รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 715 หนามยอกเอาหนามบ่ง
ณภัทรถูกคำพูดของชุติภาทำเอาหน้าดำคร่ำเครียด แต่ก็ยังหันไปพูดกับพี่สะใภ้ “พี่สะใภ้นั่งดี ๆ นะครับ ทำไมถึงพาพิรัตน์มาด้วยล่ะครับ”
เทวิกากับสามารถกลับมาร่วมงานแต่งของกนกอร ก็ต้องเอาพิรัตน์เจ้าลูกวัวน้อยมาด้วยสิ
“นี่คือลูกศิษย์ในอนาคตของฉัน วิกาพาลูกศิษย์ของฉันกลับมาและให้สานสัมพันธ์ระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย”
เทวิกาไม่ได้ตอบ แต่ชุติภากลับสวนกลับณภัทรไปยกใหญ่
ใบหน้าหล่อเหลาของณภัทรหม่นหมอง และพูดอย่างโกรธ ๆ “ชุติภา ฉันล่ะอยากถามเธอจริง ๆ ว่าฉันไปทำอะไรให้เธอ เจอฉันทีไรมองยังไงก็ขัดหูขัดตาไปหมด ฉันไปทำอะไรให้เธอขุ่นเคืองใจหรือไง”
ชุติภาหัวเราะ “ถ้านายทำให้ฉันขุ่นเคืองใจ มีดผ่าตัดของฉันเอาชีวิตนายแน่”
ณภัทรพูดต่อด้วยใบหน้ามืดมน “โหดเหี้ยม! โหดขนาดนี้ระวังจะไม่มีใครเขามาขอนะ”
ชุติภาถอดหมวกกันน็อคออก ก่อนจะหันกลับมาแตะ ๆ พิรัตน์คนที่เธอบอกว่าเป็นลูกศิษย์ ก่อนจะใส่หมวกกันน็อคอีกครั้งพร้อมกับพูดว่า “ฉันมีคนอยู่ด้วยแล้ว จะแต่งงานหรือไม่แต่งแล้วมันสำคัญตรงไหน”
“ต่อให้เธอรับลูกศิษย์แล้ว แต่ก็เป็นแค่ลูกศิษย์ เธอหวังจะให้ลูกศิษย์เลี้ยงดูเลี้ยงดูเธอจนแก่เฒ่าจนถึงบั้นปลายชีวิตเลยหรือไง”
เทวิกาหัวเราะ “ในเมื่อเป็นอาจารย์แล้ว ก็เป็นเหมือนพ่อแม่ตลอดชีวิต พิรัตน์เป็นเด็กรู้ความ เขาจะไม่ทำเรื่องอกตัญญูแบบนั้นแน่นอน น้องสี่มีเรื่องบาดหมางอะไรกับคุณชุติภาหรือเปล่า”
ทำไมทั้งสองคนดูไม่ค่อยจะชอบขี้หน้ากันสักเท่าไหร่เลย
ค่อนข้างเหมือนนฤเบศวร์กับกนกอรเมื่อก่อนเลย
“พี่สะใภ้ ผมจะไปกล้ามีเรื่องบาดหมางกับเธอได้ยังไง พี่ไม่รู้ว่าเธอโหดเหี้ยมมากแค่ไหน ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกสองสามปีนะครับ” ไม่รู้ว่าพี่สามกล้าหาญจากไหน ถึงได้กล้าเข้าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ จนอยากจะขอให้เป็นอาจารย์เพื่อเรียนรู้วิชาด้วย
ถ้าอายุยังน้อย ณภัทรก็ยังพอจะเข้าใจพี่สามได้ แต่ตอนนี้พี่สามอายุเกือบจะสามสิบอยู่แล้ว แต่ยังอยากจะเรียนวิชากังฟูอะไรก็ไม่รู้อีก
ชุติภาเก่งกังฟูมากแบบนี้เพราะเธอบอกว่า เธอถูกบังคับให้ฝึกตั้งแต่ยังเด็ก ถ้าฝึกไม่ดีก็จะถูกอาจารย์ของเธอตีด้วยไม้เท้า
เธอเรียนรู้ฝึกฝนมานานกว่ายี่สิบปีกว่าจะมีทักษะและเก่งได้อย่างทุกวันนี้ แต่พี่สามของเขายังสามารถใช้เวลากว่ายี่สิบปีมาเรียนกังฟูแบบนี้ได้อีกเหรอ
ถ้าจะให้เขาพูดจริง ๆ พี่สามของเขาต้องชอบผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนี้แล้วแน่ ๆ แต่เป็นเพราะว่าเธอโหดเหี้ยมเกินไป พี่สามก็เลยไม่กล้ายอมรับเท่านั้นเอง
“ถ้าฉันโหดเหี้ยมจริง นายจะยังมีโอกาสได้มายืนพูดจาเหน็บแนมฉันแบบนี้อีกเหรอ วิกา น้องชายสามีของเธอคนนี้หน้าตาก็ดีนะ หล่อขนาดที่ไปเป็นดาราได้เลย แถมยังมีความสามารถด้วย แต่ว่าปากนั่นน่ะร้ายเกินไป เหม็นเกินไป คนปากไม่ดีย่อมพูดสิ่งดี ๆ ไม่ได้”
“เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงบอกว่าฉันโหดเหี้ยม เพราะว่าพวกพี่น้องของเขาพ่ายแพ้ให้ฉันทุกคนเลยไง แถมพวกเขายังสู้แบบผลัดเวียนกันด้วยนะ แพ้จนขายขี้หน้า พวกเขาก็เลยเรียกฉันว่าเป็นคนโหดเหี้ยมไง”
ณภัทรอายจนโกรธ “ตอนนี้พี่ใหญ่ของฉันกลับมาแล้ว ถ้าเธอเก่งจริงก็ท้าสู้กับพี่ชายฉันสิ”
เทวิกาหัวเราะ “น้องสี่ อย่าลากพี่ใหญ่ของเธอเข้าไปเกี่ยวด้วยสิ”
ชุติภาพูดกับเทวิกาว่า “ไม่ต้องสนใจเขาหรอก ก็แค่คนที่แพ้ให้ฉันก็เท่านั้นเอง วิกานั่งดี ๆ นะ กอดลูกศิษย์น้อยของฉันดี ๆ ด้วย ฉันจะขับรถแล้ว”
เธอไม่ไปท้าต่อสู้กับยศพัฒน์หรอก
และยศพัฒน์ก็ไม่มีทางต่อสู้กับเธอเพื่อที่จะเอาคืนให้พวกน้องชายด้วย
ที่ชุติภาไม่ท้าต่อสู้กับยศพัฒน์ เพราะกลัวว่าถ้าเธอเอาชนะยศพัฒน์ได้ มันจะทำลายภาพลักษณ์อันสูงส่งของเขาต่อหน้าน้องชายทุก ๆ คน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องลูกของณภัทร เล่นเล่ห์กับพวกหนุ่มน้อยในตระกูลอริยชัยกุลไม่เท่าไหร่ แต่ว่ายศพัฒน์เป็นคนมีฝีมือ เธอไม่เสี่ยงจะดีกว่า เผื่อทำให้ลูกในท้องบาดเจ็บขึ้นมา เธอยังต้องไปหลับนอนกับณภัทรอีก
เทวิกากอดพิรัตน์ไว้แน่น ชุติภาขี่มอเตอร์ไซค์ขับไปสักพัก ค่อย ๆ ห่างจากณภัทรขึ้นเรื่อย ๆ
ณภัทรรอให้สองสาวขับห่างออกไปไกลก่อนจะพึมพำขึ้นว่า “ลูกศิษย์ ลูกศิษย์ เจ้าเด็กอ้วนนั่น อ้วนขนาดนั้นจะสืบทอดวิชาเธอได้ไง คนสมัยนี้ ขนาดเป็นลูกแท้ ๆ ยังไว้วางใจไม่ได้เลย ยังจะคาดหวังให้ลูกศิษย์มาเลี้ยงดูจนแก่อีก”
เขายืนอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนจะหันหลังเดินกลับไป และไม่ได้เดินลงเขาต่อ
ระหว่างทางเขาก็เอาแต่บ่นพึมพำในใจ ชุติภามีความสามารถมากขนาดนั้น เขาหน้าด้านไปขอความช่วยเหลือจากเธอดีไหมนะ
ช่วยตามหาผู้หญิงที่หลับนอนกับเขาคนนั้นให้เจอ
ขอแค่ชุติภาสามารถช่วยเขาจัดการเรื่องนี้ได้ ต่อไปเขาจะเคารพเธอเหมือนบรรพบุรุษเลย และจะไม่พูดจาเหน็บแนมเธออีกด้วย
ที่เทวิกานั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ของชุติภาขึ้นเขา เพราะตอนนี้เธอกำลังท้อง ถ้านั่งรถยนต์ เธอจะมีอาการเมารถและอาเจียนง่าย เพราะฉะนั้นเธอจึงเลือกซ้อนมอเตอร์ไซค์ของชุติภาแทน
เมื่อกลับมาถึงคฤหัสน์เมเปิล ได้เห็นผู้ใหญ่ครอบครัวสามีของตัวเองก็ดีอกดีใจ กล่าวทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
ยศพัฒน์ตามมาทีหลัง พวกผู้ใหญ่ในตระกูลชำเลืองมองเขา เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีอะไรบุบสลาย พวกเขาก็หันกลับมาสนใจเทวิกาเหมือนเดิม
เขา:……
จากบ้านไปนาน กว่าจะกลับมาทั้งที กลับได้รับการปฏิบัติแบบนี้เหรอเนี่ย
เขาไม่สำคัญเท่ากับตัวอ่อนที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างสองตัวในท้องของเทวิกาด้วยซ้ำ
หลังจากทักทายกันสนุกสนานสักพัก เทวิกาก็ถามแม่สามีว่า “แม่คะ พ่อกับแม่ของหนูละคะ”
คุณย่าหัวเราะพลางตอบไปว่า “หลังจากรู้ว่าเรื่องจบลงแล้ว พ่อแม่หนูก็พาปู่ย่าของหนูกลับบ้านไปแล้ว บอกว่างานที่บ้านเยอะมาก ปล่อยไว้แบบนั้นโดนไม่สนใจไม่ได้ แต่ว่า พ่อแม่หนูบอกว่าวันแต่งงานของอรพวกเขาจะเข้าเมืองมาดื่มเหล้ามงคลให้ด้วยนะ”
คุณปู่กวินท์กับคุณย่าโบว์ไม่ได้มา เพราะอายุมากแล้ว ไม่ค่อยชอบขยับเขยื้อนบ่อย ๆ
“ถ้าอย่างนั้นวันพรุ่งนี้หนูกลับไปเยี่ยมพวกเขาหน่อยดีกว่าค่ะ”
ตอนนี้ใกล้จะค่ำแล้ว ทั้งคู่เพิ่งกลับมา ๆ จึงทำได้แค่เปลี่ยนไปบ้านตระกูลวาชัยยุงในวันพรุ่งนี้แทน
“อืมวันนี้อยู่พักผ่อนที่บ้านไปก่น พรุ่งนี้ค่อยให้พัฒน์พาหนูไปส่งแต่เช้า”
คุณย่าเข้าใจเธอมาก เพราะรู้ว่าหลานสะใภ้คงจะคิดถึงครอบครัวของเธอ
หลังจากทานอาหารเย็นแล้ว เทวิกา กนกอร และชุติภาก็จูงมือพิรัตน์ออกไปเดินเล่น
หลังจากเดินออกจากเรือนหลังใหญ่อันงดงามแล้ว เทวิกาก็พูดว่า “ที่เมืองซูเพร่า เวลาออกเดินเล่นหลังทานอาหารเย็น เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หนาวจนทนไม่ไหว ต้องรีบกลับเข้าบ้าน ไม่ว่ายังไงเมืองแอคเซสซ์ของเหมาะกับฤดูหนาวที่สุด”
ในฤดูหนาว เมื่อเทียบกับเมืองซูเพร่าแล้ว เมืองแอคเซสซ์ก็คือเพียงฤดูร้อนของเมืองซูเพร่า
“เมืองซูเพร่าหนาวมาก”
ทั้งกนกอรและชุติภาต่างก็รู้สึกแบบเดียวกัน
“วิกากลับมาคราวนี้เธอจะอยู่นานแค่ไหน”
กนกอรกังวลกับหัวข้อนี้ที่สุด
เทวิกาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อยู่ที่นี่สักอาทิตย์หนึ่งแล้วค่อยกลับไปดูที่นั่นอีกที ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันกับพัฒน์ก็จะกลับมาเตรียมงานแต่งงานของเรา”
เธอยังคงเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย กลัวว่าปู่ย่าของเธอจะรังแกคุณแม่ของเธอ
แม้ว่าตอนนี้แม่ของเธอจะแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว และไม่มีทางปล่อยให้คุณย่ารังแกง่าย ๆ แต่วิกาก็ยังอยากจะกลับไปดู
กนกอรก็เข้าใจ และขานรับคำของเธอ “ถ้าไม่มีอะไรค่อยกลับมา งานแต่งงานของเธอกับคุณพัฒน์ก็คงไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เพราะว่าครอบครัวสามีเธอเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้หมดแล้ว”
เพราะกว่าจดทะเบียนสมรสมาตั้งครึ่งปีแล้ว
ตระกูลอริยชัยกุลก็รีบร้อน
ที่ผ่านมาเป็นเพราะเรื่องทางครอบครัวของเทวิกา ทำให้เธอจำเป็นต้องกลับไปที่เมืองซูเพร่าเพื่ออยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ เพราะแบบนั้นตระกูลอริยชัยกุลถึงได้เลื่อนงานแต่งงานของทั้งสองคนออกไป