เจิ้งฉ่วยและฮวงเฟิงได้เห็นท่าทางแปลกๆของเสี่ยวฮั่นเจิ้งฉ่วยก็ขมวดคิ้ว ยัยคนนี้ชักจะรู้สึกตัวช้าเกินไปหน่อยแล้ว เธอจะมัวยืนอยู่ตรงนั้นเพื่ออะไร? หรือว่าเธอจะให้ฮวงเฟิงเป็นฝ่ายเดินไปหาเอง?
ผู้หญิงคนนี้ควรจะรู้ว่าวันนี้ฮวงเฟิงเป็นแขกของเขา แล้วทำไมตอนนี้ยังไม่มาปรนนิบัติฮวงเฟิงอีกเล่า?
หวังเจี่ยเจียที่อ่านสีหน้าคนออกสังเกตเห็นว่าเจิ้งฉ่วยเริ่มรู้สึกไม่พอใจจึงรีบเดินไปสะกิดเสี่ยวฮั่นเบาๆ พร้อมกล่าวเสียงเบา “อย่ามัวแต่ยืนนิ่งอยู่ รีบไปหาเขาเร็วๆเข้า!”
ในตอนที่เห็นฮวงเฟิงกับเจิ้งฉ่วยเจิ้งฉ่วยมีสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย ส่วนฮวงเฟิง เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ บนใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่
ด้วยเหตุนี้เสี่ยวฮั่นจึงก้มศีรษะลงและเดินไปหาฮวงเฟิง และรีบนั่งลงข้างๆเขาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ขอโทษนะคะ”
หลังจากนั้นเธอก็รินไวน์ให้กับฮวงเฟิง ในฐานะอดีตบาร์เทนเดอร์ ท่าทางตอนรินไวน์ของเธอได้ดึงดูดสายตาของคนที่เห็น
อีกด้านหนึ่งเจิ้งฉ่วยก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่เพราะแสงไฟสลัวๆประกอบกับเสี่ยวฮั่นที่ยังคงก้มหัวอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน
แน่นอนว่าฮวงเฟิงก็ไม่ต่างแต่เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร เขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้น่าสนใจ เธอไม่ได้มาหาเขาเพื่อทำเรื่องอย่างว่า หญิงสาวยังคงก้มหน้าก้มตารินไวน์ราวกับว่าเธอกำลังกลัวเขา
ในตอนนี้เสี่ยวฮั่นรู้สึกกลัวมาก แม้ว่าเธอจะได้เตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่พอเอาเข้าจริง ในตอนที่เธอจะต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย เธอกลับรู้สึกกลัวและตื่นเต้นจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าถ้าตัวเองคือผู้ที่ถูกเลือก เธอจะทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่ แต่ถ้าไม่ เธอก็จะหาโอกาสใหม่ในครั้งถัดไป
อย่างไรก็ตามเสี่ยวฮั่นไม่คิดว่าเธอจะได้รับเลือกเร็วขนาดนี้ แม้ว่าเธอจะไม่เห็นใบหน้าของเพื่อนของเจ้านายแบบชัดๆ แต่เพราะน้ำเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวลของอีกฝ่าย ทำให้เธออยากเห็นหน้าของคนๆนี้
แต่เพราะเธอยังรู้สึกกลัวเธอจึงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย
“เป็นอะไรไป?ฉันทำให้เธอกลัวเหรอ?” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามเสี่ยวฮั่นอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะยังก้มหน้าอยู่ แต่เธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดกับเธอ
ด้วยเหตุนี้เสี่ยวฮั่นจึงกัดฟันแล้วค่อยๆเงยศีรษะขึ้นมาและได้สบตากับฮวงเฟิงเป็นครั้งแรก จากนั้นเธอก็ตอบเขากลับไปว่า “ไม่…ไม่ใช่นะคะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮวงเฟิงได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆแม้ว่าเขาจะเคยเห็นสาวสวยมาไม่น้อย แต่ในตอนที่เขาได้เห็นใบหน้าของเสี่ยวฮั่น ฮวงเฟิงถึงกับชะงักไปชั่วขณะ
หญิงสาวที่ชื่อเสี่ยวฮั่นคนนี้น่าจะมีอายุประมาณยี่สิบปีและไม่ได้แต่งหน้าจัด ถ้าจะให้พูดก็คือ ประโยคที่ว่า “ความสวยไม่มีวันตาย” คงจะเหมาะสมกับเธอเป็นที่สุด
ดวงตากลมโตทำให้เธอดูเป็นนผู้หญิงใสซื่อเพียงได้มองตาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายมีนิสัยอย่างไร
แล้วทำไมคนที่มีดวงตาที่ใส่ซื่อคู่นี้ถึงได้มาอยู่ในที่แบบนี้ได้ล่ะ?
นอกจากดวงตาที่ดูใสซื่อใบหน้าที่น่ารักและอ่อนเยาว์ทำให้ผู้ที่ได้มองสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์ ประกอบกับท่าทางอ่อนน้อมของเธอแล้ว ฮวงเฟิงขอยกคำว่า ‘นางฟ้าประจำโรงเรียน’ ให้เลย
แต่อย่างไรก็ตาม‘นางฟ้าประจำโรงเรียน’ คนนี้กลับตัวสั่นเทา รวมถึงดวงตาคู่สวยกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย
“ไม่เหรอ?”ฮวงเฟิงร้องหึในลำคอแล้วพูดต่อว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่ได้ชอบกินคน แล้วก็… ” หลังจากพูดแบบนั้นออกไป ฮวงเฟิงก็ก้มมองตัวเองตั้งแต่อกลงไปจนถึงปลายเท้าและพูดต่อ
”ฉันไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อยจริงไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดจากฮวงเฟิงเสี่ยวฮั่นก็หลุดหัวเราะออกมา แต่จู่ๆ เธอก็หยุดหัวเราะ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงจากการกลั้นขำ
ไม่คิดเลยว่าคำพูดและท่าทางของฮวงเฟิงจะทำให้ความกังวลก่อนหน้านี้หายไปโดยไม่รู้ตัว
“ต้องแบบนี้สิคนสวยอย่างเธอเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าจริงๆด้วย ผมเองก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะที่ทำให้รอยยิ้มของเธอหายไปน่ะ” ฮวงเฟิงว่า
ทันใดนั้นใบหน้าของเสี่ยวฮานก็ขึ้นสีแดงระเรื่อแต่ครั้งนี้เธอไม่ได้เลือกที่จะก้มหน้า แต่กลับหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วพูดกับฮวงเฟิง “คุณฮวง เรามาดื่มกันเถอะค่ะ”
หลังจากพูดจบเสี่ยวฮั่นก็กระดกไวน์เข้าปากทันที แต่เพราะเธอไม่เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก่อน ทำให้เธอเกือบสำลักไวน์ และใบหน้าน่ารักขึ้นสีแดงก่ำ
“นี่เธอ..ไม่รู้วิธีดื่มเหรอ?”ฮวงเฟิงเอ่ยถามพลางจิบไวน์ในแก้วเข้าปากไปหนึ่งอึก
จากนั้นหญิงสาวที่มีชื่อว่าเสี่ยวฮั่นเพิ่งเรียนวิธีดื่ม ก็ได้ลองจิบไวน์ตามอีกกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อยนัก.ไอลีนโนเวล.
”ค..ค่ะ”เสี่ยวฮั่นตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใช่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ลองดื่มไวน์
ฮวงเฟิงรู้สึกตกใจทันทีที่ได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายเพราะโดยปกติผู้หญิงอย่างเสี่ยวฮั่นและผู้หญิงคนอื่น ๆ ในบาร์จำเป็นต้องดื่มเก่ง
เนื่องจากหน้าที่หลักของพวกเธอคือการบริการดื่มและพูดคุยกับแขกที่มาที่บาร์ หากวันไหนแขกที่มาดื่มได้เยอะ พวกเธอก็จะได้ค่าตอบแทนเพิ่ม
ด้วยเหตนี้ในตอนที่อีกฝ่ายบอกฮวงเฟิงว่าเธอเพิ่งเคยดื่มไวน์เป็นครั้งแรก ฮวงเฟิงจึงรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
”เอ่อ.. คือว่า…วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันมาทำงานที่นี่ค่ะ….” อาจเป็นเพราะเธอสังเกตเห็นความสงสัยผ่านดวงตาของฮวงเฟิง
แม้ว่าเสี่ยวฮั่นจะยังรู้สึกเขินอายแต่เธอก็เลือกที่จะอธิบายให้ฮวงเฟิงเข้าใจ แน่นอนว่าวันนี้ เสี่ยวฮั่นไม่ได้ต้องการมาที่นี่เพียงเพื่อดื่มไวน์เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ฮวงเฟิงจึงได้รู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ดื่มไวน์ และมันอาจจะช่วยเธอได้ในอนาคต
ฮวงเฟิงพยักหน้ารับและไม่ถามอะไรอีกมีผู้หญิงนั่งดริ้งหลายคนที่ชอบที่จะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกของพวกเธอ ผิดกับเสี่ยวฮั่นที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ ที่ไม่ว่าจะมองยังไง อีกฝ่ายก็ไม่เหมือนกับคนที่กำลังที่พูดโกหกอยู่เลย
แม้ว่าฮวงเฟิงจะไม่กล้าพูดได้เต็มปากว่าในดวงตามีเปลวไฟแห่งความจริงจังลุกโชนแต่หญิงสาวคนนี้เป็นคนไหวพริบดี
หากครั้งนี้เสี่ยวฮั่นสามารถเล่นละครตบตาเขาได้ แสดงว่าทักษะการแสดงของเธอคงอยู่ในระดับยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
หลังจากนั้นทั้งสองก็ร่วมดื่มและพูดคุยกัน ฮวงเฟิงไม่ได้พูดอะไรมากความ และเสี่ยวฮั่นก็ไม่ได้ดื่มหนัก
ด้วยเหตุนี้ฮวงเฟิงจึงไม่บังคับให้เธอดื่มหากเธอไม่ต้องการ
ในทางกลับกันเจิ้งฉ่วยและอีกคนกำลังสนุกได้ที่ ทั้งสองยกไวน์ขึ้นมาดื่มสลับกับการสนทนาจนสติเริ่มเลือนลาง ในตอนนี้ สองมือของเจิ้งฉ่วยเริ่มอยู่ไม่นิ่งเสียแล้ว
เสี่ยวฮั่นร้องเพลงให้เขาฟังสองสามเพลงน้ำเสียงของเสี่ยวฮั่นดีมาก ถึงเธอจะไม่เคยฝึกร้องเพลงแบบจริงๆจังๆ แต่เธอก็ยังสามารถร้องเพลงได้ไพเราะและน่าฟังมาก
ในตอนที่ฮวงเฟิงและเสี่ยวฮั่นพักยกเจิ้งฉ่วยก็สวมกอดผู้หญิงคนนั้นและร่วมร้องเพลงกับเธอ
ในตอนที่ร้องเพลงอยู่นั้นทั้งสองก็คลอเคลียกันไปโดยไม่สนว่าที่ตรงนั้นยังมีแขกคนอื่นอยู่ ท่าทางไร้ยางอายนี้ทำให้เสี่ยวฮั่นไม่กล้าหันกลับไปมองพวกเขาอีก
ส่วนฮวงเฟิงในตอนนี้กลับไม่รู้สึกอะไรใบหน้าของเขาเรียบนิ่ง อาจเป็นเพราะพิษของแอลกอฮอล์ที่เขาดื่มเข้าไป ทำให้เขารู้สึกว่าสมองของเขาเริ่มหมุนติ้ว