รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 656 ผู้ชายเป็นดูแลจัดการเรื่องนอกบ้าน ผู้หญิงดูแลจัดการเรื่องในบ้าน
กนกอรถามยิ้มเยาะออกมาว่า “ทำไมเหรอ นี่คุณนฤเบศวร์กำลังอิจฉาคุณอินทัชเหรอ?หรือว่าต้องการให้ฉันแนะนำคุณไปเกาะตระกูลกิจวณิชกุลกินเหรอ?”
นฤเบศวร์รีบพูดออกมาว่า: “ที่รัก ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ลูกผู้ชาย ไม่มีใครอยากเกาะผู้หญิงกินหรอก”
“ที่รัก เมื่อกี้ผม……ผม ผมไม่ได้มีความหมายที่จะเกาะตระกูลกิจวณิชกุลกินจริงๆ”
“คุณอิจฉาคุณอินทัชล่ะสิ อิจฉาผู้หญิงของคุณอินทัชที่เป็นคุณหนูของตระกูลกิจวณิชกุล เป็นผู้มีอำนาจบารมีสินะ?ทำไม ตอนนี้รังเกียจฉันไม่มีอำนาจอิทธิพลเหรอ ฉันจะบอกคุณนะ นฤเบศวร์ ถึงแม้คุณจะรังเกียจ หรือเสียใจ คุณก็ไม่มีโอกาสกลับหลังแล้ว คุณอ่ะ ยอมรับชะตากรรมแต่โดยดีว่าต้องอยู่กับฉันที่เป็นคนไม่อำนาจอิทธิพลไปจนแก่เฒ่าเถอะ”
ในขณะที่กนกอรพูดนั้น ได้ตบลงไปที่ใบหน้าของนฤเบศวร์อีกด้วย
ดูสิ ทำให้เขาตกใจตื่นกลัวขนาดนี้
ใครให้เขาแสดงท่าทางเหมือนอิจฉาอินทัชออกมาหล่ะ
นฤเบศวร์จับมือภรรยาไว้ ดึงมือไปลูบใบหน้าตัวเอง แล้วมองภรรยาด้วยสายตาลึกซึ้ง พูดออกมาอย่างหน้าด้านว่า: “ผมชอบอยู่กับคนที่ไม่มีอำนาจอิทธิพลอย่างคุณจนแก่เฒ่าแหละ ไม่มีทางรังเกียจแน่นอน ผมชอบมากอีกด้วย”
กนกอรดึงมือตัวเองกลับ “พอแล้ว ฉันล้อคุณเล่น ฉันไม่ได้โกรธหรอก อยู่กับคุณ ถ้าไม่ใจกว้างหน่อย คงโมโหโกรธตายไปตั้งนานแล้ว”
“ที่รัก คำพูดนี้ของคุณเหมือนผมจะเป็นคนคบยากนะ”
“ไม่พูดเรื่องอื่น แค่พูดเรื่องเมื่อก่อนที่คุณรักเปรมามากขนาดนั้น ก็ยากมากที่จะให้คนไม่คิดมาก มีแต่ฉันนี่แหละที่มีหัวใจยิ่งใหญ่ และเป็นคนใจกว้าง ถึงไม่ถือสาอะไรกับคุณ คุณเคยทำอะไรให้เปรมามาก่อน แล้วเคยทำอะไรกับฉันมาก่อน?ถ้าฉันเป็นคนชอบคิดเล็กคิดน้อย คงทรมานคุณจนเห็นฉันทีไรก็เข่าอ่อนไปทุกทีเลยสิ”
นฤเบศวณ์รีบพูดขึ้นว่า: “ที่รัก นั่นเป็นเรื่องในอดีต ผมตัดขาดจากอดีตไปแล้ว ใช่ๆๆ ภรรยาของผมเป็นคนใจกว้างที่สุดเลย กว้างจนสามารถรองรับเรือได้ทั้งลำ ผมรักภรรยาของผมที่สุด รักที่สุดในโลกเลย”
“คุณไม่ต้องไปอิจฉาเปรมาหรอก ถึงแม้ผมจะให้เธอไปเยอะแต่ก็เปรียบเทียบกับที่ผมให้คุณไม่ได้ ชีวิตที่เหลือของผมเป็นของคุณทั้งหมด”
กนกอรหยิกแก้มเขาไปอีกครั้ง เรื่องปากหวานก้นเปรี้ยว เขาถนัดที่สุด
“ขี้เกียจจะพูดกับคุณละ ฉันไปดูกระโปรงเจ้าหญิงที่คุณซื้อมากักตุนไว้ดีกว่า”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของนฤเบศวร์มีความลำบากใจเล็กน้อย ในขณะที่เดินตามภรรยาไปนั้นได้พูดออกมาด้วยว่า: “ที่รัก เดี๋ยวถ้าคุณจะลงมือ เบาหน่อยนะ อย่าตบตีจนผมบาดเจ็บเสียหาย เดี๋ยวคุณจะกลายเป็นแม่หม้ายได้”
“ฉันเป็นผู้หญิงที่ชอบลงมือใช้ความรุนแรงเหรอ?”
“ไม่ใช่ ภรรยาผมอ่อนโยนที่สุดเลย”
กนกอรถึงตาใส่เขา
ลุงปริญยังคงจัดแจงให้คนใช้ไม้แขวนเสื้อแขวนชุดเจ้าหญิงที่คุณชายไปซื้อกลับมาอยู่ เพราะคุณชายบอกว่าแบบนี้ดูแล้วจะได้สวยงาม และเป็นระเบียบเรียบร้อย
จู่ๆ กนกอรก็เดินเข้ามา ทำให้ลุงปริญตกใจ หลังจากที่มองเห็นหน้ากนกอรชัดเจนแล้ว เขายิ้มแล้วพูดออกมาว่า: “คุณหญิงใหญ่”
กนกอรมองดูรอบๆ ห้องที่เต็มไปด้วยชุดกระโปรงเจ้าหญิง และมีอีกเยอะมากที่ยังแขวนไม่เสร็จ สีหน้าของเธอดู……
ยากที่จะอธิบายจริงๆ
เธอรู้สึกว่าหากเธอไม่คลอดลูกสาวสักสิบคนแปดคน คงต้องรู้สึกผิดต่อการที่นฤเบศวร์ซื้อกระโปรงเจ้าหญิงมาเยอะขนาดนี้แน่
ลูกสาวแปดคนหรือสิบคนก็ไม่พอ ชุดกระโปรงเจ้าหญิงของเมืองนี้ถูกเขาซื้อกลับมาหมด ถึงแม้เธอคลอดลูกสาวสักสองโหลก็คงไม่พอ เห็นเธอเป็นแม่พันธุ์หมูหรือไง?
เธอคลอดเยอะขนาดนั้นได้ยังไง?
มากสุดก็แค่สองคน!
“คุณหญิงใหญ่ คุณชายใหญ่ก็แค่อัดอั้นเกินไป คุณปู่เร็นห้ามไม่ให้คุณชายใหญ่บอกข่าวดีของคุณหญิงใหญ่ออกไป คุณชายใหญ่เลยระบายอารมณ์ด้วยการซื้อของใช้ได้มาเก็บสะสมไว้”
ลุงปริญรู้ว่าคุณหญิงใหญ่เคยต่อว่าคุณชายใหญ่ไปแล้วNครั้ง ไม่ให้สะสมของใช้เด็ก แต่คุณชายใหญ่ก็ไม่ฟัง เขากลัวคุณหญิงใหญ่จะโกรธ เลยช่วยคุณชายตัวเองแก้ต่าง
นฤเบศวร์ตัวหดเล็กน้อย
ลุงปริญแอบยิ้มในใจ ไม่ว่าคุณชายใหญ่อยู่ข้างนอกจะเก่งกาจน่าเกรงขามแค่ไหน เมื่ออยู่บ้าน อยู่ต่อหน้าคุณหญิงใหญ่ คุณชายใหญ่กลายเป็นคนกลัวเมียทันที
กนกอรสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดกับลุงปริญออกมาว่า: “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปหาร้านดู แล้วเปิดร้านขายเสื้อผ้าเด็กสักร้านหนึ่ง”
ลุงปริญหัวเราะออกมา
กนกอรหันหน้าแล้วเดินออกไป
เพราะไม่มีแรงจะบ่นนฤเบศวร์แล้ว
หลังจากเธอเดินออกไปแล้ว ลุงปริญรีบพูดกับนฤเบศวร์ออกมาว่า: “คุณชายใหญ่ ถ้าคุณจะซื้อเสื้อผ้าเด็ก ก็ไม่ควรซื้อเฉพาะชุดกระโปรงเจ้าหญิง คุณแน่ใจได้ยังไงว่าเด็กในท้องของคุณหญิงใหญ่เป็นผู้หญิง?อีกอย่าง การที่คุณซื้อชุดกระโปรงเจ้าหญิงกลับมาเยอะขนาดนี้ คุณหญิงใหญ่ก็จะรู้สึกว่าคุณกำลังกดดันเธอให้คลอดเด็กผู้หญิงนั่นเอง”
พวกเขาต่างคาดหวังให้คุณหญิงใหญ่คลอดคุณชายน้อยกัน
คลอดหลานชายคนโตก่อนบ้านสาม ถ้าทำให้คุณปู่เร็นดีใจ ฐานะตำแหน่งของฝั่งคุณชายใหญ่จะมั่นคงขึ้นมาทันที
“ผมก็แค่เห็นมันสวยเลยห้ามใจไม่ได้ซื้อมันกลับมาหลายตัวเท่านั้นเอง แต่ถ้าหากคลอดลูกชาย ก่อนอายุสามขวบให้ใส่กระโปรงก็ไม่กระทบอะไร”
ลุงปริญ: “……”
เขานึกภาพคุณชายน้อยใส่ชุดเจ้าหญิงแสนสวย แต่ยืนฉี่
“ที่บ้านมีทุเรียนไหม?”
“คุณชายใหญ่เกลียดผลไม้นี้ที่สุด เลยไม่เคยซื้อทุเรียนมาก่อน”
“ถ้างั้นผมไปหาคีย์บอร์ดมาคุกเข่าดีกว่า”
นฤเบศวร์พูดจบก็เดินออกไปทันที
ลุงปริญ: “……”
และนฤเบศวร์ก็ถือคีย์บอร์ดเข้าไปในห้องจริงๆ
“คุณเอาคีย์บอร์ดเข้ามาทำไม?คุกเข่าใส่คีย์บอร์ดเหรอ?”
“ฮิๆ ที่รัก ผมจำเป็นต้องคุกเข่าไหม?”
กนกอรรอเขาเข้ามาใกล้ก่อน แล้วค่อยถีบขาออกไป ยิ้มด่าเขาออกมาว่า: “ส่งบัตรเอทีเอ็มของคุณมาให้ฉันดูแลทั้งหมดดีกว่า”
เขาเคยส่งให้เธอดูแลเหมือนกัน แต่เธอคิดว่าเขาเป็นผู้ชาย แถมเป็นถึงประธานใหญ่ จะไม่มีเงินติดตัวเลยได้ยังไง เวลาซื้อของก็ต้องยื่นมือมาของเงินกับเธอ?ก็เลยเอาบัตรเอทีเอ็มที่เขาให้เธอดูแลคืนกลับไปให้เขาดูแลเองหมอ
เวลานี้มาคิดดู เธอต้องเป็นคนดูแลเรื่องการเงินของที่บ้านละ
ถึงแม้ การที่เขาซื้อของไปเรื่อยแบบนี้ ก็ไม่ทำให้กลายเป็นคนจนได้
แต่ของหลายอย่างไม่จำเป็นต้องซื้อ ถึงแม้จะซื้อก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเยอะขนาดนี้
เขาคือมีเงินเยอะเกินไปไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหน
เป็นการใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองชัดๆ
ถ้าเธอควบคุมเขา เมื่อเขาไม่มีเงิน ก็จะไม่ซื้อของไปเรื่อยอีก
มีแต่คนพูดกันว่าผู้หญิงชอบช้อปปิ้งซื้อของ มีความต้องการช้อปปิ้งสูงมาก แต่กนกอรกลับรู้สึกว่าผู้ชายเก่งกว่าผู้หญิงเสียอีก
เรียกได้ว่าเป็นนักช้อปปิ้งสะสมของตัวยงเลย!
นฤเบศวร์ยิ้มตาหยีแล้วยื่นบัตรเอทีเอ็มทั้งหมดออกมา แถมยื่นโทรศัพท์ให้ภรรยาดูเงินในวีแชทของเขา แล้วพูดออกมาว่า: “ที่รัก คุณควรควบคุมดูแลผมตั้งนานแล้ว ควรเป็นผู้ดูแลเรื่องการเงินของบ้านเรา”
“ผู้ชายเป็นดูแลจัดการเรื่องนอกบ้าน ผู้หญิงดูแลจัดการเรื่องในบ้าน พวกเราสองคนสามีภรรยาร่วมมือกัน แบบนี้ถึงจะนำพาครอบครัวให้ร่ำรวยไปได้”
“คุณยังต้องการรวยไปถึงไหนอีก?”
นฤเบศวร์หัวเราะแหะๆ “ผมยังไม่ได้เหนือกว่ายศพัฒน์และภรรยาเลย ตอนแรกแค่ยศพัฒน์คนเดียว ผมก็วิ่งไล่ตามอย่างยากลำบากแล้ว แล้วเขาก็มาแต่งงานกับเทวิกาที่เป็นเศรษฐินีอีก เมื่อทรัพย์สินของทั้งสองคนรวมกัน โอ้แม่เจ้า ผมคือขี่ม้าควบก็วิ่งตามไม่ทันหรอก”
“ก็เลยต้องให้ภรรยาผมมาดูแลเรื่องเงิน ทำให้ผมร่ำรวยเร็วๆ มีคนพูดกันว่าถ้าให้ภรรยามาดูแลเรื่องเงินครอบครองก็จะร่ำรวยได้ง่ายยิ่งขึ้น”
แน่นอนว่ามันต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางครอบครัวของภรรยาด้วย เพราะถ้าเจอภรรยาที่อุทิศตนให้ครอบครัวที่ยากจนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดหล่ะก็ นฤเบศวร์ก็คงไม่กล้ามอบหน้าที่การดูแลเรื่องงานออกไปหรอก
โชคดี ที่กนกอรของเขาเป็นผู้หญิงที่ดี