รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) – ตอนที่ 21 เผชิญหน้า

รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) - ตอนที่ 21 เผชิญหน้า

ศพงูยักษ์นอนอย่างเงียบสงบในป่าโปร่งทางด้านบึงน้ำ ความเกรี้ยวกราดดุร้ายอันน่าสะพรึงของมันก่อนหน้านี้ยังคงติดตรึงในความรู้สึกของหลงเยว่หงและซางเจี้ยนเย่า

เจี่ยงไป๋เหมียนเห็นพวกเขายังจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“อุบัติเหตุก่อนหน้านี้ ฉันไม่เพียงสูญเสียการได้ยินบางส่วนเท่านั้น แต่ยังเสียแขนซ้ายไปทั้งแขนอีกด้วย”

“ไม่ใช่ครับ” หลงเยว่หงส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ผมหมายถึง… จบเรื่องแล้วใช่ไหม เจ้างูยักษ์นี่ตายแล้วจริงๆ ใช่ไหม”

เขาลืมไปสนิทเลยว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ในหัวว่างเปล่าไปหมด

เขามีแค่เพียงความประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อว่าชีวิตของงูเหล็กยักษ์บึงดำที่ทรงพลังตัวนี้จะปลิดปลิวไปในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที

แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องดีก็ตาม

เจี่ยงไป๋เหมียนหันไปมองซากร่างงูยักษ์ที่บิดขดกองอยู่แล้วยิ้มขึ้น

“ก็บอกนายไปแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าป่าเขาลำเนาไพรในแดนร้างเนี่ย นอกจากมีสิ่งมีชีวิตไม่กี่ชนิดแล้ว ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของมนุษย์ก็คือมนุษย์ด้วยกันเอง เสียดายที่เจ้างูเหล็กบึงดำนี่ไม่ได้รวมอยู่ในสิ่งมีชีวิตที่พูดถึงนั่นด้วย

“จะว่าไปแล้วนักล่าที่ร้ายกาจที่สุดก็คือมนุษย์นี่แหละ”

พูดขาดคำเธอก็พลันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจึงรีบหันหน้าไปมองทางต้นเสียงทันที

ตึก! ตึก! ตึก!

ชายฉกรรจ์ที่สวมเกราะกระดูกเสริมแรงทางทหารถือปืนกลมือ ‘พายุฝน’ กับปืนกลเบา กำลังตรงดิ่งเข้ามาในบริเวณที่มีเสียงปืนดังและเสียงกรีดร้อง

ด้านหลังเขาเป็นมอเตอร์ไซค์หนักที่กระหนาบซ้ายขวาคอยคุ้มกันให้ ส่วนรถออฟโรดตามมาด้านหลังห่างไปเล็กน้อย ไม่ได้เตรียมจะเข้าร่วมเปิดฉากตะลุยในระลอกแรก เพียงแค่รอเก็บกวาดสนามรบเท่านั้น

อาอวี่ จี๋ซุ่น และคนอื่นๆ ล้วนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมกับชุดเกราะกระดูกเสริมแรงทางทหารเป็นอย่างมาก พวกเขาคิดว่าหัวหน้าเพียงแค่คนเดียวก็สามารถจัดการกวาดล้างพวกนักล่าซากอารยะกับงูเหล็กบึงดำที่กำลังบาดเจ็บทั้งคู่ได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว

ตึก! ตึก! ตึก!

แว่นคริสตัลในหมวกโลหะของชายฉกรรจ์ฉายให้เขาเห็นภาพเบื้องหน้า

งูเหล็กบึงดำที่ขนาดลำตัวอ้วนราวกับถังสองใบและมีเกล็ดหนาสีดำปกคลุม ซากร่างยาว 15 เมตรของมันนอนแน่นิ่งอยู่ริมทาง พื้นที่โดยรอบนั้นเกลื่อนด้วยต้นไม้หัก เลือดและสมองของงูยักษ์ไหลเยิ้มออกมา

ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร รถจี๊ปสีเขียวอมเทาสี่ที่นั่งจอดแฉลบข้าง ชายสองคนในชุดลายพรางสีเทายืนอยู่นอกรถ หนึ่งนั้นยืนอยู่นอกประตูรถด้านขวา อีกหนึ่งนั้นยืนด้านซ้ายของท้ายรถ ทั้งคู่ถือปืนไรเฟิลจู่โจมกระบอกสีดำทะมึน

หญิงสาวร่างสูงมัดผมหางม้ากำลังใช้มือขวาลูบบ่าซ้าย เธอยืนคั่นกลางระหว่างรถจี๊ปกับซากงูยักษ์ แน่นอนว่าเธออยู่ใกล้เขามากกว่าอีกสองคนที่อยู่ข้างรถจี๊ป

ในขณะนี้หญิงสาวคนนั้นก็หันร่างมาทางนี้ และมองเห็นพวกเขาหมดแล้ว

ที่ฝากระโปรงหน้ารถจี๊ปมีปืนไรเฟิลกระบอกเพรียวยาวตั้งประทับอยู่ หญิงสาวอีกคนก้มหมอบคร่อมปืนไว้พร้อมกับหันกล้องเล็งเป้ามา

หลบ… ชายฉกรรจ์เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน รีบกระโดดหลบทันทีอย่างไม่ต้องคิด

ด้วยความช่วยเหลือจากเกราะกระดูกเสริมแรง เขากระโดดพุ่งออกไปทางขวาไกล 7-8 เมตรโดยพลัน

ปัง!

ไป๋เฉินลั่นไก กระสุนพุ่งทะยานไปยังตำแหน่งที่ชายคนนั้นอยู่เมื่อหนึ่งวินาทีก่อน แล้วก็เลยไปปะทะกับต้นไม้ด้านหลังไกลออกไป

ระหว่างที่ชายฉกรรจ์กระโดดลอยตัวอยู่นั้น เขาถึงเพิ่งจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำเอาเขาตกใจระคนสำนึกเสียใจ

ทำไมพวกมันไม่บาดเจ็บซักนิด

งูเหล็กบึงดำตายง่ายๆ แบบนี้นะเหรอ

พวกมันกำจัดงูยักษ์ได้อย่างรวดเร็ว แถมยังมีเวลาคุยกันด้วย

เป็นไปได้ยังไงกัน

ถ้าไม่ใช่เพราะระบบเตือนภัยรอบทิศ เมื่อกี้เราคงพังไปแล้ว! ยังไม่ทันได้รู้ตัวตอบสนองอะไรเลยซักนิด!

ขณะที่ความคิดกำลังวิ่งพล่าน ชายฉกรรจ์ก็รีบตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ว่าพวกนั้นจะฆ่างูยักษ์ได้อย่างง่ายดาย แสดงความแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงแต่ตนเองก็ต้องรีบเข้าประชิดตัวโดยเร็วที่สุดแล้วยิงกดดันเข้าไว้

ในตอนนี้ถ้าเขาหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป ด้วยเกราะเสริมแรงที่สวมอยู่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหามากนัก แต่ว่าอาอวี่ จี๋ซุ่น และคนที่เหลือไม่มีทางจะหนีพ้น!

อีกอย่างหนึ่ง ถึงจะสวมเกราะเสริมแรงเอาไว้แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเหนือกว่างูเหล็กบึงดำ แม้ว่าความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองอาจจะเหนือกว่า แต่พละกำลังและความทนทานนั้นเทียบไม่ได้อย่างแน่นอน

ขนาดงูเหล็กยักษ์ยังถูกคนพวกนี้กำจัดได้อย่างง่ายดาย แล้วเขาล่ะ ต่อให้สวมเกราะเสริมแรงก็เถอะ แต่มั่นใจแค่ไหนว่าจะหนีพ้นได้จริงๆ

พอเท้าสัมผัสพื้น เขารีบยกปืนกลเบาในมือขึ้นมากราดยิงอย่างบ้าคลั่งใส่คนฝั่งตรงข้ามทันที

ปังปังปัง!

โคลนดินที่พื้นปลิวกระจาย ประตูรถจี๊ปสีเขียวอมเทาปรากฏรอยกระสุนขึ้นมารูแล้วรูเล่า

ในจังหวะที่ไป๋เฉินยิงออกไปนั้น ก่อนที่ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะเสริมแรงจะกระโดดหลบ เจี่ยงไป๋เหมียนที่รู้ตัวก่อนเป็นคนแรกก็หยิบปืน ‘ยูไนเต็ด 202’ ด้วยมือขวาไว้แล้วเกร็งกล้ามเนื้อขาพุ่งเข้าใส่ตำแหน่งที่ซากร่างของงูยักษ์นอนกองอยู่ราวกับเสือชีตาร์

ที่เธอตัดสินใจทำแบบนี้ ด้านหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าถ้าหันหลังวิ่งกลับไปหลบที่รถจี๊ปคงไม่ทันการ อีกด้านหนึ่งก็เพราะรู้สึกว่าต้องยิงประสานจากตำแหน่งอื่นเพื่อช่วยเสริมพลังโจมตีให้ครอบคลุม

นอกจากนี้ ร่างของงูเหล็กบึงดำยังแข็งแกร่ง ป้องกันกระสุนได้ดีกว่ากว่ารถจี๊ปมาก

แต่ที่น่าเสียดายก็คือตอนนี้กระแสไฟฟ้าในแขนชีวภาพของเธอต้องรอสะสมพลังงานก่อน ยังต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่งเพื่อชาร์จให้เต็มก่อนที่จะใช้ได้อีกครั้ง ดังนั้นในขณะนี้เจี่ยงไป๋เหมียนจึงทำได้แค่เพียงคิดหาหนทางอื่นเพื่อรับมือกับศัตรู

ในขณะที่เจี่ยงไป๋เหมียนกำลังวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ซางเจี้ยนเย่าเองก็ไม่คิดที่จะเข้าไปในรถเพื่อลงไปอีกฝั่งหนึ่ง เขายันประตูรถด้วยมือข้างหนึ่งแล้วใช้แรงจากเอวและท้อง หัวเข่าสปริงดีดตัวขึ้นพลิกกลับตัวกลางอากาศเหนือรถจี๊ปลงพื้นมายืนอยู่ข้างไป๋เฉิน

ก่อนเกิดก็ได้รับการปรับปรุงพันธุกรรม หลังเกิดก็ยังฝึกฝนอย่างหนัก ในตอนนี้สมรรถภาพร่างกายของเขาจึงแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดแจ้ง

ไป๋เฉินเพิ่งยิงเสร็จ ซางเจี้ยนเย่าก็ย่อเข่าก้มตัวซอยเท้าสับขาวิ่งไปหลบด้านหลังฝั่งหัวรถ

นี่คือสิ่งที่พวกเขาถูกสอนมาตอนอยู่ในชั้นฝึก

ท่ามกลางดงกระสุน หากต้องการใช้รถเป็น ‘กำแพง’ เพื่อป้องกันตัว ต้องเลือกด้านหัวรถเพราะว่ามีเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ช่วยลดแรงปะทะ แต่ถ้าเป็นส่วนอื่นๆ นั้นกระสุนสามารถเจาะทะลุได้อย่างง่ายดาย ไม่สามารถใช้ป้องกันอะไรได้มากนัก

ดังนั้นแล้วหลงเยว่หงที่ยืนอยู่ข้างไป๋เฉิน แม้เขาจะมีปฏิกิริยาช้าไปเล็กน้อยหลังจากที่ตระหนกตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังตอบสนองได้ทันการ รีบซุกตัวอยู่ด้านขวาของซางเจี้ยนเย่าทันที

เมื่อเห็นว่ายิงไม่ถูกเป้าหมายที่สวมเกราะกระดูกเสริมแรงอยู่ ไป๋เฉินก็ตัดสินใจลากปืนกลับมาแล้วนั่งยองลง

ปังปังปัง ปังปังปัง!

เสียงรัวปืนกลกระหน่ำเป็นชุดสร้างความตึงเครียดให้กับเส้นประสาทของทั้งสาม ทำให้ร่างกายต้องหดเกร็งอย่างช่วยไม่ได้

อีกด้านหนึ่ง ก่อนที่ปืนกลเบาจะยิงกราดมาถึง เจี่ยงไป๋เหมียนก็เท้ายันพื้นแล้วดีดตัวกระโดดไปด้านหลังของซากงูยักษ์แล้วหมอบคว่ำลง

แก๊ง! แก๊ง! แก๊ง!

หลังจากถูกกระหน่ำยิงซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเกล็ดสีดำสนิทชั้นนอกบนซากร่างงูยักษ์ก็แตกออก แต่ว่ายังเหลืออีกสองชั้นด้านใน

และถึงแม้กระสุนจะทำลายเกล็ดอีกสองชั้นที่เหลือได้ แต่เนื้อของงูเหล็กบึงดำนั้นยังมีอำนาจลดทอนแรงปะทะและความเร็วของกระสุนได้ นอกจากนั้นเนื้ออีกด้านก็ยังมีเกล็ดสีดำอีกสามชั้นกว่าที่กระสุนจะทะลุมาถึงเจี่ยงไป๋เหมียน

พูดอีกอย่างคือ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะยิงทะลุซากร่างงูเหล็กบึงดำด้วยปืนกลเบา ยกเว้นว่าจะมีกระสุนมากพอและกระหน่ำยิงซ้ำๆ เข้าไปในจุดเดียว และที่สำคัญคือในตอนนั้นเจี่ยงไป๋เหมียนต้องไม่คลานหรือย้ายตำแหน่งไปไหนเสียก่อน

ด้วยความช่วยเหลือจากเกราะเสริมแรง ชายฉกรรจ์ถือปืนกลเบารีบพุ่งตรงไปยังซากงูเหล็กบึงดำและรถจี๊ปสีเขียวอมเทา เขายิงกดดันไป๋เฉิน ซางเจี้ยนเย่า หลงเยว่หง และเจี่ยงไป๋เหมียน เพื่อทำให้อีกฝ่ายไม่กล้ายิงตอบโต้กลับมา

พอลำกล้องปืนร้อนจัด และกระสุนจำนวนไม่มากนักที่พันรอบกายเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ถูกใช้จนหมดสิ้น ชายกำยำก็โยนปืนกลเบาทิ้งแล้วยกปืนกลมือ ‘พายุฝน’ ในมือขวาขึ้นมา

เขายกมือซ้ายที่ติดตั้งปืนยิงระเบิดไว้เล็งไปข้างหน้า

พร้อมกันนั้น ‘ระบบเล็งเป้าความแม่นยำสูง’ ก็แสดงสัญลักษณ์เป้าเล็งบนแว่นคริสตัลของหมวกโลหะชุดเกราะเสริมแรง

ตัวเลขเป็นชุดกะพริบวูบวาบอย่างรวดเร็วรอบสัญลักษณ์เป้าเล็งเพื่อช่วยให้ชายฉกรรจ์เลือกวิถียิงที่มีประสิทธิภาพ

หากเขายิงระเบิดออกไป รถจี๊ปสีเขียวอมเทาต้องระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไป๋เฉิน ซางเจี้ยนเย่า และหลงเยว่หง ที่หลบอยู่หลังรถย่อมไม่อาจรอดชีวิตไปได้

แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้น ตัวรถและสัมภาระที่บรรทุกมาย่อมต้องเสียหายยับเยินแน่นอน

สำหรับโจรแดนร้างแล้ว เสบียงสัมภาระคือเป้าหมายสูงสุดสำหรับการต่อสู้

หลังจากลังเลใจไปชั่วขณะ ชายฉกรรจ์ก็เปลี่ยนเป้าหมายหันปืนยิงระเบิดมาเล็งที่เจี่ยงไป๋เหมียนแทน

ขณะที่ยิงปืนกลมือ ‘พายุฝน’ อย่างต่อเนื่องเพื่อกดดันเจี่ยงไป๋เหมียน อีกด้านหนึ่งเขาก็ใช้โมดูลถ่ายภาพความร้อนของระบบเตือนภัยเพื่อระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเธอ

ในระหว่างนี้เขาได้ส่งสัญญาณมือให้กับพรรคพวกอีกสองคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาว่าให้ขี่อ้อมรถจี๊ปแล้วกราดยิงเพื่อ

กดดันหลงเยว่หง ไป๋เฉิน และซางเจี้ยนเย่า ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายมาขัดขวางตนเอง

โจรทั้งสองไม่ได้รู้สึกแปลกกับสถานการณ์เช่นนี้ ที่จริงแล้วพวกเขาแทบจะไม่จำเป็นต้องให้หัวหน้าพูดอธิบายด้วยซ้ำว่าหมายถึงอะไร พวกโจรรีบขี่มอเตอร์ไซค์ตีวงอ้อมซากงูยักษ์เข้าไปใกล้ด้านหน้ารถจี๊ป

ปังปังปัง!

พวกเขาล้วนมีความเชี่ยวชาญ มือหนึ่งจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ อีกมือหนึ่งก็ยิงปืนกลมือไปด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ซางเจี้ยนเย่า หลงเยว่หง และไป๋เฉิน ชะโงกออกมา

เมื่อภาพความร้อนที่เป็นสีส้ม แดง และเขียวของเจี่ยงไป๋เหมียน ทะลุผ่านซากร่างงูยักษ์บึงดำที่เย็นชืด ถูกส่งไปยังดวงตาของหัวหน้าโจรแล้ว เขาก็แสยะยิ้มออกมาและเลือกวิถีที่จะยิงลูกระเบิดออกไป

หลังจากงูเหล็กบึงดำตายลง แม้ว่าตัวมันจะมีขนาดใหญ่มาก แต่ซากร่างมันกลับไม่ได้สูงเท่าใดนัก เตี้ยกว่าหน้ารถจี๊ปเสียอีก หากระยะการยิงและวิถีระเบิดเหมาะสม ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะใช้มันเป็นที่กำบังอีกต่อไป

รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum)

รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum)

Status: Ongoing
ท่ามกลางโลกที่ล่มสลายและภยันตรายที่รายล้อม พวกเขาทั้งสี่ยังคงยืนหยัดเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติให้หลุดพ้นจากความมืดมิดแฟนตาซี-ไซไฟเรื่องใหม่ในบรรยากาศแบบดิสโทเปียจากผู้เขียน ‘ราชันเร้นลับ’ และ ‘ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา’ซึ่งจะพาทุกคนไปผจญภัยในโลกหลังวันสิ้นโลกเมื่อโลกถูกทำลายลง มนุษย์ต้องเผชิญกับภยันตรายรอบด้านทั้งความอดอยาก โรคระบาด การกลายพันธุ์ สัตว์ประหลาดมนุษย์จึงสร้างกองกำลังของแต่ละฝ่ายขึ้น…‘ทีมสำรวจสาเหตุการล่มสลายของโลกเก่า’ หรือ ‘ทีมสำรวจเก่า’สังกัดอยู่ในแผนกความมั่นคงของกองกำลัง ‘ผานกู่ชีวภาพ’ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คนจากต่างที่มาแต่จุดมุ่งหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียวคือการช่วยเหลือเหล่ามนุษยชาติให้อยู่รอดต่อไปด้วยเหตุนี้ภารกิจตามหาสาเหตุการล่มสลายของโลกเก่าเพื่อป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจึงเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางภยันตรายรอบด้านที่รายล้อมเข้ามาเพื่อช่วยมนุษยชาติ ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็จะไม่ล้มเลิกเป็นอันขาด!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท