รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 706 ไปไหน ก็เป็นก้างขวางคอ
ประยสย์ไปที่คฤหาสน์ตระกูลสาระทา ตอนที่เขามาถึงคฤหาสน์ ก็เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี
เขาเข้าไปในบ้าน ก็มองเห็นน้องเขยใส่ผ้ากันเปื้อน มือข้างหนึ่งถืออาหารหนึ่งจานเดินออกมาจากห้องครัว
ส่วนน้องสาวของเขา กลับนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร อมยิ้มมองน้องเขยเอาหารมาเสริฟ์
ประยสย์ชะงักฝีเท้า
เขารู้สึกว่าเขามาที่นี่ ก็มาเป็นก้างขวางคอ
ไปเสียตอนนี้เลยดีกว่า ตอนแรกเขาก็ยังไม่รู้ว่าควรจะไหนที่ไหน คนที่อยู่ในบ้านมีแต่คนที่เขาเกลียด เขาเองก็เพิ่งออกมาจากคฤหาสน์ ไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อที่โรงพยาบาลแล้วกัน พ่อก็น่าจะอยากตีเขาตายแล้ว
นานๆทีพ่อกับแม่ได้อยู่กันตามลำพัง
เขาไปก็คงเป็นก้างขวางคอ
หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว ประยสย์ก็หมุนตัว คิดจะจากไปเงียบๆ
“พี่”
เทวิกาหันไปด้วยความบังเอิญ ก็มองเห็นพี่ชายยืนอยู่ที่ประตู ก็ร้องเรียกพี่ชายทันที เธอก็ลุกขึ้นยืน เดินมาทางพี่ชาย
“พี่คะ พี่จะไปหนอีกคะ ฉันเดาว่าที่พี่กลับมาตอนนี้ เพื่อที่จะมาบอกยศพัฒน์ว่าทำอาหารช้าหน่อยโดยเฉพาะ รอให้พี่กลับมาก็ได้กินพอดี ยศพัฒน์เพิ่งจะผัดผักเสร็จ พี่ก็กลับมาพอดีเลย”
ในเมื่อถูกน้องสาวจับได้แล้ว ประยสย์ก็แกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หมุนตัวมา เดินมาเข้ามาใหม่ ปากก็พูดว่า “ไม่ได้จะไปไหน ก็แค่นึกขึ้นได้ว่าพี่ลืมของไว้ในรถจะไปเอา อีกเดี๋ยวค่อยไปหยิบแล้วกัน”
“ทำไมยศพัฒน์ต้องทำอาหาร ในบ้านมีคนใช้ตั้งเยอะแยะ”
ประยสย์โพล่งถามออกมา
“ยศพัฒน์บอกว่าอยากเข้าครัวทำอาหารเอง ทำอาหารอร่อยๆโต๊ะหนึ่ง ฉลองที่ฉันตั้งท้องลูกแฝด”
เทวิกาพูดพลางยิ้มไปพลาง ยศพัฒน์มีความสุขมากจริงๆ
ความจริงแล้ว ตั้งแต่ที่เธอตั้งท้อง เขาก็มีความสุขมากๆในทุกๆวัน
เขารักเด็กมาก
ประยสย์พยักหน้า “ก็สมควรที่จะต้องฉลอง”
สองพี่น้องเดินมาตรงหน้าโต๊ะอาหาร
ไม่เห็นเด็กน้อยจอมซน ประยสน์ก็ถามว่า “พิรัตน์ล่ะ”
“นอนหลับไปแล้วค่ะ ก่อนนอนเขากินโจ๊กไป เขาไม่หิวแล้ว ยังเก็บโจ๊กไว้หนึ่งชามวางไว้บนเตา รอให้เขาตื่นแล้วค่อยป้อนเขา”
“เขาโตขนาดนี้แล้ว ยังป้อนเขาได้อีกเหรอ”
เทวิกาอธิบายกับเขาว่า “วันนี้ถามเขาแล้ว เขาบอกว่าโจ๊ก ก็เลยต้มโจ๊กกระดูกหมูให้เขา”
พิรัตน์พอจะพูดคำง่ายๆได้บ้างแล้ว
ประยสย์ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ
“ทุกอย่างราบรื่นดีมั้ยครับ” ยศพัฒน์ก็อาหารออกมาอีกจาน หลังจากวางจานอาหารลงแล้ว ก็ถามประยสย์ด้วยความเป็นห่วง
“ตอนนี้ไม่มีอุปสรรคอะไรแล้ว พวกเขาทำผิดก็ต้องกลัว รู้ดีอยู่แก่ใจ”
ประยสย์ลุกขึ้น เข้าไปล้างมือในห้องครัว ช่วยหยิบชามกับตะเกียบออกมา
เทวิกาชอบดื่มน้ำซุป แน่นอนว่ายศพัฒน์ต้องต้มน้ำแกงที่เธอชอบกินด้วย
ประยสย์ช่วยน้องสาวตักน้ำแกงหนึ่งชาม เทวิกาพูดว่า:“พี่คะ ฉันตักเอง”
“น้ำแกงยังร้อนมาก พี่กลัวว่ามันจะลวกโดนเธอ” ข้างนอกบ้านหนาวมาก ในบ้านมีเครื่องทำความร้อนจึงไม่รู้สึกหนาว
หลังจากช่วยน้องสาวตักน้ำแกงเสร็จแล้ว ประยสย์ก็ถอดเสื้อคลุมออก วางไว้ที่พนักเก้าอี้
เขาตักให้ตนเองหนึ่งชาม ยศพัฒน์ก็ให้เขาทำเอง
“ตอนนี้พ่อไม่อยู่ พี่ก็มานี่อีก พวกเขาจะฉวยโอกาสหนีหรือเปล่า” ส่วนเรื่องที่พี่ชายภรรยาตักน้ำแกงให้วิกา แต่ไม่ช่วยตักให้เขานั้น ยศพัฒน์ชินแล้ว ไม่ว่าประยสย์หรือชเนนทร์ ก็ล้วนเป็นแบบนี้ทั้งนั้น
สำหรับน้องสาวแล้ว ก็แทบจะมอบกายถวายชีวิตให้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ช่วยจัดการให้หมด สำหรับคนที่เป็นน้องเขยอย่างเขา ทุกเรื่องก็เอาให้น้องเขยคนนี้อย่างเขาทำเองทั้งหมด
“ระหว่างทางที่ฉันกลับมาโทรไปหาพ่อแล้ว พ่อจะหาวิธีจัดการเอง”
แน่นอนว่าประยสย์รู้ดีว่าอารองและอาสามไม่มีทางถูกจับได้แล้วจะยอมอยู่เฉยๆ
พวกเขาต้องหาทางดิ้นรนสุดชีวิต ต้องขอความช่วยเหลือจากคุณปู่คุณย่าแน่นอน
ประยสย์เป็นหลาน เขาไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับอาทั้งสองด้วยความรุนแรง ได้แต่ปล่อยให้พ่อเขาจัดการ ยิ่งไปกว่านั้นพ่อเขาเป็นผู้นำตระกูล เดิมทีก็สมควรให้พ่อเขาจัดการอยู่แล้ว
“น้ำแกงที่ยศพัฒน์ต้มนี้อร่อยมากเลย หลังจากกลับไปแล้ว ก็ต้มให้วิกากินเยอะๆหน่อย ตอนนี้เธอกินคนเดียว แต่ต้องเลี้ยงถึงสามคน แต่อย่าบำรุงมากจนเกินไป จนเด็กตัวใหญ่เกิน เวลาคลอดจะคลอดยาก”
แม้ประยสย์จะเป็นคนโสด แต่หลังจากที่น้องสาวตั้งท้อง บางครั้งเขาเปิดดูหนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์พวกนั้น จำเนื้อหาบางส่วนได้บ้าง
ปากก็พูดไปอย่างนั้น ประยสย์กลับช่วยน้องสาวคีบอาหารไม่หยุด ปากก็ยังพูดว่า “วิกา เธอกินเยอะๆหน่อย อย่าปล่อยให้หิว”
“พี่ ไม่ต้องคีบอาหารให้ฉันแล้ว ในชามฉันกองเป็นภูเขาแล้ว ฉันอยากกินอะไรฉันคีบเองค่ะ”
เทวิการู้สึกจนใจ แต่กลับมีความสุขเปี่ยมล้น
ตอนเธอเป็นเด็กทารกเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น จนเกือบจะตาย ยังดีที่พ่อแม่บุญธรรมเก็บไปเลี้ยง ชีวิตของเธอช่างราบรื่นดี มีความสุจจนน่าอิจฉา
ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของพ่อแม่บุญธรรม หรือว่าพ่อแม่แท้ๆทางนี้ ทุกคนล้วนรักและเอ็นดู แต่งงานเข้าตระกูลอริยชัยกุล สามีก็เป็นคนที่รักภรรยามากอีกด้วย
กลับมาที่เมืองซูเพร่า ตอนแรกก็อยากจะช่วยงานพ่อกับพี่ชาย สรุปก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือของเธอ ยามมีอันตราย พ่อก็รีบส่งเธอออกมาก่อน กลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ
เทวิการู้สึกว่าตนเองเป็นลูกรักพระเจ้า ให้เธอมาเยอะเหลือเกิน และก็ช่างดีมากเหลือเกิน
ยศพัฒน์เอาชามตัวเองยื่นไปตรงหน้าพี่ชายภรรยา ยิ้มพลางเอ่ยว่า “พี่ ชามผมยังว่าง วิกาไม่ต้องการให้พี่คีบอาหารให้ พี่ก็คีบมาใส่ชามผมแล้วกัน”
“จะบ้าเหรอ นายไม่ดูแลวิกาก็แล้วไป ยังต้องให้ฉันดูแลนายอีก ฝันไปเถอะนะ”
ยศพัฒน์หัวเราะร่า “ไม่ว่าจะเป็นชเนนทร์หรือพี่ ขอแค่พี่ทั้งสองคนอยู่ ผมก็ไม่มีโอกาสได้ดูแลวิกาเลย”
“นี่นายหาว่าฉันเป็นก้างขวางคอเหรอ”
“ใครจะกล้าครับ”
ประยสย์ส่งเสียงฮึ่ม “ฉันก็คิดว่านายไม่กล้า”
ยศพัฒน์คิดว่าชีวิตนี้ตนเองคงต้องถูกพี่ชายภรรยาทั้งสองคนนี้ข่มไปจนตาย
“วิกา พรุ่งนี้เธอกับยศพัฒน์ก็กลับไปที่เมืองแอคเซสซ์เถอะ”
ใกล้จะถึงงานแต่งงานของนฤเบศวร์กับกนกอร ประยสย์ก็จำวันได้
จะอย่างไร เขากับนฤเบศวร์ก็มีมิตรภาพต่อกัน เขายังติดค้างนฤเบศวร์อยู่เลยนะ สงครามระหว่างตระกูลสาระทากับตระกูลเลิศธนโยธา นฤเบศวร์ยังมาด้วยตัวเองครั้งหนึ่งเลย
น้ำใจในครั้งนี้ ประยสย์ยังไม่สามารถตอบแทนได้หมดในช่วงระยะเวลาอันสั้น
“อืม รอให้พ่อออกจากโรงพยาบาล พวกเราค่อยกลับไป” เทวิกาดื่มน้ำแกงหมดแล้ว ยังอยากดื่มอีกชาม ตอนแรกเธออยากตักด้วยตัวเอง แต่ผู้ชายทั้งสองคนต่างแย่งกันช่วยเธอ สุดท้ายแล้ว เธอก็เอาชามให้สามี
ยศพัฒน์ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
ประยสย์เบะปาก บ่นพึมพำในใจ เรื่องดูแลปรนนิบัติคนอื่นยังต้องแย่งกัน!
เขาเองก็เหมือนกัน
“พี่ พี่จะให้ฉันเอาของขวัญแต่งงานไปให้อรกับนฤเบศวร์มั้ยคะ หรือว่าอีกสองวัน พี่จะตามเอาไปให้ในงานแต่งพวกเขาเอง” เธอจำได้ว่าเดิมพี่ชายอยากจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้นฤเบศวร์
พี่ชเนนทร์เองก็เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว
ชเนนทร์กับนฤเศวร์เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน แต่ปกติเวลาที่เขานั่งรถไฟความเร็วสูงกลับบ้านกับยศพัฒน์ กลับไม่ได้พูดคุยอะไรกับนฤเบศวร์
พอกนกอรคบหาอยู่กับนฤเบศวร์แล้ว ความสัมพันธ์ของชเนนทร์กับนฤเบศวร์ก็ดีขึ้น
ประยสย์คิดดูแล้ว พูดว่า “พี่ดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน แต่ของขวัญพี่จะให้เธอช่วยเอาไปก่อน เผื่อพี่ไม่มีเวลาไป ไม่มีของขวัญแต่งงานของนฤเบศวร์ คงถูกเขาบ่นตายแน่”