ซางเจี้ยนเย่าเดินตรงไปหาพวกเขาแล้วพูดกับหุ่นยามจักรกล
“คุณดูสิ
“คุณเป็นมนุษย์ ผมเองก็เป็นมนุษย์… ”
เขายังไม่ทันพูดจบประโยค แสงสีน้ำเงินในดวงตาของหุ่นสมองกลตนนั้นสว่างวาบขึ้น
นี่ทำให้ ‘การอนุมาน’ ต่อจากนั้นของซางเจี้ยนเย่าถึงกับชะงักติดอยู่ในลำคอ ราวกับว่าเตรียมจะเลือกสรรเปลี่ยนไปใช้ถ้อยคำใหม่
แล้วตอนนี้เอง หุ่นสมองกลตนนั้นก็ส่งเสียงที่แฝงอารมณ์ออกมา
“คุณคือมนุษย์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตพื้นฐานคาร์บอน คนแรกที่ยอมรับพวกเราชาวหุ่นสมองกลว่าเป็นมนุษย์เหมือนกัน”
ในขณะที่พูดเขาก็ยื่นมือขวาออกมา
จังหวะที่พวกเจี่ยงไป๋เหมียนหลงเยว่หงกำลังตกตะลึงตาค้างอยู่นั้น ซางเจี้ยนเย่าก็ยื่นมือขวาออกไปด้วย ‘ความคุ้นเคย’ และสัมผัสกับฝ่ามือโลหะสีดำเย็นเยียบนั่น
“ทีหลังถ้ามีเรื่องอะไรก็ไปหาผมได้” หุ่นสมองกลเขย่ามือกับเขาสองสามครั้ง “ผมชื่ออัลฟ่า สจ๊วต”
“ได้เลย!” ซางเจี้ยนเย่าตอบรับอย่างไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย “นับจากนี้ไป พวกเราเป็นเพื่อนกัน”
“ใช่ๆๆ เป็นเพื่อนกัน!” อัลฟ่ารู้สึกมีความสุขมากในเรื่องนี้
ไม่ต้องใช้ ‘ตัวตลกชักจูง’ ก็สร้างเพื่อนได้ด้วย… เจี่ยงไป๋เหมียนพลันสงสัยขึ้นมาทันทีว่านี่อาจเป็นภาพหลอนก็ได้
“ยืนยันได้แล้ว ไม่มีปัญหาแน่นอน” ซางเจี้ยนเย่าหันกลับมาแล้วให้ข้อสรุปด้วยสีหน้าจริงจัง
เพื่อความรอบคอบ เจี่ยงไป๋เหมียนจึงพูดคุยกับมนุษย์สองคนที่ติดตามอัลฟ่ามาด้วยเพื่อพิสูจน์ตัวตนของพวกเขา
หลังจากเสร็จเรื่องพวกนี้แล้ว เธอก็ส่งมอบแผนผังด่านป้องกันให้กับอัลฟ่าและคนอื่นๆ ก่อนจะขึ้นรถตัวเองขับกลับไปยังทาร์นันอย่างช้าๆ เพราะต้องคอยตรวจสอบสภาพถนนอย่างละเอียดตลอดเส้นทาง
* * * * *
เวลา 8.30 น. ณ ห้องประชุมขนาดใหญ่ อาคารศาลาว่าการ
โจวเยว่ หลี่เจ๋อ ไมค์ อีกทั้งผู้รับผิดชอบนิกายใหญ่ประจำท้องถิ่น รวมไปถึงประธานสมาคมนักล่ากู้ป๋อ ทีมไป๋เซียวหลินถง ทีมเฉียนไป๋ กัปตันยามจักรกลเกอนาวา ทั้งหมดมารวมตัวกัน ณ สถานที่แห่งนี้เพื่อเตรียมหารือเรื่องที่พวกเขาได้เผชิญมา
นี่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ที่พวกเขาได้พบจาก ‘คนไร้ใจขั้นสูง’ ตนนั้นเพื่อหาแรงบันดาลใจในการรับมือ
ไป๋เซียวผู้มีกระโหลกครึ่งเสี้ยวทอประกายโลหะเป็นตัวแทนของทีมไป๋เซียวอธิบายประสบการณ์และสิ่งที่ได้พบหลังจากเข้าสู่ภูเขาโดยสังเขป เมื่อเกอนาวาได้รับทราบข่าวคราวพวกพ้องก็ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
“ขอให้พวกเขาไปสู่สุขคติ” เจ้าเมืองเกอนาวาทอดถอนใจแล้วหันไปทางพวกเจี่ยงไป๋เหมียน “ดูเหมือนพวกคุณได้เจอกับภาพหลอนมาหลายครั้งเลยสินะ”
“ใช่” เจี่ยงไป๋เหมียนผงกศีรษะเบาๆ
ว่ากันตามตรงก็คงต้องบอกว่าเธอไม่เข้าใจความเศร้าโศกและหนักใจของเกอนาวาสักเท่าไหร่
ตามความรู้ความเข้าใจที่มี หุ่นสมองกลย่อมไม่ ‘เสียชีวิต’ อย่างง่ายๆ พวกมันควรจะมีการสำรองชุดคำสั่งหลักหรือชิ้นส่วนโมดูลหลักเอาไว้ เมื่อถึงคราวเคราะห์ก็ค่อยนำอะไหล่มาประกอบกันขึ้นมา กลายเป็นตัวตนใหม่พร้อมใช้โดยไม่ต้องรอคลอดแล้วเลี้ยงไปอีกสิบแปดปีกว่าจะโตจนใช้การได้
แต่ช่วงเวลาในขณะนี้ย่อมไม่เหมาะที่จะมาศึกษาปัญหาข้อนี้ เธอร้อง “เฮ้อ” รับมาคำหนึ่ง
“ฉันขอสรุปสั้นๆ ก็แล้วกัน”
เธอเพิ่งจะพูดขาดคำ ซางเจี้ยนเย่าก็เปิดกระเป๋าเป้ยุทธวิธีแล้วหยิบลำโพงสีขาวน้ำเงินยื่นส่งมาที่เบื้องหน้า
“…” เจี่ยงไป๋เหมียนไม่ทราบจะตอบอะไรไปชั่วขณะ
“ระบบเสียงที่นี่ดีเยี่ยมพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ของนั่นหรอก” เกอนาวาหยุดพฤติกรรมเรื่องนี้ของเขา
ที่สำคัญคือบนโต๊ะประชุมเองก็มีไมโครโฟนเช่นกัน เพียงแต่มันอยู่ค่อนข้างห่างจากเจี่ยงไป๋เหมียนพอควร
รอจนซางเจี้ยนเย่าวางลำโพงลง เจี่ยงไป๋เหมียนก็ปรับอารมณ์ตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มอธิบายเกี่ยวกับเรื่องภาพหลอนของ ‘ทีมไป๋เซียวปลอม’ ‘ประสบการณ์เผชิญความตาย’ และเรื่อง ‘เจียงเสี่ยวเยว่กระโดดตึกฆ่าตัวตาย’
เธอไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่หลงเยว่หงได้รับผลกระทบจากภาพหลอน เพียงแค่อธิบายถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องโดยใช้กรณีตัวอย่างที่แต่งขึ้นมาเพื่อบรรยายเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน เพราะถึงอย่างไรในการประชุมนี้ก็มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ให้คนอื่นๆ เข้าใจถึงสถานการณ์โดยรวม จะได้เตรียมแผนการไว้รับมือ ไม่จำเป็นต้องเจาะลึกลงรายละเอียดทุกอย่าง
ขอเพียงแค่ให้บรรลุวัตถุประสงค์ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปสนใจว่าเรื่องตัวอย่างที่ยกมานั้นจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงหรือแต่งขึ้นมา
“เจียงเสี่ยวเยว่…” พวกของไป๋เซียว หลินถง เหลย จางเส้าเผิง ต่างก็สบสายตาแล้วส่ายหน้าสั่นศีรษะ บ่งบอกว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
เจี่ยงไป๋เหมียนมุ่งความสนใจไปยังโจวเยว่ ทว่าสีหน้าของเจ้าอารามนั้นว่างเปล่า
เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็ไม่ทราบว่าเหตุใด ‘คนไร้ใจขั้นสูง’ ตนนั้นถึงได้สร้างภาพหลอนเรื่องที่เจียงเสี่ยวเยว่กระโดดตึกฆ่าตัวตาย
เฉกเช่นเดียวกับหลี่เจ๋อที่สวมเสื้อคลุมยาวสีแดงเพลิง และไมค์ที่ตอนนี้ไม่ได้สวมผ้ากันเปื้อนอีกแล้ว
ทันใดนั้นเกอนาวาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับว่ากำลังอ่านเนื้อหาข้อมูลอยู่
“เจียงเสี่ยวเยว่ ไอดอลสาวผู้โด่งดังจากโลกเก่า เป็นเพราะข่าวออกเดตกับเศรษฐีวัยกลางคนที่แต่งงานแล้ว ไช่หมิงเต๋อ ทำให้ต้องสิ้นสุดเส้นทางในสายอาชีพ เธอจึงตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตายที่บ้านตัวเอง…”
นี่มัน… หลงเยว่หงและคนอื่นๆ รู้สึกตกตะลึงไปครู่ใหญ่
หลังจากเกอนาวาอธิบายความหมายของคำว่า ‘ไอดอล’ จบ ผู้ที่ตอบสนองเร็วที่สุดนั้นไม่ใช่เจี่ยงไป๋เหมียน แต่เป็นซางเจี้ยนเย่า เขาประสานมือทั้งคู่แต่ไม่ได้ตบ จากนั้นก็พูดอย่างทอดถอนใจ
“เป็นโศกนาฏกรรมแท้ๆ”
ถึงตอนนี้เจี่ยงไป๋เหมียนจึงได้ตระหนักขึ้นมา
‘สวรรค์จักรกล’ เก็บข้อมูลดิจิทัลจากโลกเก่าเอาไว้มากมายมหาศาล เกอนาวาใช้ระบบภายในหรือไม่ก็ใช้การเชื่อมต่อผ่านระบบฐานข้อมูลไร้สาย เพียงแค่สืบค้นเล็กน้อยก็ได้ข้อมูลของเจียงเสี่ยวเยว่ออกมาแล้ว
เมื่อดูแบบนี้ก็เห็นได้ว่าพวกเขารู้เรื่องต่างๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว… เจี่ยงไป๋เหมียนเริ่มเต็มไปด้วยความคาดหวังในการตั้งตารอ ‘การแลกเปลี่ยน’ กับ ‘ซอร์สเบรน’
“ที่แท้แล้วนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง…” โจวเยว่อดทอดถอนใจไม่ได้ “ตอนแรกฉันยังคิดว่านี่เป็นแค่เนื้อหาในซีรีส์จากโลกเก่าที่ ‘คนไร้ใจขั้นสูง’ ตนนั้นเพิ่งจะดูก่อนเขาป่วยเสียอีก”
ซีรีส์เหรอ… เจ้าอารามโจว คุณกับมาดามเจ้าของโรงแรมน่าจะคุยกันถูกคอนะ ไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นเพื่อนซี้ขาซีรีส์ก็ได้… แต่ปัญหาเดียวก็คือพอคุณหันหน้าไปปุ๊บก็จำหน้าเพื่อนคนนี้ไม่ได้แล้วนะสิ… ระหว่างที่เจี่ยงไป๋เหมียนแอบพึมพำอยู่ในใจอยู่นั้น หลินถงจากทีมไป๋เซียวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับ ‘คนไร้ใจขั้นสูง’ นั่นด้วยล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน มีความเป็นไปได้มากเกินไป” เกอนาวาตอบออกมาตามตรง
เจี่ยงไป๋เหมียนรีบพูดเสริมขึ้น
“ผู้การเกอนาวา หลังจบประชุมแล้วช่วยปรินท์ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องให้หน่อยได้ไหม เราอยากจะลองดูว่าพอจะหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์จากข้อมูลนี้ได้บ้างหรือเปล่า
“ถ้าหากสามารถคลี่คลายได้ว่าทำไม ‘คนไร้ใจขั้นสูง’ ตนนั้นถึงได้มุ่งมั่นในเรื่องนี้นัก ก็อาจทำให้เขารามือจากทาร์นันไปก็ได้”
“ได้สิ” เกอนาวาขยับลำคอซึ่งทำจากโลหะ “ทางเราเองก็จะวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้วย”
“พวกเราก็ขอด้วยเหมือนกัน” ไป๋เซียวเองก็ต้องการเช่นกัน
โจวเยว่กับคนอื่นๆ ก็ทยอยแจ้งความต้องการของตน
หลังจากการหารือแลกเปลี่ยนเมื่อครู่ ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ‘คนไร้ใจขั้นสูง’ ตนนั้นมีความยึดมั่นกับทาร์นันจนผิดปกติ จึงหวังจะหาเบาะแสจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพลวงตา
เกอนาวายอมรับทุกคำขอ
หลังจากที่โจวเยว่ หลี่เจ๋อ และคนอื่นๆ ที่เหลือได้ถ่ายทอดสิ่งที่ตนประสบพบมาจนหมด สุดท้ายเกอนาวาก็สรุปผล
“กลยุทธ์ในตอนนี้ก็คือการเน้นป้องกันเป็นหลักเพื่อไม่ให้เป้าหมายเข้ามาในทาร์นันได้โดยเด็ดขาด แล้วรอจนกว่าผู้ชำนาญการของ ‘นิกายมังกรพยับ’ กับกำลังเสริมจาก ‘สวรรค์จักรกล’ ของพวกเราเดินทางมาถึงแล้วค่อยลงมือจัดการกับเขา”
“ผู้ปกป้องมายาฝัน…” โจวเยว่แย้งเรื่องชื่อเรียก
ไม่ใช่ผู้ชำนาญการเสียหน่อย…
เกอนาวาผงกศีรษะ
“ใช่ ผู้ชำนาญการในด้านจัดการภาพมายาและความฝัน”
โจวเยว่ได้ยินแต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรอีก ร้อง “อืม” ออกมาคำหนึ่ง
* * * * *
ณ โรงแรมฝันนิทรา
‘ทีมสำรวจเก่า’ นอนจนกระทั่งเที่ยงวันแล้วตื่นมากินอะไรง่ายๆ รองท้อง จากนั้นก็รอให้หุ่นยนต์ผู้ช่วยเดินทางมาถึง
พวกมันเปลี่ยนจากขาเดินเป็นล้อ ขนส่งพัสดุกองใหญ่ท่วมหัวมายังห้อง 221
“มากขนาดนี้เชียว” เจี่ยงไป๋เหมียนแปลกใจไม่น้อย
“ใช่” หุ่นยนต์ผู้ช่วยพูดด้วยน้ำเสียงสังเคราะห์ทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างชัดเจน “ผู้การเกอนาวาขจัดส่วนที่เป็นข้อมูลซ้ำซ้อนออกไปแล้ว”
นี่มันถมห้องนั่งเล่นได้เลยนะเนี่ย… ปฏิกิริยาแรกของหลงเยว่หงนั้นไม่ใช่การสงสัยว่าทำไมไอดอลจากโลกเก่าถึงได้มีข้อมูลเกี่ยวข้องมากมายถึงขนาดนี้ แต่เป็นความรู้สึกว่าสิ้นเปลืองกระดาษโดยใช่เหตุ
บนแดนธุลีนั้นนอกจากสถานที่เพียงไม่กี่แห่งอย่างเช่นทาร์นัน กระดาษเองก็นับว่าเป็นทรัพยากรมีค่าเช่นกัน เพียงแค่ว่ามันไม่ใช่ผลิตภัณฑ์หลักในสายการผลิตเท่านั้น
ซางเจี้ยนเย่ากล่าวด้วยใบหน้าเสียใจ
“ลืมบอกเกอนาวาไปว่าพวกเราเองก็มีคอมพิวเตอร์”
หุ่นยนต์ผู้ช่วยชะงักไปเล็กน้อย
“ทำไมพวกคุณไม่บอกก่อน…”
“ถึงจะไม่ได้พูด แต่การที่พวกคุณจะจัดหาคอมพิวเตอร์มาให้พวกเราใช้ทำงานชั่วคราวสักสองสามเครื่องก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องเหนือบ่ากว่าแรง
เสียหน่อย” เจี่ยงไป๋เหมียนถามด้วยความโมโหระคนขบขัน
หุ่นยนต์ผู้ช่วยตอบกลับทันที
“คำขอของคุณคือให้ปรินท์ และพวกเราก็ดำเนินการตามความประสงค์”
“นั่นมันคำพูดติดปาก พวกคุณจะถามยืนยันกับเราหน่อยไม่ได้หรือไง…” เจี่ยงไป๋เหมียนยังไม่ทันพูดจบประโยคก็หยุดไปก่อน
นั่นเป็นเพราะเธอนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
จะไปเถียงกับหุ่นยนต์ทำไม แถมยังจะไปถกเรื่องเหตุผลกันอีก…
“พวกเราไม่มีโปรแกรมให้ทำแบบนั้น” หุ่นยนต์ผู้ช่วยที่เป็นหัวหน้าพูดขึ้น “ถ้าคุณต้องการข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลตอนนี้ พวกเราสามารถจัดหาให้ได้”
“ได้” เจี่ยงไป๋เหมียนรู้สึกว่าการอ่านข้อมูลบนคอมพิวเตอร์นั้นสะดวกกว่า เพราะสามารถค้นหา เปรียบเทียบ และทำเครื่องหมายกำกับได้
ในเวลาต่อมา ‘ทีมสำรวจเก่า’ บางครั้งก็พลิกเปิดดูเอกสารที่เป็นหน้ากระดาษ บางครั้งก็ค้นหาจากข้อมูลดิจิทัล หวังว่าจะสามารถสกัดข้อมูลอันมีค่าจากกองข้อมูลไร้ประโยชน์จำนวนมหาศาลของไอดอลจากโลกเก่าคนนี้ออกมาได้
ระหว่างที่อ่านๆ ไปเรื่อยๆ จู่ๆ ไป๋เฉินก็โพล่งขึ้นมา
“เจียงเสี่ยวเยว่ยังไม่ตาย”
ทั้งเจี่ยงไป๋เหมียน ซางเจี้ยนเย่า และหลงเยว่หง ต่างก็หันขวับมามองเธอเป็นตาเดียว
พวกเขากำลังไล่อ่านข้อมูลช่วงต้นๆ ของเจียงเสี่ยวเยว่กันอยู่
“หลังจากที่เธอกระโดดลงมาจากอาคารแล้ว ยังไม่ได้เสียชีวิตทันที แต่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ตกอยู่ในสภาพผัก” ไป๋เฉินสรุปเนื้อหาข่าวที่อ่านมา
เมื่อเจี่ยงไป๋เหมียนได้ยินก็เคาะแป้นพิมพ์ค้นหาข้อมูลดิจิทัลขึ้นมา
เพียงพริบตาเธอก็ได้เห็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
‘การกู้ชีพเจียงเสี่ยวเยว่ไม่ประสบความสำเร็จ เกรงว่าจะอยู่ในสภาพผัก’
‘แพทย์เจ้าของไข้พูดเป็นการส่วนตัวว่าโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมานั้นต่ำมาก…’
‘พ่อแม่เจียงเสี่ยวเยว่ติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถาบันการแพทย์ที่ต่างประเทศ…’
‘อดีตขวัญใจคนทั้งประเทศจะฟื้นจากเจ้าหญิงนิทราขึ้นมาได้หรือไม่…’
‘…’
ระหว่างที่ค้นหาไปเรื่อยๆ เจี่ยงไป๋เหมียนก็ได้ยินหลงเยว่หงทอดถอนใจอย่างสะเทือนอารมณ์
“สาวงามขนาดนั้นกลับมีชะตาชีวิตกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปซะได้”
เจ้าหญิงนิทรา… สภาพผัก… เจี่ยงไป๋เหมียนขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกคุ้นเคยกับคำนี้อย่างประหลาด
ตอนนี้ซางเจี้ยนเย่าก็เอ่ยปากถามขึ้น
“หลังจากนั้นล่ะ”
“นายก็ค้นเองสิ…” เจี่ยงไป๋เหมียนตอบปฏิเสธไปโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่ตอบกลับไปเธอก็เริ่มค้นหาผลลัพธ์ว่าสุดท้ายแล้วเจียงเสี่ยวเยว่จะลงเอยเช่นไร สามารถฟื้นขึ้นมาได้หรือค่อยๆ ตายลงไปอย่างช้าๆ
ระหว่างค้นๆ ไป เจี่ยงไป๋เหมียนก็พบกระทู้ที่น่าจะเป็นเว็บบอร์ดสนทนาแบบไม่เป็นทางการ
เนื้อหาของกระทู้คือ
‘ข่าวชัวร์ ไม่มั่วนิ่ม รับประกันฟันธง! พ่อแม่เจียงเสี่ยวเยว่ลงชื่อในข้อตกลงเป็นอาสาการทดลอง และย้ายเธอไปที่โรงพยาบาลที่ไหนแห่งทางภาคเหนือเพื่อไปรักษาในรูปแบบใหม่ที่นั่น หวังว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาได้…’
ข้อตกลงเป็นอาสาการทดลอง… โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง… สภาพผัก… รักษาในรูปแบบใหม่… เจี่ยงไป๋เหมียนอ่านคำสำคัญพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมา
แล้วทันใดนั้นเธอก็ลุกพรวดขึ้นมา ร้องใส่ซางเจี้ยนเย่ากับคนอื่นๆ
“พวกนาย… พวกนายจำเวชระเบียนแผ่นนั้นได้ไหม แผ่นที่เอากลับมาจากซากปรักโรงงานเหล็กน่ะ!”
เวชระเบียนแผ่นนั้นเป็นของผู้หญิงชื่อ ฟ่านเหวินซือ เธอมีอาการมองเห็นลูกชาย ‘เมื่อเร็วๆ นี้’ แต่ลูกชายเธอนั้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่หลายปีก่อน เป็นคนไข้อยู่ในสภาพผัก และถูกส่งไปที่ไหนสักแห่งในภาคเหนือเพื่อทำการรักษารูปแบบใหม่ในฐานะอาสาสมัคร
นี่คล้ายกับสถานการณ์ของเจียงเสี่ยวเยว่มาก!
การเชื่อมโยงระหว่างคนทั้งคู่ที่อาจเป็นไปได้นี้ ทำให้ร่างของเจี่ยงไป๋เหมียนถึงกับสั่นเทิ้ม หนังศีรษะชาหนึบ
* * * * *