รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 666 แลกเปลี่ยน
ไซม่อนพูดด้วยเสียงทุ้ม “เธอลุกขึ้นก่อน”
ณิชกานต์มองไปที่สีหน้าของไซม่อน ซึ่งไม่ต่างจากปกติเลย เขาเข้มงวดและเย็นชา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะขู่เขา ดังนั้นจึงลุกขึ้นจากพื้น
เธอเช็ดน้ำตาและพูดอย่างเสียใจว่า: “พี่ใหญ่ ฉันรู้ว่าพวกเราหลงผิดและได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำร้ายพี่ แต่ความผิดนั้นล้วนเป็นความผิดของเรา ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับลูกฉันเลย”
“ฉันไม่กล้าคาดหวังให้ลูกมีอนาคตดีมากนัก ฉันแค่หวังว่าพี่ให้ลูกทั้งสามคนของฉันปลอดภัย ฉันก็ขอบคุณมากแล้ว”
เมื่อเธอไปหาชลที่คฤหาสน์ของตระกูลเลิศธนโยธา เธอไม่พบร่องรอยของชลในคฤหาสน์ตระกูลเลิศธนโยธาเลย
ชลไม่ได้อยู่ในบ้านของตระกูลเลิศธนโยธา แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะ
นอกจากนี้ โทรศัพท์มือถือของชลยังปิดเครื่องเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งมันไม่ปกติเลย
เธอสงสัยว่าชลอาจถูกตระกูลเลิศธนโยธาสังหารไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเลิศธนโยธาลงมือ งั้นก็คือพี่ชายสามีของเธอคนนี้รวบรวมหลักฐานได้มากพอที่จะเริ่มกำจัดทำความสะอาดบ้าน
แล้วชลจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เธอไม่ต้องการยุ่งเรื่องนี้แล้ว เธอแค่หวังว่าตอนพี่ชายสามีของเธอทำความสะอาดบ้าน จะสามารถให้ทางรอดแก่ลูกทั้งสามของเธอ แม้ว่าเธอจะไม่มีสถานะตำแหน่งของปัจจุบันก็ตาม ตราบใดที่พี่ชายสามีของเธอไม่ลงมือบีบบังคับลูกชายของเธอ ด้วยความสามารถของลูกชายเธอแล้ว ถึงไม่กล้าพูดว่าเทียบกับบ้านหลังใหญ่ได้ ทว่ารวยเล็กรวยน้อยก็ยังโอเค
เดินออกเก้านี้ ณิชกานต์ได้เตรียมใจที่จะตายไว้แล้ว
“เธอเปิดตู้เซฟก่อน แล้วฉันจะดูว่าสิ่งที่เธอมอบให้ฉันนั้นมีค่าพอที่จะปกป้องลูกๆทั้งสามของเธอไหม”
ไซม่อนไม่ได้ตอบตกลงกับณิชกานต์ในทันที เขาต้องดูว่าณิชกานต์ยอมรับความผิดพลาดอย่างจริงใจหรือไม่
ณิชกานต์เปิดกล่องทันที และไซม่อนหยิบหลักฐานออกมาจากกล่อง ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นการทำธุรกรรมทางการเงินบางอย่าง ซึ่งทำเครื่องหมายว่าเงินแต่ละก้อนใช้ทำอะไรและที่ไหนไว้
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าชลลอบสังหารประยสย์และเทวิกาจากความช่วยเหลือของตระกูลเลิศธนโยธา ทว่าหลักฐานทีดีเยี่ยมที่สุดคือมีปากกาบันทึกเสียงหลายอัน
ไซม่อนหยิบปากกาบันทึกขึ้นมาแล้ววางลง ซึ่งปากกาบันทึกถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีมาก
ณิชกานต์กล่าวว่า: “ฉันจะบันทึกเสียงเข้าเครื่องบันทึกใหม่เป็นระยะๆ เพื่อให้สามารถเก็บรักษาไว้ได้ตลอดไป”
ไซม่อนปิดตู้เซฟและพูดกับณิชกานต์ว่า: “เจนสันและแดนต่างก็โตกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ฉันปกป้อง พวกเขามีความสามารถในการป้องกันตัวเอง ส่วนลินน์ยังเด็กไม่สามารถปกป้องตัวเอง ดังนั้นฉันสามารถปกป้องเธอได้”
“อย่างไรก็ตาม เธอควรให้เธอลาหยุดเรียนสักระยะหนึ่ง และรอจนกว่าเรื่องจะจบ เพราะตอนนี้พลอยไพลินทำตัวเหมือนคนบ้าเลย และเธอมีแนวโน้มที่จะโจมตีลินน์มาก ซึ่งความอัปยศอดสูที่เธอได้รับก็จะให้ลินน์รับรู้เช่นกัน”,
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของณิชกานต์ก็ซีดลง
ลูกสาวของเธออายุเพียงสิบขวบและยังเป็นเด็ก ถ้าพลอยไพลินจะวิกลจริตขนาดนี้……
“ช่วงนี้เธอและลูกๆของเธออยู่ในคฤหาสน์อย่างเชื่อฟัง ไม่จำเป็นต้องออกไปก็อย่าออกไปไหน ถ้าอยู่ในบ้าน ฉันยังสามารถรับประกันความปลอดภัยของพวกเธอได้”
หากตระกูลเลิศธนโยธาต้องการตัวประกัน พวกเขาจะใช้เฉพาะภรรยาและลูกสาวของเขาเอา ไม่ใช้คนของบ้านสามหรอก
แค่เพื่อป้องกันไม่ให้พลอยไพลินแก้แค้นบ้านสามเท่านั้น
“ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่”
ณิชกานต์ไม่ใช่คนไร้สมอง เธอสามารถเข้าใจความหมายของไซม่อนได้
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอถามไซม่อนว่า: “ชลยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว”
ไซม่อนมองเธอและไม่พูดอะไร
ณิชกานต์รู้ว่าสามีของเธอถูกพี่ชายควบคุมตัวไว้ และเขายังมีชีวิตอยู่
เธอไม่พูดอะไรอีก และออกจากห้องทำงานของไซม่อนไปอย่างเงียบๆ
ทันทีที่ออกจากห้องทำงาน ณิชกานต์ก็โทรหาลูกชายคนโตของเธอทันทีและให้เจนสันไปรับลูกสาวที่โรงเรียนเดี๋ยวนี้ แล้วในขณะเดียวกันก็ขอลาหยุดให้ลูกสาวของเธอชั่วคราว
เธอส่งหลักฐานทางอาญาหลายปีที่ผ่านมาให้พี่ชายสามีของเธอแล้ว และรู้ว่าชลอยู่ที่ไหนด้วย แต่เธอไม่ได้บอกลูกชายของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้
ณิชกานต์เดินไปตามลานบ้านพร้อมกับทิวทัศน์เดิมๆ เธอแหงนมองท้องฟ้า ฝ้ากำลังจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“ณิชกานต์”
เสียงแม่สามีดังขึ้น
ณิชกานต์หยุดและมองไปที่พ่อแม่สามีที่เพิ่งกลับมาจากบ้านตระกูลเลิศธนโยธา ซึ่งดูจากสีหน้าท่าทางของทั้งสองแล้ว เธอเดาได้ว่าถึงทั้งสองจะออกหน้า ก็ไม่ได้ข่าวของชลเลย
“พ่อคะ แม่คะ รู้หรือยังว่าชลอยู่ที่ไหน”
“พวกเขายืนยันว่าไม่เคยพบชล และทำไมเธอถึงออกจากโรงพยาบาลล่ะ”
“หนูแค่ได้รับบาดเจ็บที่ผิวหนังเล็กน้อย ตอนนี้อาการบวมลดลงเล็กน้อยแล้ว ก็เลยออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับมาพักผ่อนที่บ้าน เมื่อกี้หนูไปถามพี่ชายมาแล้ว พี่ชายบอกว่าก่อนที่โทรศัพท์ชลจะปิดเครื่อง ชลได้ไปที่ตระกูลเลิศธนโยธา และหลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวใดๆอีก”
ใส่ความผิดการหายตัวไปของชลให้กับตระกูลเลิศธนโยธา
“ไซม่อนยังอยู่ในบ้านเหรอ ระหว่างทางกลับ ฉันได้ยินมาว่าญาณินและเทวิกาถูกลักพาตัวระหว่างทางไปทำงาน แล้วเขายังนิ่งนอนใจได้อีกเหรอ”
หญิงชราดูงุนงง
ญาณินถูกลักพาตัวไป หญิงชราไม่สนใจ แต่เทวิกาเป็นหลานสาวของเธอ จนในที่สุดก็หาตัวเจออย่างยากลำบาก หญิงชรายังคงหวังว่าเทวิกาจะปลอดภัย
“พี่สะใภ้กับวิกาถูกลักพาตัวไปงั้นเหรอ พี่ชายอาจยังไม่ได้รับข่าวมั้ง……”
ณิชกานต์ยังพูดไม่จบเธอก็เห็นไซม่อนเดินออกไปอย่างเร่งรีบ ซึ่งรายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ด
ทั้งสามคน: “……”
เพิ่งได้รับข่าวตอนนี้จริงเหรอ?
ไซม่อนไม่ได้มาหาพ่อแม่ของเขาด้วยซ้ำ และรีบออกจากคฤหาสน์สาระทาอย่างรีบร้อน
ส่วนจะไปทำอะไรนั้น ทั้งสามเข้าใจกันว่าเขาจะไปช่วยภรรยาและลูกสาวของเขา
“พ่อกับแม่คะ ตอนนี้หนูช่วยอะไรไม่ได้มาก หนูขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะคะ ถ้าพ่อกับแม่มีอะไรก็ไปหาพี่รองและพี่สะใภ้รองเถอะคะ”
ณิชกานต์ยังแค้นพ่อแม่สามีของเธอมากอยู่ในใจ และขี้เกียจที่จะคุยกับพวกเขา ดังนั้นเธอจึงจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ได้เวลาที่บ้านสองจะโผล่หัวออกมาแล้วล่ะมั้ง
มักใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายแอบอู้เสมอ
เธอต้องการรู้ว่าในเวลานี้ บ้านสองยังสามารถใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายแอบอู้ได้อีกไหม
พี่ชายคนโตคงรวบรวมหลักฐานได้มากเพียงพอจึงได้คุมตัวชลไว้ ดั้งนั้นสิ่งที่บ้านสองทำไว้นั้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเปิดเผย
ณิชกานต์เยาะเย้ย: วุ่นวายมากขึ้นไปอีกๆ ส่งคนเลวพวกนั้นเข้าไปให้หมด โลกจะสงบสุข
แน่นอนว่าเธอไม่ได้นึงถึงแต่ประโยชน์ของตนเอง
จากสิ่งที่สามีของเธอและเธอทำ หากพี่ชายมอบหลักฐานให้ตำรวจ ทั้งคู่จะถูกตัดสินประหารชีวิตแน่นอน
เกิดปัญหาขึ้นมากมายในเมืองซูเพร่า เนื่องจากภรรยาและผู้หญิงคนโตของตระกูลสาระทาถูกลักพาตัว จนถึงตอนนี้ตระกูลสาระทายังไม่ได้รับโทรศัพท์จากคนร้ายเลย ไม่ทราบว่าคนร้ายต้องการเงินหรือชีวิต
ทุกคนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ถูกเก็บเป็นความลับ และข่าวถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองในทันที ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันให้คนร้ายจนฆ่าตัวประกันได้
แม้ว่าหลายคนคิดว่าเป็นฝีมือของตระกูลเลิศธนโยธา แต่ก็เป็นแค่การคาดเดา ซึ่งก่อนที่ตำรวจจะคลี่คลายคดีไม่มีใครกล้าพูดออกมา
เทวิกาตัวจริงอยู่บนเครื่องบินกับพี่ชายของเธอและเพิ่งกลับมาจากเมืองซูเพร่า
พี่น้องทั้งสองยังไม่รู้เรื่องการลักพาตัวของตัวแทนในตอนนี้
จนกระทั่งเครื่องบินลงจอดอย่างปลอดภัยและโทรศัพท์มือถือก็เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต พี่ชายและน้องสาวจึงค่อยได้รับข้อความพร้อมกัน