคนสิ นฤแทบจะตัวติดกับกนกอร กนกอรเกิดในครอบครัวสามัญฐานะต่ำ หน้าด้านไม่รู้จักอาย”
คริษฐ์พูดขึ้นอย่างจำใจ “แม่ พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกัน รักกันมากเป็นเรื่องปกติ”
“ลูกยังจะพูด ไม่ใช่เพราะลูกไม่ยอมแต่งงานหรือไง ไม่แน่ปู่ลูกอาจจะให้ความสำคัญลูกมากขึ้น จนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมหาแฟนเลย คริษฐ์ แม่จะบอกอะไรให้นะ ลูกไปหาสะใภ้ที่ครอบครัวเรืองอำนาจ ฐานะตำแหน่งเหนือกว่ากนกอรให้แม่ซะ ฉวยโอกาสตอนที่ปู่ลูกยังไม่แบ่งมรดก”
“ถ้าลูกแต่งงานกับภรรยาที่ครอบครัวเรืองอำนาจ ปู่ลูกทำอะไรก็จะรู้สึกหวาดกลัว นึกถึงความรู้สึกเครือญาติบ้าง ซึ่งจะเกิดผลดีกับครอบครัวเรา เดิมทีย่าลูกเป็นเมียน้อยปู่ เทียบตำแหน่งเมียหลวงในใจปู่ไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเราไม่ช่วงชิง ก็จะไม่ได้อะไรทั้งนั้น”
คริษฐ์เบ้ปาก “ถึงปู่จะลำเอียง ผมก็เป็นผู้สืบทอด RA กรุ๊ปไม่ได้ ด้วยความสามารถของผม ผมสามารถแยกตัวเองมาทำธุรกิจของตัวเองได้”
ทรัพย์สินส่วนตัวเขาถึงแม้จะไม่มากเท่าพี่ใหญ่ แต่ก็มีไม่น้อย
คุณปู่ลำเอียงไปทางพี่ใหญ่ก็จริง แต่ก็ให้การศึกษาเขาดีมาก เลี้ยงดูปลูกฝังเขาก็ไม่ได้แย่ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาใช้ประโยชน์จากแหล่งทรัพยากร RA กรุ๊ปเชื้อเชิญลูกค้าให้ธุรกิจของตัวเองไม่น้อย ปู่กับพี่ใหญ่เปิดตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่ง และไม่ได้ว่าอะไรเขาเลย
“อีกอย่างลองสำรวจดูในเมืองแอคเซสซ์ นอกจากตระกูลอริยชัยกุล ยังมีตระกูลไหนบ้างที่เรืองอำนาจมากกว่าตระกูลเดชอุปของเรา? เทียบตระกูลเดชอุปของเราได้ ถ้าไม่มีลูกสาวที่อยู่ในวัยแต่งงาน ก็ไม่มีลูกสาวเลยทั้งรุ่นเหมือนตระกูลอริยชัยกุล ผมจะไปหาภรรยาเรืองอำนาจมาแต่งงานด้วยจากที่ไหน?”
เขาไม่ได้โชคดีเหมือนยศพัฒน์ แต่งงานกับภรรยาไปเรื่อยแต่ดันเป็นคุณหนูใหญ่ผู้สืบทอดโดยตรงแห่งเมืองซูเพร่า
ยศพัฒน์: ฉันก็ไม่ได้แต่งไปเรื่อยนะ เป็นคนที่ฉันเฝ้าดูมาสิบเอ็ดปีถึงได้แต่งงานด้วย
อีกอย่าง เขาแต่งงานกับเทวิกาโดยไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องฐานะตำแหน่งของเธอเลย เขาแค่ชอบเธอคนนั้น ตอนเทวิกาแต่งงานกับเขา ก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลสาระทา
คุณหญิงสามถูกลูกชายตัวเองทำให้สำลักจนพูดไม่ออก
แต่ต้องยอมรับว่าที่ลูกชายพูดคือความจริง
ตระกูลเศรษฐีในเมืองแอคเซสซ์ไม่ได้มีแค่ตระกูลอริยชัยกุลกับตระกูลเดชอุป แต่เมื่อพูดถึงตระกูลที่เรืองอำนาจ ไม่มีใครเทียบตระกูลอริยชัยกุลได้ และมีไม่กี่ตระกูลที่เทียบตระกูลเดชอุปได้ ส่วนตระกูลที่เทียบได้ก็ไม่มีลูกสาวที่แต่งงานได้
หลังจากคุณหญิงสามกลัดกลุ้ม ก็พูดขึ้นอีก “ถึงลูกจะแต่งงานกับภรรยาที่ไม่เรืองอำนาจกว่าตระกูลเรา ก็ต้องแต่งกับลูกคุณหนูในตระกูลมีชื่อเสียง สรุปคือต้องดีกว่ากนกอร ปู่ลูกจะได้ให้ความสำคัญบ้าง”
คริษฐ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ได้ครับๆๆ ผมเชื่อฟังแม่ อีกสองสามปีจะแต่งสะใภ้ลูกคุณหนูในตระกูลมีชื่อเสียงให้แม่ แม่ครับ ผมนัดเล่นบอลกับเพื่อน ไปก่อนนะครับ”
ขณะที่พูด เขาก็รีบวิ่งแจ้นหนีไป ไม่อยากฟังแม่พร่ำบ่นเรื่องพวกนี้แล้ว
เมื่อก่อนคริษฐ์มีความทะเยอทะยานสูงมาก
ตอนนี้เห็นพี่ใหญ่ได้รับความลำเอียงจากคุณปู่อีกครั้ง เขาก็ไม่อยากแย่งชิงตำแหน่งสืบทอดแล้ว ความสามารถของเขากับพี่ใหญ่พอๆ กัน แต่พี่ใหญ่ได้รับความลำเอียงจากคุณปู่ เขาถูกลิขิตให้แพ้ ในเมื่อเป็นแบบนี้จะแย่งชิงอีกทำไม?
ไม่แน่ว่าถ้าเขาไม่แย่งชิงอีกต่อไป ปู่อาจจะแบ่งมรดกให้เขาบ้างนิดหน่อยก็ได้
แย่งชิงไป ก็ไม่ชนะ แถมยังล่วงเกินคนอื่นด้วย ความสัมพันธ์ในครอบครัวแตกร้าว ใครจะรู้ว่าจะเกิดผลลัพธ์แบบไหน?
ทุกอย่างที่ครอบครัวพวกเขาครอบครองในตอนนี้ มันเหนือกว่าหลายๆ คนไปแล้ว
รู้จักพอหน่อย ก็จะมีความสุข!
……
ณ เมืองซูเพร่า
หลังจากยานอนหลับหมดฤทธิ์ชลก็ตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองยังอยู่โรงพยาบาล เกิดความเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง เขาถามลูกชายสองคนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เจนสันและพี่ชายอ้ำๆ อึ้งๆ ที่จะพูดความจริง ชลโกรธจนทำได้แค่ถามหมอ
รู้ว่าตัวเองโดนผ่าตัดทำหมันในขณะที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ความคับแค้นใจ ความบ้าคลั่งของชลนั้น ปะทุขึ้นมาในห้องผู้ป่วยโดยทันที ถูกลูกชายสองคนกอดเอาไว้แน่น ถึงจะไม่โวยวายเกินไปนัก
สองสามวันนี้ คุณหญิงสามไม่อยู่โรงพยาบาลดูแลเขา แต่นั่งเครื่องบินไปเมือง C เงียบๆ ไปตามหาหญิงชู้ที่ชลเลี้ยงไว้ในเมือง C ตามที่อยู่ในจดหมายนิรนาม
คุณหญิงสามที่มีฝีมือมากพอ พาบอดี้การ์ดร่างกายกำยำจำนวนหนึ่งไปด้วย
ภรรยาหลวงมาหาถึงที่ เมียน้อยสุดสวยคนนั้นก็นึกไม่ถึง เหล่าพี่น้องเธอที่เป็นเมียน้อยด้วยกันก็ตกใจกลัว มองดูคุณหญิงสามกรอกยาทำแท้งชามหนึ่งให้พี่น้องพวกเธอด้วยความตะลึงงัน
คุณหญิงสามไม่ได้ทำร้ายร่างกาย แค่หลังจากกรอกยาให้เมียน้อยไปชามหนึ่งแล้ว ขณะที่อีกฝ่ายเริ่มเลือดไหล เธอก็สั่งเหล่าบอดี้การ์ดทุบทำลายคฤหาสน์งามหลังนั้นทิ้ง จากนั้นก็พาบอดี้การ์ดจากไปอย่างสง่าผ่าเผย
เมียน้อยคนนั้นกับหลานสาววรันธรที่อุ้มเทวิกาไปในตอนนั้นมีการไปมาหาสู่กัน หลังจากรู้ว่าเธอได้รับยาจากภรรยาหลวง ต้องทำแท้งเด็กที่มีอายุครรภ์หลายเดือน หลานสาววรันธรก็ตระหนักได้ว่าที่ตระกูลสาระทาเกิดปัญหา เธอจึงรีบเก็บข้าวของแล้วหนีไป
ใครจะไปรู้ว่าตอนเธอตรวจเช็คความปลอดภัยที่สนามบิน กระเป๋าเดินทางของเธอถูกพบยาเสพติด ทำให้วรันธรประหลาดใจไม่หยุด พยายามอธิบายสุดความสามารถ แน่นอนว่าคำอธิบายของเธอไม่มีประโยชน์เลย ตำรวจไม่สนว่าเธอจะถูกใครใส่ร้าย ในกระเป๋าเดินทางของเธอเจอยาเสพติด เธอก็ต้องถูกจับ
ในคืนนั้นที่วรันธรถูกจับกุม ยศพัฒน์ก็ได้รับสายจากอินทัชผู้ช่วยคนเก่ง
แน่นอนว่าเป็นการคุยโทรศัพท์กลางดึก ยศพัฒน์กลัวทำให้ภรรยาและพิรัตน์หนูน้อยจ้ำม่ำตื่น จึงไปหลบตัวรับสายอินทัชในห้องทำงาน
“เจ้านาย หลานสาววรันธรคนนั้นถูกตำรวจจับแล้วครับ”
“หลานสาววรันธรที่อุ้มเทวิกาในตอนนั้นเหรอ?”
อินทัชตอบอืม “ใช่ครับ ผ่านมาตั้งหลายปี เธอใช้ประโยชน์จากการประจบสอพลอตีสนิทกับคนใหญ่คนโต แอบเข้าร่วมสงครามระหว่างตระกูลพ่อตาคุณกับตระกูลเลิศธนโยธา ฉวยโอกาสนี้แก้แค้นตระกูลพ่อตาคุณ ทำอะไรไปไม่น้อย ผมสืบเกี่ยวกับเธออย่างลำบาก เกือบเสียสละความบริสุทธิ์ของผมไป ถึงได้ผลสรุปพวกนี้มา”
ยศพัฒน์พูดขึ้นด้วยความยินดี “ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้นาย ให้โบนัสสองเท่าด้วย”
“เจ้านาย มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินจริงๆ นะ แต่เรื่องใหญ่ในชีวิตผมถูกคุกคาม ยัยนั่นเพิ่งอายุเท่าไรเอง ถ้าผมแต่งงานกับเธอ มันคือโคแก่กินหญ้าอ่อน”
“โคแก่กินหญ้าอ่อน นั่นก็โชคดีของนาย ดีกว่ากินหญ้าแก่ คุณหนูตระกูลกิจวณิชกุลจมปลักอยู่กับนาย นายก็ไม่ได้ไร้ความรู้สึกกับเธออย่างสิ้นเชิง แค่ไม่ชอบที่เธออายุยังน้อย รออีกสองปี ให้เธอเป็นผู้ใหญ่อีกหน่อยค่อยแต่งงานกับเธอก็ยังไม่สาย”
อินทัช:……