ตอนที่ 77 ปราชัย
ตอนนี้ ไพร่พลถูกโจมตีจนแตกกระจายไม่เป็นขบวนแล้ว แม่ทัพที่บัญชาการกองทหารม้ากำลังตะโกนสั่งการ เตรียมรวมพลตั้งขบวนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง ไพร่พลของซางเฉาจงที่ตีฝ่าทะลวงกองทัพของฝ่ายศัตรูยังคงเป็นระเบียบไม่เสียขบวน พวกเขาวกกลับมาแล้ว ไม่ปล่อยให้ศัตรูได้มีโอกาสหายใจ กลับมารุกไล่สังหารอีกครั้ง
เมื่อเทียบกันแล้ว ฝ่ายหนึ่งวุ่นวายไร้ระเบียบ อีกฝ่ายหนึ่งรวมกลุ่มบุกโจมตี ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว นี่คือความแตกต่างที่ส่งผลร้ายแรงถึงชีวิตเมื่ออยู่บนสนามรบ
เมื่อเห็นขบวนโจมตีควบม้ารุกคืบเข้ามา แม่ทัพบัญชาการของฝ่ายกองโจรเขี้ยวหมาป่าชูทวนขึ้นพลางตะเบ็งเสียงตะโกนกร้าว “รวมพล! เร็วเข้า เร็ว…” เพิ่งจะตะโกนออกไปได้ไม่กี่คำ ใบหน้าเขาก็เผยให้เห็นถึงความรู้สึกหวาดกลัว
ซางเฉาจงถือดาบง้าวพุ่งตรงเข้ามาหาเขา ตวัดดาบฟันลงมา ถูกเขาใช้คันทวนปัดออกไป แต่ด้านหลังซางเชาจงกลับยังมีประกายดาบกวัดแกว่งตามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คล้ายสายน้ำที่หนุนเนื่องเข้ามาไม่ขาดสาย ทำให้แม่ทัพผู้นั้นมือไม้ปั่นป่วน บนร่างเขาถูกฟันจนมีโลหิตสาดกระจายออกมาหลายสาย ตัวคนพลิกตกจากหลังม้า ถูกม้าที่วิ่งตะลุยเข้ามาเหยียบย่ำร่างจนกลายเป็นเศษเนื้อแหลกเหลว
แม่ทัพบัญชาการถูกจัดการแล้ว กองทัพที่ยังตั้งรูปขบวนไม่เสร็จอย่าว่าแต่จะรวมกลุ่มบุกโจมตีเลย กระทั่งจะจัดรูปขบวนเพื่อตั้งรับการโจมตีจากอีกฝ่ายก็ยังทำไม่ทัน ซางเฉาจงคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ควบม้านำกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญบุกตะลุยไปทั่วดุจเพลิงโหมสายลมกระหน่ำ บดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า สังหารทัพศัตรูตกตายไปตลอดทาง เสียงกรีดร้องโหยหวนแว่วระงม เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเข่นฆ่าเช่นนี้ มีกองโจรเขี้ยวหมาป่าจำนวนไม่น้อยที่บังคับม้าบ่ายหน้าหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ขวัญกำลังใจกระเจิดกระเจิง
ทหารม้านับพันกลับสู้ทหารม้าห้าร้อยนายไม่ได้ เข้าปะทะกันเพียงสองครั้ง ก็แตกพ่ายอย่างย่อยยับ!
ฉากสังหารอันทรงพลังนี้ สร้างความตื่นตะลึงแก่หนิวโหย่วเต้าเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นการต่อสู้นองเลือดเช่นนี้มาก่อน แม้จะเคยเห็นการต่อสู้กันของกลุ่มแกงค์ที่มีจำนวนนับร้อยมาไม่น้อย แต่มันไม่อาจเทียบกับการสู้รบแบบนี้ได้เลย หากนำมาเทียบกับศึกนี้แล้วเรียกได้ว่าเหมือนกับพวกนกกระจิบนกกระจอกมารวมกลุ่มกัน คล้ายเด็กน้อยเล่นขายของที่ไม่อาจนำมาอวดอ้างได้ ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจวิถีศึกบนหลังม้า แต่เขาก็ยังมองออกถึงความแตกต่างระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งจำเป็นต้องได้รับคำสั่งอยู่ตลอดเวลา ดูค่อนข้างเหลาะแหละหละหลวมอย่างเห็นได้ชัด อีกฝ่ายไม่ว่าจะไปทางไหนก็เป็นหนึ่งเดียวอยู่เสมอ ประสานงานกันอย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพสูง ทุกที่ที่ธงรบเคลื่อนผ่านล้วนราบเป็นหน้ากลอง!
หยวนกังเพียงรู้สึกเลือดลมเดือดพล่าน สองหมัดกำแน่นแล้วแน่นอีก
“ข้าต้องคิดหาวิธีเอาวิธีฝึกฝนของกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญมาให้ได้…” เฟิ่งรั่วหนานพึมพำกับตัวเอง กองทหารที่มีจำนวนไม่ถึงห้าร้อยนายเข้าปะทะกับทหารนับพัน จู่โจมเพียงสองครั้งก็ทำให้อีกฝ่ายปราชัยได้แล้ว เรื่องนี้สร้างความตกตะลึงให้นางเช่นเดียวกัน
กระทั่งตัวนางก็ยังต้องยอมรับว่าหากเปลี่ยนให้ตนนำทัพนับพันเข้าปะทะกับซางเฉาจง เกรงว่าคงมีจุดจบไม่ต่างกัน
สถานการณ์บนสนามรบไม่เปิดโอกาสให้นางได้คิดมาก การที่ซางเฉาจงเอาชนะกองทหารม้าของอีกฝ่ายได้ ทำให้นางสบโอกาสอย่างรวดเร็ว
นางรู้ดีว่าการทำศึกในพื้นที่ราบเช่นนี้ กองทหารม้าคืออาวุธที่ทรงอานุภาพมากที่สุด ตอนนี้อาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุดของฝ่ายศัตรูได้ถูกซางเฉาจงบดขยี้ลงแล้ว ทหารราบที่เหลืออยู่ยากจะต้านรับการโจมตีจากทหารม้าของทางนี้ได้ นางชูทวนออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว “ทหารม้าปีกซ้ายเข้าโจมตีกองทหารราบของศัตรูจากทางซ้าย ปีกขวาโจมตีจากทางขวา ตีกระหนาบจากทั้งสองด้าน!”
“ฆ่า!” แม่ทัพบัญชาการปีกซ้ายตะโกนเสียงดัง นำกองทหารม้าสองร้อยนายบุกโจมตี
“ฆ่า!” แม่ทัพบัญชาการปีกขวาก็นำกองทหารม้าสองร้อยนายเข้าโจมตีศัตรูจากทางขวา
“ทั้งหมดบุก!” เฟิ่งรั่วหนานในชุดแดงตะโกนสั่งการ สะบัดบังเหียน นำทัพทหารราบสี่พันนายที่อยู่ทางด้านหลังบุกโจมตี
“กององครักษ์เลิศล้ำองอาจ! ไม่ผิดแน่! ผู้ที่นำทัพผู้นั้นคือซางเฉาจง!” ในที่สุดเซี่ยงอู่เหรินที่นำกองทัพทหารราบรุกคืบเข้ามาก็มั่นใจ เขาเคยเห็นซางเฉาจงมาก่อน และนี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่เบื้องบนส่งเขามา เขาชี้ไปทางซางเฉาจงแล้วตะโกนออกมา
พวกเหยียนตั๋วสีหน้าตึงเครียด คาดไม่ถึงอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าซางเฉาจงที่เป็นแม่ทัพเอกจะเป็นคนนำทัพเข้าห้ำหั่นสังหารด้วยตัวเอง พวกเขายังคิดอยู่เลยว่าหลังจากทัพใหญ่เข้าปะทะพัวพันแล้วค่อยฉวยโอกาสลงมือจะสะดวกกว่า
เซี่ยงอู่เหรินเอ่ยเร่ง “จับเขามา! รีบไปจับตัวเขา!” เขารู้ดี ขอเพียงจัดการซางเฉาจงได้ ต่อให้กองทัพจะปราชัยที่นี่ แต่เขาก็ยังนับว่ามีชัย
“ไป!” เหยียนตั๋วตะโกน ผู้บำเพ็ญเพียรหลายสิบคนพุ่งตัวออกไปพร้อมเขา เหินทะยานออกไป
เมื่อทางนี้มีความเคลื่อนไหว ไป๋เหยาที่จับตามองอย่างใกล้ชิดจากฝั่งตรงข้ามก็ทะยานออกมาจากหลังม้าทันที นอกจากผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองคนหนึ่งที่คอยคุ้มกันเฟิ่งรั่วหนานแล้ว ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ทั้งหมดล้วนออกโรงพร้อมกัน มิใช่ว่าไป๋เหยาไร้เยื่อใย หากแต่ถ้าว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว เฟิ่งรั่วหนานสำคัญไม่เท่าซางเฉาจง
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองสองคนของสำนักหยกสวรรค์ที่ถูกส่งออกมาคุ้มกันก่อนหน้านี้ปรากฏตัวขึ้นมาทันที ร่อนลงมาจากฟ้า ตะโกนบอกซางเฉาจง “ถอย!”
ทั้งคู่ร่อนลงบนหลังม้าของซางเฉาจง ปลายเท้าแตะเล็กน้อย หิ้วปีกซางเฉาจงขึ้นมาคนละข้าง พาซางเฉาจงออกจากหลังม้า เหินทะยานพาซางเฉาจงออกจากสนามรบ
“ท่านหญิง ตามท่านอ๋องไปพ่ะย่ะค่ะ!” หลานรั่วถิงกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วตะโกนขึ้นมา
ซางซูชิงบังคับม้าหักเลี้ยวทันที แบกธงรบไว้ ไล่ตามซางเฉาจงที่ถูกพาออกไปจากสนามรบ
บนสนามรบมีเสียงสู้รบดังสนั่น คนที่อยู่ห่างไกลออกไปย่อมได้ยินไม่ชัดเจนว่าพูดอะไร ทว่ากององครักษ์รู้เพียงแต่ว่าต้องติดตามธงรบไป ซางซูชิงแบกธงรบไปทางไหน ม้าหุ้มเกราะของเหล่าองครักษ์ย่อมติดตามไปที่นั่น
เงาร่างมนุษย์เหินทะยานอยู่กลางอากาศ ไป๋เหยาที่พุ่งออกมาเป็นคนแรกเข้าปะทะกับเหยียนตั๋วที่พุ่งนำออกมากลางอากาศ แสงเยียบเย็นส่องวาบขึ้น ไป๋เหยาชักกระบี่ออกมา เหยียนตั๋วกรีดร้องโหยหวน ร่วงหล่นจากอากาศ ไป๋เหยาเหยียบแผ่นหลังเหยียนตั๋วที่เสียมือไปข้างหนึ่ง ทะยานขึ้นสู่อากาศอีกครั้ง โผเข้าใส่คนอื่นต่อ
“ยิง!” เซี่ยงอู่เหรินตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
เมื่อเผชิญหน้ากับกองทหารม้าที่ตีโอบเข้ามาทั้งซ้ายขวา ขบวนทหารราบตั้งโล่ป้องกันขึ้นมา พลธนูที่อยู่ด้านหลังโล่กำบังยิงธนูออกไปราวห่าฝน
กองทหารม้าที่กระหนาบโจมตีจากสองฝั่งซ้ายขวายกโล่กำบังขึ้นมากันไว้ด้านหน้า มีม้าศึกทรุดฮวบลงไปเป็นระยะ ล้มอยู่ท่ามกลางห่าธนู
แม่ทัพบัญชาการที่เข้าโจมตีปีกซ้ายเหวี่ยงลูกตุ้มดาวตกออกไป เกิดเสียงดังตู้ม ลูกตุ้มพุ่งกระแทกใส่โล่กำบังที่ตั้งขวางอยู่เบื้องหน้า ม้าศึกเองก็พุ่งกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรง แรงโจมตีที่มหาศาลเช่นนี้ทำให้แนวโล่กำบังเกิดช่องโหว่ขึ้นมาจุดหนึ่ง หอกยาวหลายเล่มทิ่มแทงออกมาจากด้านหลัง ม้าศึกร้องโหยหวนโลหิตพุ่งกระฉูด แม่ทัพปีกซ้ายลากลูกตุ้มดาวตกกลิ้งตัวไปกับพื้น เหวี่ยงโล่กำบังในมือปัดป้องหอกยาวที่ทิ่มแทงเข้าใส่ ลูกตุ้มดาวตกในมือถูกเหวี่ยงแนบไปกับพื้น กวาดทหารฝ่ายศัตรูจนล้มระนาว
เหนือศีรษะของเขาขึ้นไป ม้าศึกที่พุ่งทะยานตามหลังมากระโดดขึ้น ทยอยกระโจนข้ามหัวเขาไป บุกทะลวงเข้าไปในกองทหารราบ ฉีกกระชากแนวป้องกันออกเป็นช่องในทันที ทหารม้าจากด้านหลังบุกทะลวงเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
กองทหารม้าปีกขวาก็เข้าจู่โจมเช่นกัน บุกทะลวงเข้าไปในกองทหารราบ สร้างภัยเสียหายให้แก่กองทหารราบอย่างร้ายแรง เดิมทีคนก็ไม่สามารถต้านทานการปะทะของม้าศึกได้อยู่ แล้วนี่ยังเป็นกองทหารม้าที่บุกโจมตีเข้ามาเป็นรูปขบวนอีก เรียกได้ว่าบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า ไม่มีสิ่งใดจะขัดขวางได้ ทุกที่ที่กองทหารม้าเคลื่อนผ่านไปจะมีเสียงร้อยโหยหวนดังระงม
เฟิ่งรั่วหนานที่นำทัพรุดหน้าเข้าโจมตีไม่สนใจกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญที่อ้อมผ่านไป เมื่อเห็นว่ากองทัพศัตรูเข้ามาอยู่ในระยะธนูแล้ว เสียงทุ้มต่ำของแตรเขาสัตว์พลันดังขึ้น ทหารม้าที่บุกตะลุยเข้าในขบวนทัพของศัตรูพุ่งออกไปด้านนอกทันที ทหารราบสามพันนายของทางฝั่งเฟิ่งรั่วหนานตะโกนว่าฆ่าขึ้นมา ทั้งหมดพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วพลธนูหนึ่งพันนายน้าวสายเชิดคันธนูขึ้นสู่ฟ้า ทันทีที่เสียงสั่งการ “ยิง” ดังขึ้น ห่าธนูก็พากันแหวกอากาศพุ่งออกไป ลอยเฉียดหัวพวกไป๋เหยาที่ต่อสู้อยู่กลางอากาศไปดังฟิ้วๆๆ พวกไป๋เหยาสะดุ้งโหยง รีบร่อนลงพื้น ในระหว่างที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดไม่ควรใช้พลังคุ้มกาย เพราะจะทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก หากถูกลูกธนูจำนวนมากขนาดนี้ยิงเข้าคงไม่ใช่เรื่องตลก
ห่าธนูถูกยิงออกไปอย่างรวดเร็ว เงาธนูแหวกผ่านอากาศไประลอกแล้วระลอกเล่า ไหลบ่าเข้าสู่กองทัพฝ่ายตรงข้าม ไม่ทราบว่ายิงถูกคนมากน้อยเท่าไร เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นไม่ขาดสาย
กระทั่งฝั่งนั้นเริ่มยกโล่กำบังป้องกันด้านบนแล้ว เสียงแตรเขาสัตว์ก็ดังทุ้มขึ้นมาอีกครั้ง กองทหารม้าสองกองก็รุกไล่เข้าโจมตีกองโจรเขี้ยวหมาป่าต่อ
เวลานี้ ทัพกองโจรเขี้ยวหมาป่าตกอยู่ในความโกลาหล ทหารราบสามพันนายของเฟิ่งรั่วหนานตะโกนคำว่าฆ่าดังลั่นอีกครั้ง มีขวัญกำลังใจอยู่เพียงฝ่ายเดียว ขวัญกำลังใจของทัพกองโจรเขี้ยวหมาป่าพังทลายลงหมดแล้ว เริ่มมีคนหลบหนีไป กลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรที่ต้องหลบห่าธนูลงมาต่อสู้กันบนพื้นพลันจมหายไปท่ามกลางทัพจู่โจมสามพันนาย คมดาบคมทวนนับไม่ถ้วนแทงสวนกันวุ่นวาย เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักยังคงกวัดแกว่งอาวุธเข้าฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง ปราณกระบี่ถูกปลดปล่อยออกมา ดูละลานตาราวสายรุ้งของจริง ปราณดาบสะบั้นออกไป ลงมือเพียงครั้งหนึ่งก็ล้มคนได้เป็นเบือ พลังทำลายล้างน่าตกตะลึง แต่กลับไม่ได้มีความน่ากลัวอันใดสำหรับคลื่นการโจมตีนี้เลย มีคนฝืนสกัดกระบี่ของศิษย์สำนักหยกสวรรค์เอาไว้ แต่ก็ยังถูกทวนยาวหลายเล่มแทงทะลุจากทางด้านหลัง จึงแหงนหน้าแผดเสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวพลางโจมตีกลับไปจนทหารล้มระเนระนาด แต่หลังจากนั้นก็ต้องทรุดฮวบลงทันทีเพราะคมดาบคมทวนที่รุมโจมตีเข้ามา ขบวนทหารที่ตามหลังมาเหยียบย่ำร่างเขาบุกตะลุยต่อไป
เฟิ่งรั่วหนานกุมบังเหียนร้องสั่งการ พลธนูหนึ่งพันนายที่อยู่รอบกายวางคันธนูลง ฉวยดาบคว้าทวนร้องตะโกนว่าฆ่า พุ่งออกไปโจมตีกองทัพศัตรู
ไพร่พลของซางเฉาจงถอยกลับมาอยู่ข้างกายนางแล้ว
ไป๋เหยาที่เข่นฆ่าผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักไปสิบกว่าคนพุ่งตัวออกจากขบวนทัพอันวุ่นวาย ทะยานกลับมาอย่างรวดเร็ว ไล่ตามผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักหลายคนที่พุ่งเข้าไปหาเฟิ่งรั่วหนาน
ผู้บำเพ็ญเพียรโอสถทองทั้งสองคนที่พาซางเฉาจงกลับมาพยักหน้าส่งสัญญาณให้ผู้บำเพ็ญเพียรโอสถทองที่คุ้มกันเฟิ่งรั่วหนานอยู่ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่อากาศ สกัดขวางผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักหลายคนที่มุ่งหน้าเข้ามา ทว่าทั้งสองสกัดไว้ได้แค่คนละคนเท่านั้น มีผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักสามคนที่เบี่ยงตัวหลบพวกเขาแล้วพุ่งเข้าไปหาเฟิ่งรั่วหนาน
เฟิ่งรั่วหนานโบกมือสั่งการด้วยความใจเย็น ทหารม้าหนึ่งร้อยนายที่อารักขาอยู่รอบกายน้าวสายโก่งคันธนู ห่าธนูพุ่งฉิวออกไป ยิงใส่ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักที่ทะยานเข้ามา
ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักทั้งสามซัดฝ่ามือออกไปอย่างต่อเนื่อง ระเบิดห่าธนูที่ยิงเข้ามาจนระเบิดกระจาย
“พลหน้าไม้! ยิงเป็นระลอก!” ซางเฉาจงตะโกนขึ้นมาในเวลาเดียวกับที่เฟิ่งรั่วหนานสั่งการ กององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญหยิบหน้าไม้ออกมาจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว คนหลายร้อยคนยิงศรออกไปเป็นระลอกอย่างต่อเนื่อง ป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้าประชิดได้ ยื้อยุดกับอีกฝ่ายไว้ ถ่วงเวลาให้ไป๋เหยาที่กำลังกลับมา
เมื่อเห็นไป๋เหยาที่ดูคล้ายเทพสงครามทะยานกลับมา ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักทั้งสามพลันแยกตัวออกเป็นสองทางทันที หลบหนีอย่างว่องไว ทราบดีว่าพลาดโอกาสแล้ว กระโจนหลบหนีเข้าไปในส่วนลึกของทุ่งกว้างรกร้าง
ขวัญกำลังใจของฝั่งเซี่ยงอู่เหรินพังทลายลงแล้ว ทหารแตกพ่ายล้มตายเป็นกอง เซี่ยงอู่เหรินร้องตะโกนสักกี่ครั้งก็ยากจะหยุดการพังทลายลงของขวัญและกำลังใจได้ เขาทุบอกตนดัง ‘ปั่ก!’ ทหารม้าหนึ่งพันนาย ทหารชั้นยอดหนึ่งหมื่นนาย พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถถึงเพียงนี้ ไม่คิดเลยว่าทหารม้าหนึ่งพันนายของตนปะทะกับการจู่โจมจากกองทหารของซางเฉาจงแล้วจะแพ้ไม่เป็นท่าเช่นนี้
เมื่อทราบว่าล้มเหลวแน่แล้ว ยากจะกู้สถานการณ์กลับมาได้อีก เซี่ยงอู่เหรินก็นำทหารม้าสิบกว่านายหลบหนีไปท่ามกลางเหล่าทหารที่กำลังหนีทัพ มีกองทหารม้ากลุ่มหนึ่งไล่ล่าสังหารพวกเขาอยู่ด้านหลัง
เมื่อเห็นทัพใหญ่พ่ายสงคราม อีกทั้งไป๋เหยากลับไปอยู่ข้างกายเป้าหมายอีกครั้ง จึงทราบดีว่าหมดโอกาสแล้ว กลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักห้าหกคนที่ต่อสู้อยู่ก็รีบผละออกจากคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว เหินทะยานขึ้นสู่นภา หลบหนีไปคนละทิศคนละทาง ศิษย์สำนักหยกสวรรค์มิได้ตามล่าสังหารอีก หากแต่ย้อนกลับมาคุ้มกันทางฝั่งนี้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าทัพศัตรูแตกพ่ายหนีหายเข้าป่าไปแล้ว ยากจะรวมพลได้อีก เฟิ่งรั่วหนานก็สั่งให้ตีฆ้องส่งสัญญาณให้ทหารถอยกลับมา
เสาธงที่เอนล้มลงมาถูกหลานรั่วถิงที่อยู่ข้างๆ พยุงไว้ หลานรั่วถิงเหลียวหน้ากลับไปมอง ก่อนจะตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
ซางซูชิงร่างส่ายโอนเอน ใครบางคนตะโกนด้วยความตระหนกตกใจ “ท่านหญิงบาดเจ็บ!”
ซางเฉาจงหันขวับทันที รีบเข้าไปหา กางแขนทั้งสองข้างอุ้มซางซูชิงลงมาจากม้าศึก เมื่อตรวจสอบดูถึงได้พบว่า แผ่นหลังของซางซูชิงถูกอาวุธบางอย่างฟันเป็นแผลขนาดใหญ่ บนร่างเปรอะเปื้อนโลหิตผู้อื่น หากไม่สังเกตให้ดีก็ไม่มีทางทราบเลยว่านางได้รับบาดเจ็บ
ซางเฉาจงที่ผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชนมองเพียงแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าน้องสาวอยู่ในสภาวะเสียเลือดมากเกินไป ก่อนหน้านี้น้องสาวไม่ปริปากพูดเลย คอยฝืนค้ำยันธงรบไม่ให้ล้มลงมา ดวงตาซางเฉาจงพลันแดงก่ำ ตะเบ็งเสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “ฝ่าซือ!”
……………………………………………………………………