ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ตอนที่ 147 ขาดทุนครั้งใหญ่

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 147 ขาดทุนครั้งใหญ่

ตอนที่ 147 ขาดทุนครั้งใหญ่

“เต้าเหยี่ยกล่าวถูกแล้วเจ้าค่ะ” เฮยหมู่ตานหัวเราะแห้งๆ

แม้นปากจะกล่าวไปเช่นนั้น ทว่าภายในใจกลับไม่เห็นด้วย ท่านทำแบบนี้เรียกคบหาสหายได้ด้วยหรือ? นี่มันคือการเอาเงินฟาดหัวต่างหากล่ะ!

นางเองก็เพิ่งเคยเจอคนแบบนี้เป็นครั้งแรก ไปทางไหนก็เอาแต่พูดปาวๆ ว่าคบหาสหาย ตอนปล่อยชุยหย่วนกับเหยาโหย่วเลี่ยงไปก็บอกว่าคบหาสหาย โยนเงินก้อนใหญ่ให้อวิ๋นฮวนก็บอกว่าคบหาสหาย อะไรๆ ก็เรียกว่าเป็นการคบหาสหายไปเสียหมด ใช่สหายแน่หรือ? ไม่มีคนที่พึ่งได้เลยสักคน!

ความจริงแล้วยังคนที่ไม่น่าเชื่อถืออยู่อีก เพียงแต่นางไม่รู้ก็เท่านั้น ตัวอย่างเช่นเฉินกุยซั่วที่ปล่อยตัวไปตอนอยู่ที่มณฑลจินโจว นั่นก็บอกว่าเป็นการคบหาสหายเช่นกัน

แต่ไม่ว่าอย่างไร การที่กล้าดั้นด้นเข้าไปทำเรื่องเหลวไหลในเขาข้ามเมฆา ลากอวิ๋นฮวนมาสวมบทบาทเป็นพี่น้องเสร็จก็ออกมา เฮยหมู่ตานนับว่าได้เห็นแล้วว่าความกล้าของเต้าเหยี่ยผู้นี้ไม่ธรรมดา เชี่ยวชาญในการเดินท่องไปในความเสี่ยง!

ทันทีที่ทั้งสองคนกลับมาถึงสถานที่ซ่อนตัวภายในป่า คนอื่นๆ ที่รออยู่ก็ล้อมวงเข้ามาหาทันที เมื่อเห็นว่าทั้งสองกลับมาอย่างปลอดภัย ต่างก็ถอนใจด้วยความโล่งอก

หยวนฟางเอ่ยด้วยความแปลกใจ “เต้าเหยี่ย เหตุใดถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะขอรับ? ไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ?”

มันก็เร็วจริงอย่างที่เขาว่ามา ตั้งแต่ไปจนกลับมาน่าจะไม่เกินหนึ่งชั่วยาม

เฮยหมู่ตานมีสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย นึกในใจ เร็วอย่างนั้นหรือ? ยังมีเรื่องที่เร็วกว่านี้อีกนะ ใช้เวลาในการเข้าพบอวิ๋นฮวนไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เต้าเหยี่ยผู้นี้ก็ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับท่านผู้ดูแลแห่งเขาข้ามเมฆาได้แล้ว อยู่ที่นั่นเรียกขานกันเป็นพี่เป็นน้อง ราวกับเด็กน้อยเล่นขายของก็มิปาน คาดว่าหากเล่าเรื่องนี้ออกไปคงไม่มีผู้ใดเชื่อแน่!

“ไม่เป็นไร พวกเราเดินทางต่อเถอะ” หนิวโหย่วเต้าโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคน

หยวนฟางร้อง “โอ้” คำหนึ่ง ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คำสั่งที่กำชับเอาไว้ก่อนหน้านี้ทำให้เขากังวลใจเล็กน้อย ในเมื่อกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีก

ทั้งคณะวิ่งขึ้นไปบนทางหลวง ควบม้าทะยานไปอีกครั้ง

…..

บนหน้าผา ข้าวของประกอบพิธีถูกเคลื่อนย้ายออกไปจนหมดอย่างรวดเร็ว บนยอดเขาที่อยู่สูงขึ้นไป ใต้ต้นสนต้นหนึ่ง อวิ๋นฮวนนั่งร่ำสุราอยู่ข้างลานหินตามลำพัง

เงาร่างของโหวฉิงเทียนเหินทะยานขึ้นมา ลอยลงด้านข้าง เอ่ยว่า “ท่านผู้ดูแลขอรับ มีการค้ามาเสนอขอรับ”

อวิ๋นฮวนยกการินสุราช้าๆ พลางเอ่ยถามว่า “การค้าอะไร?”

โหวฉิงเทียนตอบว่า “ซื้อชีวิตขอรับ ราคาสูง สองหมื่นเหรียญทอง วางมัดจำก่อนห้าพันเหรียญทอง หลังทำงานสำเร็จค่อยจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นห้าพันเหรียญทองขอรับ!”

อวิ๋นฮวนเอ่ยว่า “ชีวิตของผู้ใดถึงมีราคาสูงขนาดนี้? ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว หากเกินขอบเขตความสามารถของพวกเราก็อย่ารับ”

โหวฉิงเทียนกล่าวตอบ “ตัวตนของเป้าหมาย ทางผู้จ้างวานไม่ได้เปิดเผยข้อมูลขอรับ เพียงแต่คนกลางที่มาเจรจายืนยันว่าสภาวะของเป้าหมายไม่เกินระดับสร้างฐาน เป้าหมายมีพรรคพวกติดตามมาห้าคน ด้านพลังคาดว่าน่าจะไม่สูงไปกว่าระดับสร้างฐานเช่นกันขอรับ ทั้งยังรับประกันด้วยว่าไม่มีกลุ่มอิทธิพลใดๆ อยู่เบื้องหลัง”

“ไม่เปิดเผยตัวตนของเป้าหมายอย่างนั้นหรือ?” อวิ๋นฮวนวางจอกสุราที่ยกขึ้นมาถึงริมฝีปากลง “ไม่ทราบฐานะตัวตนแล้วจะลงมือได้อย่างไร”

โหวฉิงเทียนเอ่ยว่า “คนกลางบอกว่าจะนำทางพวกเราไปหาเป้าหมาย ไม่ต้องลำบากพวกเราไปสืบหาเองขอรับ”

“วันนี้มีเรื่องแปลกๆ เยอะจริง” อวิ๋นฮวนพึมพำ ลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ไปเจรจาใหม่ บอกคนกลางว่าไม่บอกฐานะตัวตนของเป้าหมายทำให้มีความเสี่ยง คิดเพิ่มอีกหมื่นเหรียญทอง วางมัดจำหนึ่งหมื่น หากไม่ตกลงก็ไม่รับ แต่แน่นอน ให้เจ้าสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายด้วย หากว่าอีกฝ่ายไม่ตกลง เจ้าก็ถอยให้ก้าวหนึ่ง สองหมื่นก็สองหมื่นแล้วกัน เรื่องนี้เจ้าจัดการได้เลย ระวังด้วย” กล่าวพลางโบกมือไล่

“ขอรับ” โหวฉิงเทียนประสานมือคำนับ เหินกายจากไป

ทว่าสุราอวิ๋นฮวนยังพร่องไปได้ไม่ถึงครึ่งกา ลูกน้องอีกคนที่มีนามว่าจูฉางกุ้ยก็เหินทะยานเข้ามา สาวเท้าเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าแล้วรายงานว่า “ท่านผู้ดูแลขอรับ มีมนุษย์บุกรุกเข้ามาในภูเขาขอรับ”

อวิ๋นฮวนหันขวับทันที “ผู้ใด?”

จูฉางกุ้ยตอบว่า “พวกเขาแจ้งว่าเป็นศิษย์ของสำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่องและสำนักคีรีพิลาสขอรับ บอกว่าไล่ตามคนร้ายมา ต้องการให้พวกเราช่วยอำนวยความสะดวกด้วยขอรับ”

“เจ้านั่นมันล่อคนมาจริงๆ หรือนี่?” อวิ๋นฮวนพึมพำ แก้มกระตุกยิกๆ เขาไม่มีทางทำตามที่รับปากหนิวโหย่วเต้าเอาไว้ โบกมือไล่อย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย กล่าวว่า “บอกว่าที่นี่ไม่มีคนที่พวกเขาตามหา และที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเขานึกอยากค้นก็จะมาค้นได้ ให้พวกเขาไสหัวไปซะ!”

“ขอรับ!” จูฉางกุ้ยประสานมือรับคำสั่ง กระโดดลงไปจากยอดเขา เหยียบอากาศทะยานออกไป

เดินทางตัดผ่านม่านหมอกมาถึงพื้นที่รอบนอกของเขาข้ามเมฆา ร่อนลงในหุบเขาที่ไม่อนุญาตให้ใครผ่านเข้าออก

ผู้มาเยือนอย่างกะทันหันก็คือพวกเกาซู่ชง อู่เฉียนเฮ่าและเลี่ยวเซินที่ไล่ตามเบาะแสมาตลอดทาง ยามนี้ถูกปีศาจบำเพ็ญเพียรหลายสิบตนปิดล้อมไว้ตรงกลาง

จูฉางกุ้ยร่อนลงกลางวงล้อม เอ่ยตะคอกว่า “ช่วยถามให้พวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ามาตามหาผิดที่แล้ว ที่นี่ไม่มีคนที่พวกเจ้าตามหา รีบไสหัวไปซะ!”

เกาซู่ชงเอ่ยเสียงขรึม “จะมีหรือไม่มี อย่างน้อยก็ต้องให้พวกเราลองหาดูก่อนถึงจะรู้กระมัง?”

จูฉางกุ้ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ที่นี่ใช่สถานที่ที่พวกเจ้านึกอยากค้นก็ค้นได้อย่างนั้นหรือ? หากวันหน้าพวกเราไปขอค้นสำนักเซียนสถิตของพวกเจ้าบ้าง สำนักเซียนสถิตของพวกเจ้าจะยินยอมหรือ?”

เกาซู่ชงกล่าวว่า “หากว่ามีหลักฐานยืนยันอันใดจริงๆ เรื่องจะให้ค้นหรือไม่ย่อมต้องคุยกันได้”

จูฉางกุ้ยถาม “เช่นนั้นพวกเจ้ามีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าคนที่พวกเจ้าตามหาอยู่ที่เขาข้ามเมฆา?”

“มานี่!” เกาซู่ชงหันหน้ากลับไปตะโกนเรียก ศิษย์คนหนึ่งเดินเข้ามา เขายื่นมือไปจับนกใฝ่หอมที่ร้องจิ้บๆ ตัวหนึ่งออกมาจากกรงที่ศิษย์คนนั้นสะพายไว้บนหลัง แสดงให้อีกฝ่ายดู “รู้จักหรือไม่? พวกเราตามนกใฝ่หอมมาตลอดทาง ไม่มีทางผิดพลาดแน่ เบาะแสของเหยื่อหอมยังอยู่ นี่นับเป็นหลักฐานหรือไม่?”

เมื่อครู่พวกเขาติดตามนกใฝ่หอมอีกตัวหนึ่งมา ผลคือเมื่อนกใฝ่หอมตัวนั้นบินมาถึงที่นี่ก็ถูกงูพิษสีสันฉูดฉาดตัวหนึ่งที่อยู่บนต้นไม้ลอบจู่โจม หลบไม่พ้น ถูกจับกินไปแล้ว!

จูฉางกุ้ย “บางทีเหยื่อหอมอาจจะอยู่อีกฟากของเขาข้ามเมฆาก็ได้? นกใฝ่หอมบิดลัดผ่านที่นี่มันก็เป็นเรื่องปกติหรือเปล่า”

เลี่ยวเซินเอ่ยแทรกขึ้นมา “พวกเราไล่ตามมาตลอดทาง สถานการณ์เป็นอย่างไรทราบแก่ใจดี ตอนนี้ข้าจะถามเจ้าเพียงประโยคเดียว เขาข้ามเมฆาจะเป็นปรปักษ์กับสำนักเมฆาล่อง สำนักเซียนสถิตและสำนักคีรีพิลาสใช่หรือไม่? หากว่าใช่ ขอเพียงเจ้าพูดออกมา พวกเราจะจากไปทันที วันหน้าค่อยกลับมาคิดบัญชีนี้!”

อีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้ ต้องกลายเป็นศัตรูกับสามสำนักพร้อมกัน จูฉางกุ้ยเองก็ตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้เช่นกัน จึงหันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ เล็กน้อย อีกฝ่ายหันหลังทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานนัก อวิ๋นฮวนก็มาถึง ด้านหลังมีคนกลุ่มหนึ่งตามมาด้วย

อวิ๋นฮวนร่อนลงตรงหน้าคนของสามสำนัก กวาดตามองนกใฝ่หอมที่อยู่ในมือเกาซู่ชง คาดเดาได้พอสมควรว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่น่าจะมีคนบุกเข้ามาวางเหยื่อหอมในเขาข้ามเมฆาโดยที่ทางฝั่งเขาไม่รู้ตัวได้ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นสารเลวเซวียนหยวนเต้าคนนั้นที่แอบโยนเหยื่อหอมทิ้งไว้ตอนเข้ามาในเขาข้ามเมฆา

ประกอบกับก่อนหน้านี้หนิวโหย่วเต้าเคยแจ้งไว้ชัดเจนว่าสามสำนักนี้จะมา ดังนั้นจะไม่ให้คิดว่าเป็นฝีมือหนิวโหย่วเต้าก็คงเป็นไปได้ยาก

“ท่านผู้ดูแลอวิ๋น” เกาซู่ชง เลี่ยวเซินและอู่เฉียนเฮ่าประสานมือคำนับ

ที่นี่อยู่ห่างเมืองไจซิงไม่นับว่าไกล บางครั้งบางคราวอวิ๋นฮวนก็ไปที่เมืองไจซิงเช่นกัน พวกเขาสามคนประจำอยู่ที่เมืองไจซิง แม้นจะไม่นับว่ารู้จักกัน แต่ก็เคยเห็นหน้าอวิ๋นฮวนอยู่บ้าง

“ได้ยินว่าสำนักเมฆาล่อง สำนักเซียนสถิตและสำนักคีรีพิลาสอยากมีปัญหากับเขาข้ามเมฆาของข้าอย่างนั้นหรือ?” อวิ๋นฮวนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

เกาซู่ชงเอ่ยว่า “ท่านผู้ดูแลอวิ๋นกล่าวผิดแล้ว วันวานไร้ความคับข้องปัจจุบันไร้ความคับแค้น ไหนเลยจะอยากมีปัญหาอันใดได้ เพียงแต่มีผู้ต้องสงสัยก่อคดีร้ายแรงหนีเข้ามาในเขาข้ามเมฆาจริงๆ จึงอยากขอให้ท่านผู้ดูแลไว้หน้าสักครั้ง ให้พวกเราไล่ตามเบาะแสต่อไป”

อวิ๋นฮวนกล่าวว่า “ไว้หน้าน่ะได้ แต่คำขู่ไม่มีประโยชน์ ข้าถามเพียงประโยค มีสิทธิ์อะไร?”

มิใช่ว่าเขาอยากจะช่วยหนิวโหย่วเต้าจัดการเรื่องนี้ แต่มีใครเขาปล่อยให้คนนอกเข้านอกออกในบ้านของตัวเองตามอำเภอใจบ้าง หากเขาตอบตกลง เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

เกาซู่ชงผงกหัวนิดๆ “ท่านผู้ดูแลอวิ๋นกล่าวได้ดี แต่ท่านผู้ดูแลอวิ๋นทราบหรือไม่ว่าคนที่พวกเราไล่ตามคือใคร?”

อวิ๋นฮวนใจเต้นเล็กน้อย ดูเหมือนคนเหล่านี้จะทราบฐานะที่แท้จริงของคนผู้นั้น จึงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยไปทันทีว่า “ลองว่ามาสิ”

เกาซู่ชงจึงเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีนามว่าหนิวโหย่วเต้า สังหารซ่งหลงราชทูตแคว้นเยี่ยนที่มณฑลจินโจว เป็นอาชญากรคนสำคัญของราชสำนักแคว้นเยี่ยน!”

“…..” อวิ๋นฮวนตะลึงไปทันที เซียนหยวนเต้า…หนิวโหย่วเต้า…

หนิวโหย่วเต้ามิได้มีชื่อเสียงเพราะความแข็งแกร่ง หากแต่การสังหารราชทูตของแคว้นแคว้นหนึ่งมิใช่เรื่องเล็กๆ หนิวโหย่วเต้าสังหารซ่งหลง ชื่อเสียงจึงขจรขจายไปทั่วหล้า แพร่กระจายเลื่องลือไปในเจ็ดแคว้น มีชื่อเสียงทั้งในโลกบำเพ็ญเพียรและโลกปุถุชนพร้อมกัน เว้นเสียแต่จะอยู่ในสถานที่ที่ตัดขาดจากข่าวสารภายนอก มิเช่นนั้นก็แทบจะไม่มีใครไม่เคยได้ยินเรื่องนี้

อวิ๋นฮวนพลันเกิดความคิดอยากสบถออกมา ไม่เคยนึกฝันเลยว่าเซวียนหยวนเต้าก็คือหนิวโหย่วเต้า เขาไหนเลยจะคาดคิดว่าอาชญากรคนสำคัญของแคว้นเยี่ยนจะวิ่งมาที่เขาข้ามเมฆาของเขา ควักเงินออกมาทีเดียวสองแสนเหรียญทอง ทั้งตัวเองยังหน้ามืดตามัวไปร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับเขาด้วย!

เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าตนจะไปร่วมสาบานส่งเดช คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือคนหนึ่ง ถึงแม้ด้านอิทธิพลและความแข็งแกร่งจะสู้เขาไม่ได้ แต่ด้านชื่อเสียงกลับกระฉ่อนเลื่องลือกว่าเขานัก หลงนึกว่าจะได้กำไร กลับกลายเป็นขาดทุนครั้งใหญ่!

ในบรรดาลูกน้องที่อยู่ด้านหลังมีหลายคนที่ก่อนหน้านี้เป็นสักขีพยานในการร่วมสาบานเป็นพี่น้องของเขากับหนิวโหย่วเต้า แต่ละคนลอบเหงื่อตกเล็กน้อย หากปล่อยให้คนอื่นทราบว่าท่านผู้ดูแลแห่งเขาข้ามเมฆาสาบานเป็นพี่น้องกับหนิวโหย่วเต้า ไม่ทราบเช่นกันว่าราชสำนักแคว้นเยี่ยนจะหมายหัวทางนี้ด้วยหรือเปล่า กลุ่มอิทธิพลในโลกบำเพ็ญเพียรที่ราชสำนักของแคว้นแคว้นหนึ่งสามารถเรียกใช้ได้นั้นมีอยู่ไม่น้อยเลย

อวิ๋นฮวนเองก็เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในวาจาของเกาซู่ชงเช่นกัน ไม่เพียงแต่อ้างชื่อสำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่องและสำนักคีรีพิลาสเท่านั้น แต่อีกฝ่ายกำลังยกราชสำนักแคว้นเยี่ยนมากดดันเขาด้วย แต่เขาเองก็ไม่กลัวเช่นกัน เพราะที่นี่อยู่ในเขตแคว้นจ้าว แต่ถึงกระนั้นเขาเองก็ไม่คิดจะหาเรื่องเดือดร้อนอันใดใส่ตัวเช่นกัน

“อย่างนี้นี่เอง เอาล่ะ ไม่ว่าสิ่งที่พวกเจ้าว่ามาจะเป็นความจริงหรือไม่ ครั้งนี้ข้าจะยอมไว้หน้าสักครั้ง แต่ศักดิ์ศรีเขาข้ามเมฆาของข้าก็มิใช่สิ่งที่จะมาเหยียบย่ำกันได้ง่ายๆ เช่นกัน ข้าจะยอมให้พวกเจ้าตรวจค้นก็ได้ แต่ถ้าหาคนที่พวกเจ้าต้องการตัวไม่พบ พวกเจ้าก็ต้องมอบคำอธิบายให้ข้าเหมือนกัน!” อวิ๋นฮวนเอ่ยอย่างเย็นชา

เลี่ยวเซินเอ่ยว่า “ท่านผู้ดูแลอวิ๋นต้องการคำอธิบายเยี่ยงไร?”

“ผู้ที่บุกเข้าไปในเขาข้ามเมฆาของข้าต้องตาย ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่!” อวิ๋นฮวนหัวเราะหยัน ต้องการกดดันอีกฝ่ายให้ยอมแพ้แล้วถอยไป

เกาซู่ชง เลี่ยวเซินและอู่เฉียนเฮ่ามีสีหน้ามืดครึ้มลงทันที ก่อนจะไล่ตามเข้ามาที่นี่ ทั้งสามได้วิเคราะห์กันมาแล้วว่าถ้าหากหนิวโหย่วเต้าเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้ เช่นนั้นเขาจะต้องได้รับการคุ้มครองของเขาข้ามเมฆาเป็นแน่ มิเช่นนั้นจะบุกเข้าไปในแหล่งรวมตัวของเหล่าปีศาจแห่งนี้ได้อย่างไร การจะตามหาตัวคนที่นี่แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย

แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังฝืนลุยเข้ามา เพราะถ้าไม่พยายามให้เต็มที่ก็ยากจะกลับไปอธิบายกับทางสำนักได้

ทั้งสามเองก็ทราบเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาบุกมาถึงที่นี่แล้ว หากหนิวโหย่วเต้าสมคบกับเขาข้ามเมฆาจริง เกรงว่าเขาคงจะรู้เรื่องที่พวกตนมาถึงนี่แล้ว ไม่ว่าหนิวโหย่วเต้าจะหลบหนีไปแล้วหรือยัง แต่เขาข้ามเมฆาคงไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาได้มีข้ออ้างจัดการอาชญากรคนสำคัญของแคว้นเยี่ยนเช่นกัน

แต่นี่ก็เป็นคำอธิบายที่พวกเขาต้องการอยู่พอดี ตลอดทางที่ตามเบาะแสมา บางครั้งนกใฝ่หอมก็สัมผัสรับรู้ถึงร่องรอยของเหยื่อหอมได้ แต่บางครั้งก็สัมผัสไม่ได้ พวกเขาจึงทราบว่าตนถูกหลอกแล้ว

ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเรียบร้อยแล้ว มีคำอธิบายให้กับทางสำนักแล้ว มิใช่ว่าพวกเขาไม่พยายามอย่างเต็มกำลัง แต่เป็นเพราะเขาข้ามเมฆาเข้ามาขัดขวาง ทางนี้มีกำลังน้อยกว่า มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาข้ามเมฆา

เกาซู่ชงกัดฟันกล่าวว่า “ดี บัญชีครั้งนี้พวกเราจดจำไว้แล้ว”

อวิ๋นฮวนเอ่ยอย่างดูแคลน “อย่ามาใช้ลูกไม้นี้กับข้าเลย กระทั่งตัวพวกเจ้าก็ยังไม่มีความมั่นใจ ตัวเองยังไม่แน่ใจว่าคนอยู่ที่เขาข้ามเมฆาจริงหรือไม่ ยังกล้ามาขู่ข้าอีกหรือ?”

“พวกเราไป!” เกาซู่ชงตวาดกร้าว หันหลังพาคนอื่นๆ ทะยานจากไป

ทางฝั่งนี้ก็ไม่ได้ขวางพวกเขาไว้เช่นกัน เพียงส่งคนสะกดรอยตามดูพวกเขาจากไป

อวิ๋นฮวนค่อยๆ หันกลับมากวาดตามองเหล่าปีศาจ เอ่ยกำชับน้ำเสียงดุดัน “จงจำใส่หัวไว้ให้ดี อย่าได้แพร่งพรายเรื่องที่ไม่สมควรพูดออกไปแม้แต่คำเดียว มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าทิ้งซะ!”

คนที่ทราบเรื่องต่างพยักหน้า รู้ดีว่าเขาหมายถึงเรื่องร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับหนิวโหย่วเต้า

……………………………………………………………………

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

Status: Ongoing
ใต้หล้ากว้างใหญ่…จะลมก็ดี จะฝนก็ช่าง ไม่มีอะไรจะขวางข้าได้!นิยายแปลกำลังภายในเลือดเดือดร้อยเล่ห์กล พระเอกฉลาดมากไหวพริบ ฉากบู๊มันสะใจ!เมื่อปรมาจารย์แห่งการขุดสุสานผู้หลงใหลในการบำเพ็ญเพียรได้หลุดเข้าไปในยุคสมัยโบราณอันวุ่นวายเพราะไฟสงครามด้วยโชคชะตาวาสหนาหนุนนำ ทำให้เขาได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาและต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อสยบใต้หล้าเอาไว้ในกำมือ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท