ตอนที่ 151 ฟาดฟันกันลับๆ
ผนึกบนร่างคนเลี้ยงม้าถูกคลายออกอย่างเร่งด่วน จากนั้นร่างกายกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรงอยู่หลายครั้ง ตาโปนถลนไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว โลหิตสีดำไหลซึมลงมาจากมุมปาก
ต้วนหู่มีสีหน้ากระอักกระอ่วน “เต้าเหยี่ย เป็นข้าที่ประมาทไปขอรับ”
เร่งเดินทางกลับมา เทียวไปเทียวมา ไม่ง่ายเลยกว่าจะระบุตัวเป้าหมายได้ กำลังคิดจะเค้นถามถึงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง ผลสุดท้ายกลับถูกเขาทำให้เสียงาน จึงรู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง
หนิวโหย่วเต้าดึงเสื้อตัวหนึ่งที่อยู่ในห้องมาไว้ในมือ จากนั้นโยนลงบนพื้น ใช้ปลายเท้าดันข้างลำคอคนเลี้ยงม้าอย่างรวดเร็ว กันไม่ให้คราบเลือดตรงมุมปากไหลหยดลงบนพื้นไม้กระดาน จากนั้นหันไปเอ่ยว่า “โทษเจ้าไม่ได้หรอก ผู้ใดจะรู้ล่ะว่าสายสืบคนหนึ่งในจุดพักม้าจะเป็นหน่วยกล้าตาย…เพียงแต่ครั้งต่อไปต้องระวังหน่อย”
“ขอรับ!” ต้วนหู่พยักหน้ารับอย่างเก้อกระดาก เรื่องนี้เขาจัดการได้ไม่ดีจริงๆ
หนิวโหย่วเต้ากวาดมองไปรอบห้อง “ค้นดูให้ละเอียด อย่าพลาดเบาะแสน่าสงสัยใดๆ ไป ข้าวของที่พลิกรื้ออย่าลืมวางกลับไว้ที่เดิม”
“ขอรับ!” ต้วนหู่ตอบรับ ลงมือรื้อหีบค้นตู้หาเบาะแสทันที
หนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่ได้อยู่เฉยเช่นกัน ทว่าเขาไม่ได้เร่งร้อนลงมือ หากแต่ยกมือไพล่หลังค่อยๆ มองสำรวจไป
ไม่นานนัก กรงนกถูกค้นลงมาจากบนฝ้าเพดานหลังคา ด้านในมีขนของปีกทองอยู่สองสามอัน หนิวโหย่วเต้ายกขึ้นมาดูเล็กน้อย จากนั้นให้เขาวางกลับไว้บนฝ้าเพดานตามเดิม
เมื่อพลิกฟูกนอนออกก็พบกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกพับไว้ ต้วนหู่เปิดออกดู ตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยเรียก “เต้าเหยี่ย ท่านดูนี่สิขอรับ!”
หนิวโหย่วเต้าที่ย่อตัวตรวจสอบร่างของคนเลี้ยงม้าอยู่เงยหน้าขึ้น รับไปถือในมือ ม่านตาที่จ้องมองภาพพลันหดตัวลง ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เอ่ยถาม “เหมือนข้าหรือไม่?”
ต้วนหู่เอ่ยตอบ “ใบหน้าคล้ายคลึงอย่างน้อยเจ็ดถึงแปดส่วนขอรับ ประกอบกับเต้าเหยี่ยรวบผมไว้ด้านหลังด้วย จึงมีความเหมือนถึงเก้าส่วนขอรับ”
สีหน้าหนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ตึงเครียด เขาวาดภาพน้ำหมึกเป็น ถึงขั้นที่สามารถวิเคราะห์ภาพวาดและอักษรโบราณได้ด้วยว่าจริงหรือปลอม กล่าวในอีกแง่คือเป็นผู้เชี่ยวชาญ มองเพียงแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าภาพเหมือนนี้มิได้ถูกวาดขึ้นมา หากแต่ถูกพิมพ์ออกมา!
เขาค่อยๆ หันกลับไปมองคราบเลือดตรงมุมปากคนเลี้ยงม้า เอ่ยเนิบๆ ว่า “ไม่ต้องค้นต่อแล้ว วางของกลับเข้าที่เดิม เอาศพออกไปจัดการให้เรียบร้อย อย่าให้เหลือร่องรอยไว้ อีกอย่าง เดี๋ยวเจ้าปลอมตัวเล็กน้อยแล้วกลับมาที่จุดพักม้านี้อีกครั้ง คิดหาทางซื้อตัวคนเลี้ยงม้าคนอื่น สอบถามประวัติของคนผู้นี้ดู”
“ขอรับ!” ต้วนหู่พยักหน้ารับ
หนิวโหย่วเต้าเก็บภาพวาด เดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปด้านนอก เมื่อสบจังหวะที่ไม่มีคนก็ทะยานออกไป หายลับไปในป่าทางด้านหลัง
เมื่อกลับไปถึงจุดที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้ หลังจากพบหน้าหยวนฟางกับเฮยหมู่ตานแล้ว เฮยหมู่ตานถามว่า “เต้าเหยี่ย เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
หนิวโหย่วเต้าล้วงภาพเหมือนออกมา คีบส่งให้ด้วยสองนิ้ว
เฮยหมู่ตานรับไปเปิดดู หยวนฟางก็ยื่นหน้าเข้ามาด้วยเช่นกัน หลังจากเห็นคนที่อยู่ในภาพ ทั้งสองก็มองหน้ากัน
“เต้าเหยี่ย เจอในจุดพักม้าหรือขอรับ?” หยวนฟางเอ่ยถาม
หนิวโหย่วเต้าที่ยืนมือไพล่หลังไม่ได้เอ่ยตอบ ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
คิดไม่ถึงว่าจะมีภาพเหมือนของตนอยู่ในจุดพักม้าแห่งนั้น แม้นก่อนหน้านี้จะนึกสงสัยอยู่บ้าง แต่พอได้เห็นเข้าจริงๆ มันก็ยังเหนือความคาดหมายของเขาไปบ้าง ความหมายที่แฝงอยู่ในเบื้องหลังเรื่องนี้ทำให้เขาหนักใจ
ภาพเหมือนถูกพิมพ์ออกมา ถ้าจะพิมพ์ก็ต้องมีแม่พิมพ์ หากภาพเหมือนมีจำนวนน้อยก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรยุ่งยากขนาดนี้เลย นี่หมายความว่ามีภาพเหมือนของตนเป็นจำนวนมาก ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังพิมพ์ภาพเหมือนของตนออกมามากมายขนาดนี้เพื่ออะไรน่ะหรือ? ย่อมเป็นเพราะต้องการตามหาตัวเขา!
แล้วก็ยังมีคนเลี้ยงม้าคนนั้นอีก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหน่วยกล้าตาย!
หน่วยกล้าตายมีสองประเภท ประเภทแรกคือนักรบที่ต่อสู้หลั่งเลือดจนตัวตาย อีกประเภทคือผู้เก็บซ่อนความลับที่ไม่อาจแพร่งพรายได้ไว้กับตัว เห็นได้ชัดว่าคนเลี้ยงม้าเป็นอย่างหลัง!
เขาไม่มีศัตรูอื่นอยู่ในแคว้นจ้าว ยังคงเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ คนที่ตามมาสังหารเขาถึงในอาณาเขตแคว้นจ้าวได้ ถ้าไม่ใช่ราชสำนักแคว้นเยี่ยนก็ต้องเป็นตระกูลซ่ง!
เมื่อสรุปได้เช่นนี้ อย่างนั้นหน่วยกล้าตายที่กุมความลับเอาไว้ผู้นั้นเป็นคนของใคร?
ตระกูลซ่งคิดจะจัดการเขาทั้งที จะส่งคนธรรมดาที่มีความลับอยู่กับตัวมาแทนผู้บำเพ็ญเพียรอย่างนั้นหรือ? ไม่น่าจะเป็นไปได้!
เมื่อรวมกับการปะทะกันอย่างลับๆ เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ มันก็พอจะเผยให้เห็นรางๆ แล้วว่าอำนาจอิทธิพลของผู้ที่อยู่เบื้องหลังนั้นไม่ธรรมดา มาตรว่าตระกูลซ่งจะมีอำนาจอิทธิพลในแคว้นเยี่ยน ทว่ามันยังไม่มากจนถึงขั้นที่สามารถระดมกำลังในเขตพื้นที่ห่างไกลของแคว้นอื่นได้ทุกเมื่อเช่นนี้ นี่น่าอยู่นอกเหนือขอบเขตความสามารถของตระกูลซ่งไปแล้ว!
เมื่อนำเบาะแสต่างๆ มาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน คำตอบมันก็แทบจะปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว นี่เป็นเจ้าหน้าที่ลับที่แคว้นเยี่ยนจัดวางเอาไว้ในแคว้นจ้าว!
เมื่อรวมเข้ากับเรื่องภาพเหมือนจำนวนมาก หนิวโหย่วเต้าก็ตระหนักได้แล้วว่าแคว้นเยี่ยนได้ใช้กองกำลังของแคว้นมาตามหาเบาะแสของเขา เมื่อพบตัวเขาแล้วก็ย่อมต้องจัดการเขา นี่คือผลลัพธ์จากการที่เขาสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน!
ข้อสงสัยภายในใจเขาก่อนหน้านี้ที่ว่าเหตุใดคนที่จ้างวานเอาชีวิตเขาถึงไม่ได้ติดต่อกับคนของสามสำนักก็นับว่ากระจ่างแล้ว สายลับที่แคว้นเยี่ยนจัดวางไว้ในแคว้นจ้าวไม่อาจเปิดเผยตัวได้ง่ายๆ ความเป็นไปได้ที่สายลับเหล่านั้นจะติดต่อกับพวกเกาซู่ชงที่ตามล่าสังหารเขาจึงต่ำเป็นอย่างมาก
ส่วนภาพเหมือนที่อยู่ในมือสำนักเซียนสถิต แม้นเขาจะไม่ทราบว่าเป็นแม่พิมพ์เดียวกันกับภาพเหมือนแผ่นนี้หรือไม่ แต่ทั้งสองฝ่ายล้วนมีภาพเหมือนของตนอยู่ในมือ เขาชักสงสัยแล้วว่าถ้ามิใช่ตระกูลซ่งได้รับมาจากราชสำนัก เช่นนั้นก็ต้องเป็นทางราชสำนักได้มาจากตระกูลซ่ง
เหลยจงคังที่รออยู่ด้านนอกนำทางต้วนหู่และอู๋ซานเหลี่ยงกลับมา
ต้วนหู่ที่กระโดดลงจากหลังม้ารีบเดินเข้ามาหาหนิวโหย่วเต้า ประสานมือพลางกล่าวรายงานว่า “เต้าเหยี่ย ใช้เงินไปแค่ไม่กี่เหรียญทองก็ทราบข้อมูลจากปากของคนเลี้ยงม้ารายหนึ่งแล้วขอรับ ผู้ตายมีนามว่าจ้าวต้า เดิมเป็นคนเลี้ยงม้าที่คอยต้อนม้าอยู่ในเมืองข้างเคียง ต่อมาได้รับคำชื่นชมจากเจ้าพนักงานคนหนึ่ง จึงช่วยเหลือให้มาเป็นคนเลี้ยงม้าของจุดพักม้า เพิ่งมาที่จุดพักม้าเมื่อสิบกว่าวันก่อนขอรับ”
“สิบกว่าวันก่อน…” หนิวโหย่วเต้าพึมพำ โบกมือร้องสั่ง “แผนที่!”
ทุกคนคล้ายเคยชินกับนิสัยชอบเรียกดูแผนที่ของเขาแล้ว หยวนฟางดึงแผนที่ออกมา ต้วนหู่มาช่วยกางแผนที่ตรงหน้าหนิวโหย่วเต้า
หนิวโหย่วเต้าจ้องมองแผนที่ที่มีเส้นทางโยงใยเชื่อมต่อกันดั่งใยแมงมุม ไม่ทราบเลยว่ามีสายสืบอยู่แค่ในจุดพักม้าแห่งนี้ หรือว่าทุกจุดพักม้าล้วนมีสายสืบอยู่ เขาหวังว่าจะมีเพียงจุดพักม้าแห่งนี้เท่านั้นที่มีสายสืบ แล้วก็บังเอิญพบตนเข้าพอดี แต่เขารู้ดีว่าความคิดนี้เป็นเพียงการปลอบใจตัวเองเท่านั้น
เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายมั่นใจว่าตนอยู่ในแคว้นจ้าวจึงวางกำลังคนไว้ทั่วแคว้นจ้าว หรือว่าวางกำลังคนเอาไว้ในทุกแคว้นแล้ว
เขาไม่เคยยืนอยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มอิทธิพลระดับแว่นแคว้นมาก่อน ไม่ทราบว่ากลุ่มอิทธิพลนี้มีอำนาจขนาดไหนกันแน่ กว้างไกลเพียงใดกันแน่ แต่เมื่อนึกถึงว่าระหว่างเส้นทางที่ตนต้องเดินทางไปยังแคว้นหานมีจุดพักม้าอยู่มากมาย เขาก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย
เขาสามารถเดินเท้าหลีกเลี่ยงจุดพักม้าได้ แล้วก็สามารถปลอมตัวแปลงโฉมได้ จากนั้นให้ทุกคนแยกย้ายกันเดินทางเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต
ทว่าในแผนการนี้มีจุดที่ไม่สะดวกอยู่มากมาย ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องเดินทางไปมาจะให้คอยหลบซ่อนไปตลอดทางก็ไม่ใช่วิธีที่ดีสักเท่าไร ซ้ำยังมีภาพเหมือนที่ไม่รู้ว่าถูกกระจายออกไปมากน้อยเท่าไร ไม่รู้เลยว่าไปอยู่ในมือของผู้ใดบ้าง ไม่รู้เลยว่าครั้งนี้หลบเลี่ยงไปได้ แล้วครั้งหน้ายังจะหลบเลี่ยงได้หรือเปล่า เรื่องนี้ทำให้จิตใจของเขาหนักอึ้ง
“ต้วนหู่ อู๋ซานเหลี่ยง เหลยจงคัง” หนิวโหย่วเต้าเรียกทั้งสามเข้ามา ชี้ไปยังแผนที่แล้วเอ่ยว่า “เดี๋ยวพวกเจ้าสามคนปลอมตัว จากนั้นแยกกันออกเดินทางไปตามสามเส้นทางจากตรงแยกนี้ แวะเข้าไปในจุดพักม้าทุกแห่งที่อยู่ระหว่างทาง ห้ามปล่อยผ่านแม้แต่แห่งเดียว พยายามซื้อตัวคนเลี้ยงม้าของจุดพักม้ามาสอบถามให้ได้ ตรวจสอบดูว่ามีคนเลี้ยงม้าหน้าใหม่เหมือนอย่างจ้าวต้าหรือไม่ ระบุตำแหน่งของจุดพักม้าไว้บนแผนที่ หลังจากนั้นอีกสามวันให้กลับมาพบกันที่นี่เวลานี้!”
เขาไม่มั่นใจว่าสายสืบจะอยู่ในจุดพักม้าตลอดเวลาหรือไม่ จ้าวต้าเป็นเพียงกรณีพิเศษหรือว่ามีความเป็นไปได้อื่นอยู่อีก
ทั้งสามคนไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะทำอะไร หากจุดพักม้ามีปัญหา เช่นนั้นก็เลี่ยงไปเสียสิ ใยต้องตระเวนไปตามจุดพักม้าเหล่านี้ด้วย แต่สุดท้ายยังคงประสานมือตอบรับอย่างพร้อมเพรียง “ขอรับ!”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ระหว่างทางให้จ่ายเงินเพื่อเปลี่ยนม้าตามจุดพักม้า ม้าพักได้แต่คนห้ามพัก ออกเดินทางได้เลย!”
“ขอรับ!” ทั้งสามรับคำสั่ง แปลงโฉมปลอมตัวกันทันที ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์บางส่วน จากนั้นจูงม้าออกจากป่า เมื่อไปถึงทางแยกที่อยู่ใกล้ๆ ก็แยกย้ายกันไป
หลังจากทั้งสามคนไปแล้ว หนิวโหย่วเต้ากลับมิได้รั้งอยู่ที่เดิม หากแต่มุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาต่อ ซ่อนตัวอยู่ในจุดที่ห่างไกลจากที่นี่
…..
ณ มหานครชื่อโจว ภายในห้องหนังสือตระกูลเฉวียน
เฉวียนเซ่าคังที่นั่งอยู่หลังโต๊ะมีสีหน้าตึงเครียด “ยังไม่มีข่าวอีกหรือ?”
จุดพักม้าแห่งหนึ่งรายงานต่อเจ้าพนักงานดูแลจุดพักม้าระดับสูงว่าจู่ๆ ก็มีคนเลี้ยงม้าหายไปคนหนึ่ง ไม่ทราบว่าไปไหน แล้วก็ไม่พบเห็นว่ากลับบ้าน เรื่องนี้มองเผินๆ เหมือนเป็นแค่การหายตัวไปของคนคนหนึ่ง แต่หลังจากที่ข่าวแพร่กระจายออกมาก็ทำให้ทางนี้ตกใจทันที เพราะทางนี้ทราบถึงฐานะที่แท้จริงของคนเลี้ยงม้ารายนั้นดี
พ่อบ้านเฉวียนเฉียวตอบว่า “ทางจุดพักม้ากำลังตามหาอยู่ขอรับ ไม่ทราบเช่นกันว่าเดินหายไปในภูเขาหรือไม่”
เฉวียนเซ่าคังกล่าวว่า “เขาเพิ่งส่งข่าวมา จากนั้นจู่ๆ ก็หายตัวไป เจ้าคิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนั้นเชียวหรือ? ไม่แน่ว่าอาจตกอยู่ในมือหนิวโหย่วเต้าแล้วก็เป็นได้”
เฉวียนเฉียวเอ่ยด้วยความลังเล “เขาเพียงแค่มีหน้าที่ส่งข่าวเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นมากไปกว่านั้นเลย ระหว่างทางมีจุดพักม้าอยู่มากมาย หนิวโหย่วเต้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นจุดพักม้าแห่งนั้น แล้วก็รู้ได้อย่างไรว่าเป็นเขา? เรื่องนี้คล้ายจะเป็นไปไม่ได้เลยนะขอรับ!”
เฉวียนเซ่าคังค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “มันก็พูดยาก หนิวโหย่วเต้าผู้นี้ไม่ธรรมดา เพียงประมือกันข้าก็รับรู้ได้แล้ว อยู่ในเขตพื้นที่ของเขาข้ามเมฆา คิดไม่ถึงว่าด้วยความสามารถของเขาจะทำให้คนของเขาข้ามเมฆายอมแพ้ รามือ แล้วก็ชดเชยเงินให้ได้ จากจุดนี้ก็ทำให้เห็นถึงความไม่ธรรมดาของเขาแล้ว ซ้ำยังกลับมาที่จุดพักม้าเดิมเป็นครั้งที่สอง สายสืบคนเดิมพบตัวเขาอีกครั้ง ทว่าหลังจากนั้นกำลังคนที่รวบรวมมากลับไม่พบร่องรอยของเขาเลย การโผล่หน้าไปที่จุดพักม้าแห่งนั้นเป็นครั้งที่สองของเขามีปัญหา เขาน่าจะสงสัยแล้วว่าตัวเองถูกจับตามองอยู่!”
เขาเดินออกมาจากโต๊ะหนังสือ ยกมือไพล่หลังเดินกลับไปกลับมา จู่ๆ พลันหยุดฝีเท้าแล้วเอ่ยว่า “เพื่อความปลอดภัย แจ้งโยกย้ายหัวหน้าหน่วยที่เคยติดต่อกับผู้สูญหายโดยตรงทันที แล้วก็รีบติดต่อไปหาสายสืบทั้งหมดที่กำลังปฏิบัติภารกิจเดียวกันตามจุดพักม้าต่างๆ ในมณฑลชื่อโจวให้หยุดปฏิบัติภารกิจก่อน ส่วนหัวหน้าหน่วยที่ติดต่อกับสายสืบเหล่านั้นโดยตรงก็ให้โยกย้ายไปทั้งหมด!”
เฉวียนเฉียวกล่าวขึ้นมา “แล้วเบื้องบน…”
เฉวียนเซ่าคังเอ่ยว่า “ไปจัดการเดี๋ยวนี้! ข้าจะอธิบายต่อเบื้องบนเอง”
“ขอรับ!” เฉวียนเฉียวรับคำสั่ง
….
สามวันต่อมา ใกล้ถึงเวลาที่นัดหมายกันไว้
ในหุบเขาแห่งหนึ่ง หนิวโหย่วเต้าส่งเฮยหมู่ตานไปรอรับพวกต้วนหู่ทั้งสามคนก่อน จากนั้นเรียกหยวนฟางเข้ามา “ข้าจะไปสังเกตการณ์ที่จุดอื่น เจ้าไปซ่อนตัวอยู่ระหว่างทาง คอยดูว่ามีใครสะกดรอยตามพวกเขามาหรือไม่ ถ้าไม่มีคนตามมา เจ้าก็กลับมาแล้วจุดกองฟืนที่ข้าเตรียมเอาไว้ตรงด้านหลังหุบเขาซะ จากนั้นค่อยมาเจอพวกเขา แต่ถ้ามีคนตามมา เจ้าก็ไม่ต้องกลับมา แต่ให้ตรงไปที่นี่ ข้าจะไปเจอเจ้าที่นั่น” เขาชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่งบนแผนที่
“ขอรับ!” หยวนฟางเข้าใจความหมายของเขา จึงพยักหน้ารับ รีบออกไปทันที
หนิวโหย่วเต้ากวาดตามองรอบข้างเล็กน้อย เคลื่อนกายหายลับไปในส่วนลึกของป่าเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ พอเฮยหมู่ตานพาพวกต้วนหู่ทั้งสามกลับมาถึง พบว่าในหุบเขาไม่มีผู้ใดอยู่เลย หาจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบใครสักคน
เมื่อหาคนไม่พบ เฮยหมู่ตานจึงทำได้เพียงตะโกนเรียก “เต้าเหยี่ย…เต้าเหยี่ยเจ้าคะ…”
ผ่านไปพักใหญ่ก็มีเสียงของหยวนฟางแว่วมา “เอะอะอะไร เต้าเหยี่ยมีธุระ อีกประเดี๋ยวก็กลับมา ”
ทั้งสี่คนหันไปมอง เห็นหยวนฟางพุ่งตัวออกมาจากในป่าด้านหนึ่ง
จากนั้นครู่หนึ่งอู๋ซานเหลี่ยงก็ชี้ไปทางด้านหลังหุบเขา “ดูนั่นเร็ว หลังเขามีควัน”
ทุกคนหันไปมอง มองเห็นควันโขมงลอยขึ้นมาจากหลังภูเขาจริงอย่างว่า จึงรีบวิ่งไปตรวจสอบดูทันที
เมื่อไปถึงด้านหลังภูเขา มองเห็นเพียงกองฟืนที่มีไฟลุกโชน แต่กลับไม่เห็นใคร
จากนั้นไม่นาน หนิวโหย่วเต้าก็หิ้วพวกไก่ป่าและกระต่ายป่าที่ถลกหนังทำความสะอาดเรียบร้อยทะยานออกมาจากในป่า ยื่นส่งให้เฮยหมู่ตาน “เอาไปย่างซะ ลำบากทุกคนแล้ว ถือว่าตกรางวัลให้ทุกคน”
…………………………………………………….