ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ตอนที่ 219 เดรัจฉาน

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 219 เดรัจฉาน

ตอนที่ 219 เดรัจฉาน

ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของเขาในยามนี้

หลงนึกว่าตนกำลังขุดหลุมดักหนิวโหย่วเต้า ผู้ใดจะทราบว่ากลับเป็นตนที่กระโจนลงไปในหลุมพรางที่หนิวโหย่วเต้าขุดเอาไว้ เกรงว่าที่ผ่านมาหนิวโหย่วเต้าคงกำลังยืนอยู่บนปากหลุมมองดูคนโง่กระเสือกกระสนอยู่ในหลุมอย่างอารมณ์ดี ความรู้สึกนี้ใครเล่าจะเข้าใจ? โดยเฉพาะกับคนที่หยิ่งผยองมาตลอดอย่างเขา

แพ้แล้วก็แล้วไปเถิด ตอนนี้เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตนโกรธแค้นจนกระทบถึงหัวใจ คิดไม่ถึงว่าจะโมโหจนกระอักเลือดออกมา นี่นับเป็นความพ่ายแพ้อีกครั้ง!

ถึงแม้ตนจะไม่ยอมหนี แต่จะเอาตัวรอดจากหายนะครั้งนี้ไปได้หรือไม่ก็ยังไม่อาจรู้ได้ ต่อให้รอดพ้นไปได้ ก็ต้องแบกรับข้อครหาเรื่องสังหารแม่เลี้ยงและน้องชายร่วมสายเลือดอยู่ดี นี่เป็นมลทินที่ไม่อาจลบล้างไปได้ชั่วชีวิต นับเป็นความพ่ายแพ้อีกครั้งเช่นกัน!

ที่ผ่านมา เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองคือคนที่เก่งกาจสามารถที่สุด แต่ใครจะไปรู้ว่าเขากลับถูกปั่นหัวเล่นเหมือนคนโง่ ถูกหลอกมานานขนาดนี้ กระทั่งเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งแล้วถึงจะรู้ตัว พ่ายแพ้ย่อยยับขนาดนี้ แล้วจะให้เขาทนรับไหวได้อย่างไร?

เรื่องตลกอันน่าสังเวชจบลงไปแล้ว ทว่าเพลิงโทสะภายในใจยากจะสลายหายไป เขาไอต่อเนื่องอยู่อีกพักใหญ่

จากนั้นเขารีบลุกขึ้น คว้าถ้วยน้ำชาบนโต๊ะ หวังใช้น้ำชาดับเพลิงโทสะ ผู้ใดจะทราบว่าพอน้ำชาเข้าปากกลับสำลักออกมาจนน้ำชาปะปนด้วยสีแดงฉาน

…..

ณ จวนผู้ว่าการมณฑล ภายในห้องที่กว้างขวางและเงียบสงบห้องหนึ่ง จงหยางซวี่นั่งขัดสมาธิอ่านจดหมายลับที่ผ่านการถอดความมาแล้ว

“เฮ้อ!” จงหยางซวี่อดถอนใจออกมาเบาๆ ไม่ได้

ข้างตัวเขายังมีจดหมายอีกฉบับที่ผ่านการถอดความมาแล้ว เพิ่งจะอ่านจบไปฉบับหนึ่ง ผู้ใดจะทราบว่าจะมีจดหมายถูกส่งมาอีกฉบับหนึ่ง ซ้ำยังพูดถึงเรื่องเดียวกันด้วย

จดหมายฉบับแรกมาจากสำนักเขามหายาน เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ลือกันไปทั่วหอหิมะเหมันต์ สำนักเขามหายานนึกสงสัยว่าจะเป็นฝีมือของเซ่าผิงปอ ให้เขาไปตรวจสอบความจริงจากเซ่าผิงปอ สำนักเขามหายานจะได้วางแผนประมาณการณ์ได้ถูก

ส่วนฉบับที่สอง เป็นจดหมายด่วนอีกฉบับจากสำนักเขามหายานเช่นกัน บอกว่าหนิวโหย่วเต้าได้หลักฐานยืนยันแล้วว่าเป็นผีมือของเซ่าผิงปอ จับกุมตัวผู้ปล่อยข่าวลือได้ ซ้ำยังนำมาโยนไว้ที่ร้านค้าของสำนักเขามหายานหนึ่งคนด้วย ให้สำนักเขามหายานไปจัดการเอาเอง

เจตนาของหนิวโหย่วเต้าชัดเจนยิ่งนัก หากเซ่าผิงปอตาย เขาจะไม่สืบสาวเอาเรื่องอีก หากเซ่าผิงปอไม่ตาย เกรงว่าหอหิมะเหมันต์คงจะออกหน้ามาจัดการเรื่องนี้เอง

สำนักเขามหายานต้องการประนีประนอม จึงสั่งให้จงหยางซวี่ที่รับผิดชอบดูแลทางนี้จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย!

แล้วจะจัดการให้เรียบร้อยได้อย่างไรล่ะ? จงหยางซวี่ส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา “ฉลาดนักมักพลาดท่าเสียเอง!”

อันที่จริงเขารู้สึกชื่นชมในตัวเซ่าผิงปอเป็นอย่างมาก มีความสามารถ สามารถดูแลรักษาผลประโยชน์ของสำนักเขามหายานได้ สำนักเขามหายานตั้งแต่ระดับบนจรดระดับล่างล้วนหวังให้เซ่าผิงปอได้สืบทอดมณฑลเป่ยโจวต่อไป ใครจะไปคาดคิดว่าเขาจะก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาเพื่อสตรีเพียงคนเดียว อนาคตอันสดใสต้องพังทลายลงเพราะสตรีคนหนึ่ง แบบนี้มันน่าเสียดายไหมล่ะ?

หญิงงามคือต้นเหตุแห่งหายนะ! จงหยางซวี่ตัดสินใจแล้ว หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว เขาไม่อาจปล่อยให้สำนักสวรรค์พิสุทธ์อยู่ในมณฑลเป่ยโจวได้อีกต่อไป ถังอี๋คนนั้นต้องถูกขับไล่ออกไป

เขาถือจดหมายพลางลุกขึ้นยืน เอ่ยสั่งการคนที่อยู่ด้านข้างว่า “พวกเจ้าไปควบคุมตัวเขาเอาไว้ก่อน ข้าจะไปหาเซ่าเติงอวิ๋น รู้จักกันมาหลายปี อย่างไรก็ต้องไปแจ้งให้เขาทราบก่อน!”

ขณะที่เพิ่งเอ่ยวาจานี้จบ ด้านนอกก็มีคนเข้ามารายงานว่า “อาจารย์ลุง คุณชายสามมาขอเข้าพบขอรับ!”

จงหยางซวี่ขมวดคิ้ว ไม่ทราบว่าเซ่าฝูปอวิ่งมาหาเขาในเวลานี้ด้วยเรื่องใด

เขาโบกมือบอกให้คนที่ได้รับคำสั่งอย่าชักช้า ไปจัดการเรื่องก่อน จากนั้นเอ่ยกับผู้มารายงานว่า “ให้เขาเข้ามา”

ผ่านไปครู่หนึ่ง เซ่าฝูปอเดินเข้ามาอย่างพินอบพิเทา ประสานมือคารวะอย่างสุภาพ “เซ่าฝูปอคารวะฝ่าซือ”

จงหยางซวี่ถอนใจแล้วเอ่ยถาม “มีเรื่องอะไร?”

“ผู้เยาว์มาเพื่อขอความเมตตาให้พี่ใหญ่ขอรับ” เซ่าฝูปอว่าพลางทิ้งตัวคุกเข่าลงไปกับพื้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “พี่ใหญ่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ หลอกยืมมือหอหิมะเหมันต์มาจัดการหนิวโหย่วเต้าเพราะความแค้นส่วนตัว…” เล่าด้วยน้ำเสียงที่เรียกได้ว่าแตกพร่าสั่นเครือ พูดๆ ไปก็ร้องไห้ขึ้นมา เล่าไปพลางเช็ดน้ำตาไปพลาง

แบบนี้ก็เรียกว่าขอความเมตตาให้พี่ใหญ่หรือ? นี่กำลังคิดจะเล่นงานพี่ใหญ่ของเจ้าให้ตายชัดๆ! จงหยางซวี่เลิกคิ้วสูง มองดูอีกฝ่ายเล่นละคร หลังจากฟังจบ เขายิ้มเยียบเย็นแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ใจคอโหดเหี้ยมนัก หากคุณชายใหญ่ไม่ตายคงไม่ยอมรามือสินะ!”

กล่าวจบก็ส่ายหน้าเล็กน้อย คิดๆ ไปมันก็ใช่ สังหารบิดามารดา แย่งชิงภรรยาหรือตัดช่องทางทำมาหากิน ไม่ว่าจะเป็นข้อใดก็ล้วนแต่ทำให้คนลุกขึ้นมาฆ่ากันตายได้ทั้งสิ้น เจ้าหมายปองภรรยาของอีกฝ่าย อีกฝ่ายยอมเมตตาปล่อยเจ้าไปก็แปลกแล้ว

คนที่เขากล่าวถึงคือหนิวโหย่วเต้า ทำให้คนตระกูลเซ่าห้ำหั่นกันเองได้ ทำให้น้องชายของเซ่าผิงปอคิดใช้แผนสังหารญาติผดุงคุณธรรมได้ เห็นได้ชัดว่ากำลังกดดันสำนักเขามหายานอยู่ ต้องการตัดทางถอยของสำนักเขามหายาน คิดจะเล่นงานเซ่าผิงปอให้ถึงตายให้ได้!

เซ่าฝูปอกลับสะดุ้งโหยง นึกว่าอีกฝ่ายพูดถึงตน จึงชูไม้ชูมือเอ่ยสาบาน “ฝ่าซือ ผู้เยาว์พูดจริงทุกประโยค หากโป้ปดแม้เพียงคำเดียว ยินดีถูกสับเป็นหมื่นเป็นพันชิ้นขอรับ!”

เขาไม่ทราบเรื่องที่ทางนี้ก็ได้รับจดหมายจากสำนักเขามหายานมาแล้ว ไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้าลงมือสองด้านพร้อมกัน ต้องการสังหารเซ่าผิงปอให้ตาย ไม่เปิดโอกาสให้เซ่าผิงปอได้พลิกสถานการณ์!

จงหยางซวี่หัวเราะหยัน “เหอะๆ” มีหรือที่เขาจะไม่ทราบถึงการแก่งแย่งชิงดีระหว่างสามพี่น้อง นี่เป็นการฉวยโอกาสเล่นงานให้ตายชัดๆ!

เพียงแต่ในเวลานี้ เขายังไม่คิดจะตัดสินความอันใด เมื่อมีเรื่องนี้เกิดขึ้นอีก เขาเองก็จะได้อธิบายกับเซ่าเติงอวิ๋นได้ง่ายขึ้น จึงพยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “เจตนาของท่านข้าเข้าใจแล้ว แต่ท่านกล้าตามข้าไปเล่าให้ท่านพ่อของท่านฟังต่อหน้าหรือเปล่า?”

เซ่าฝูปอลังเลเล็กน้อย ค่อนข้างหวาดกลัว แต่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ขึ้นหลังเสือแล้วยากจะลงได้ จึงได้แต่ทำใจกล้ากล่าวไปว่า “ข้าทำไปเพราะหวังดีต่อตระกูลเซ่า แล้วก็หวังให้ท่านพ่อช่วยเหลือพี่ใหญ่ได้ทันท่วงที เพื่อไม่ให้สายจนเกินแก้”

“ดี! เจตนาดีของท่านข้ารับรู้แล้ว” จงหยางซวี่พยักหน้าแย้มยิ้ม โบกมือเล็กน้อย “เช่นนั้นรบกวนคุณชายสามตามข้าไปด้วย!”

“ขอรับ!” เซ่าฝูปอลุกขึ้นมา เช็ดน้ำตา ตามอีกฝ่ายออกไป

ทั้งคณะมาถึงด้านนอกห้องทำงานที่เซ่าเติงอวิ๋นใช้สะสางงานราชการ หลังจากให้คนเข้าไปรายงาน จงหยางซวี่ก็บอกให้เซ่าฝูปอคอยอยู่ด้านนอกก่อน ส่วนตัวเองจะเข้าไปก่อน

ภายในห้อง อนุหร่วนอยู่ข้างกายเซ่าเติงอวิ๋น ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกัน คล้ายทำให้เซ่าเติงอวิ๋นดูมีความสุขนัก

เมื่อเห็นจงหยางซวี่เข้ามา ทั้งสองเข้ามาต้อนรับ เซ่าเติงอวิ๋นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มีธุระใดรบกวนการบำเพ็ญเพียรของจงซยง[1]หรือ?” เขาประสานมือคำนับ

อนุหร่วนที่ย่อกายคารวะหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ไม่กล้าสบตาจงหยางซวี่ คาดว่าที่จงหยางซวี่มาคงเกี่ยวข้องกับบุตรชายของตน

จงหยางซวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทางข้ามีข่าวที่ไม่ค่อยดีนัก เกรงว่าหากพูดออกไปแล้วจะทำลายความสุขของคู่รักเอาได้”

เซ่าเติงอวิ๋นร้องโอ้ กล่าวว่า “ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันแล้ว จงซยงมีอะไรก็ว่ามาได้เลย”

ทั้งสองอยู่ร่วมกันมานานหลายปี ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเป็นอย่างยิ่ง อย่างมากก็คงจะด้อยกว่าความความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างหลีอู๋ฮวาและไห่หรูเยวี่ยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ในความเป็นจริงจงหยางซวี่มีฐานะเป็นผู้ดูแลติดต่อระหว่างทางนี้และสำนักเขามหายาน เซ่าเติงอวิ๋นจึงจำเป็นต้องผูกมิตรกับอีกฝ่ายไว้ สนิทสนมกันดั่งพี่น้องได้จะดีที่สุด

ช้าเร็วก็ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้อยู่ดี จงหยางซวี่จึงไม่อ้อมค้อมอีกเช่นกัน หยิบจดหมายลับฉบับแรกจากสำนักเขามหายานออกมา ยื่นให้พร้อมเอ่ยว่า “เซ่าซยงลองอ่านก่อนเถิด”

เซ่าเติงอวิ๋นรับจดหมายลับไปอ่าน รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ แข็งทื่อ

เนื้อความในจดหมายเป็นเรื่องข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วหอหิมะเหมันต์ สำนักเขามหายานสงสัยว่าจะเป็นฝีมือเซ่าผิงปอที่คิดจะเล่นงานหนิวโหย่วเต้า จึงต้องการให้ทางนี้ตรวจสอบความจริง

หลังจากอ่านจบ เซ่าเติงอวิ๋นเงียบไปครู่หนึ่ง บิดาย่อมรู้จักบุตรชายดี เขาเองก็นึกสงสัยอยู่เช่นกันว่าจะเป็นฝีมือของบุตรชายตน แต่เขาไม่อาจยอมรับได้ จึงถอนใจกล่าวว่า “ต่อให้ผิงปอจะใจกล้าแค่ไหนก็ไม่ถึงกับกล้าไปล่วงเกินหอหิมะเหมันต์ได้ จงซยงสืบหาความจริงได้ตามสบายเลย ข้าไม่คัดค้านอันใด”

จงหยางซวี่รับจดหมายกลับไป ยื่นส่งให้ผู้ติดตามด้านหลัง ล้วงจดหมายลับฉบับที่สองออกมาจากแขนเสื้ออีกครั้ง “เซ่าซยง จดหมายฉบับแรกเพิ่งมาถึง สำนักเขามหายานก็ส่งจดหมายฉบับที่สองตามมาติดๆ ท่านลองอ่านดูก่อน”

เซ่าเติงอวิ๋นรับจดหมายไป อ่านเนื้อความในจดหมาย กรามขบกันแน่นเล็กน้อย สีหน้าคร่ำเคร่ง นิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา

อนุหร่วนที่อยู่ด้านข้างประหลาดใจ คิดจะแอบอ่านเนื้อหาของจดหมายในมือสามี แต่ก็ไม่สะดวก นางขบคิดอยู่ในใจ หรือจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับบุตรชายของตน? หรือว่าบุตรชายของตนจะใช้อุบายอื่น?

ด้านนอกห้อง เซ่าฝูปอที่รออยู่ใต้ชายคารู้สึกประหม่ากระวนกระวาย เขาพอจะจินตนาการถึงเพลิงโทสะของบิดาออก

บ่าวรับใช้คนหนึ่งยกถาดน้ำชาเข้ามา “คุณชายสาม ดื่มชาหน่อยเถอะเจ้าค่ะ!”

เซ่าฝูปอคอแห้งอยู่พอดี แล้วก็กังวลใจอยู่พอดี ยื่นมือไปคว้าถ้วยน้ำชาแล้วดื่มเข้าไปรวดเดียว หลังวางถ้วยน้ำชากลับลงไปในถาดก็โบกไม้โบกมือด้วยความหงุดหงิด สื่อว่าไปให้พ้น

บ่าวรับใช้โค้งคำนับแล้วถอยไป

ภายในห้อง หลังรออยู่นานก็ไม่เห็นเซ่าเติงอวิ๋นตอบสนอง จงหยางซวี่จึงได้แต่ต้องเอ่ยว่า “หนิวโหย่วเต้าน่าจะได้หลักฐานยืนยันแล้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังข่มขู่ทางนี้อยู่…เซ่าซยง ข้าก็ลำบากใจเช่นกัน หากจัดการคุณชายใหญ่ เซ่าซยงก็ต้องเสียใจ หากไม่จัดการ เกรงว่าเรื่องราวจะลุกลามใหญ่โตพัวพันไปถึงตระกูลเซ่าทั้งตระกูล แม้แต่สำนักเขามหายานก็อาจจะต้องเข้าไปพัวพันด้วย เซ่าซยง ท่านคิดเห็นอย่างไร?”

มือของเซ่าเติงอวิ๋นที่ถือจดหมายอยู่สั่นเทา เอ่ยเสียงขรึม “เห็นๆ อยู่ว่านี่เป็นแผนการให้ร้าย ข้าเองก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้จงซยง แล้วก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้สำนักเขามหายาน แต่เรื่องนี้อย่างน้อยก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนหรือเปล่า?”

เขาเตรียมจะถ่วงเวลาไว้ ดูว่าพอจะสามารถคิดหาทางจัดการได้หรือไม่ แล้วก็คิดจะให้โอกาสบุตรชายตัวเองได้พักหายใจด้วย

“เซ่าซยงพูดมีเหตุผล!” จงหยางซวี่พยักหน้า หันไปเอ่ยว่า “เชิญคุณชายสามเข้ามาเถอะ!”

เซ่าเติงอวิ๋นมึนงงไป เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้าสาม?

อนุหร่วนที่อยู่ด้านข้างค่อนข้างกังวลใจ สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น

นับตั้งแต่เซ่าผิงปอเป็นฝ่ายยึดครองความได้เปรียบ หากพวกนางกล้าเคลื่อนไหวหนึ่งครั้ง อีกฝ่ายก็จะมอบบทเรียนอันโหดร้ายให้พวกนางหนึ่งครั้ง ในใจนางเกิดความรู้สึกหวาดกลัวเซ่าผิงปอไปแล้ว

เซ่าฝูปอเดินก้มหน้าเข้ามา ทำความเคารพบิดามารดาอย่างระมัดระวัง

เซ่าเติงอวิ๋นถาม “เจ้ามาที่นี่ทำไม?”

จงหยางซวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณชายสาม เล่าเรื่องที่ท่านบอกข้าต่อหน้าท่านพ่อของท่านอีกรอบสิ”

ตุบ! เซ่าฝูปอทิ้งตัวคุกเข่าลงทันที ร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา “ท่านพ่อ พี่ใหญ่มีความแค้นส่วนตัวกับหนิวโหย่วเต้า จึงคิดจะยืมมือหอหิมะเหมันต์มาเล่นงาน…” เล่าออกมาเป็นคุ้งเป็นแคว

สีหน้าของเซ่าเติงอวิ๋นค่อยๆ ดำคล้ำราวกับตับหมู ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว พลันตะคอกออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “หุบปาก! ไอ้ลูกอกตัญญู หุบปากเดี๋ยวนี้!”

เซ่าฝูปอกลับสะอื้นไห้ไม่ยอมหยุด

เขาหันหลังกลับไม่ได้แล้ว ได้แต่กัดฟันเดินหน้าต่อไป หาไม่แล้วหากปล่อยให้พี่ใหญ่รอดพ้นหายนะในครั้งนี้ไปได้ เช่นนั้นเขาก็ไม่กล้านึกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาเช่นกัน

“เดรัจฉาน!” เซ่าเติงอวิ๋นโมโหสุดขีด ระงับโทสะไม่อยู่ พุ่งเข้าไปเตะเต็มแรงทีหนึ่ง

ทว่าถูกจงหยางซวี่ที่อยู่ด้านข้างสะบัดแขนเสื้อใช้พลังปัดออกไป จากนั้นจงหยางซวี่รั้งตัวเซ่าเติงอวิ๋นเอาไว้

“ทหาร! ลากตัวออกไป! ลากตัวออกไป! ตัดหัวซะ! ตัดหัวซะ!” เซ่าเติงอวิ๋นตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว ความรู้สึกเศร้าสร้อยสิ้นหวังที่อยู่บนใบหน้าไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ในหัวใจแทบจะมีโลหิตไหลซึมออกมา สุดท้ายเรื่องที่เขากังวลและหวาดกลัวที่สุดยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี

เขาให้เจ้าใหญ่รับปากว่าจะเหลือทางรอดไว้ให้สามแม่ลูก แต่สามแม่ลูกกลับไม่ยอมละเว้นเจ้าใหญ่!

สุดท้ายเรื่องราวจำพวกพี่น้องห้ำหั่นกันเองก็เกิดขึ้นอยู่ดี ทั้งยังเกิดขึ้นในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ด้วย

มีคนพุ่งเข้ามาจากด้านนอกทันที เมื่อเห็นว่าคนที่ต้องการให้สังหารคือคุณชายสาม แต่ละคนมองหน้ากันเหลอหลา พวกเขาต้องจัดการอย่างไร? ดูจากท่าทางของท่านผู้ว่าการมณฑลแล้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังสั่งการเพราะความโมโห!

ในเวลานี้เอง อนุหร่วนก็พุ่งตัวออกมาเช่นกัน คุกเข่าลงบนพื้น กอดบุตรชายร่ำไห้ “นายท่าน หากมีความผิดอันใด ก็ล้วนเป็นเพราะมารดาอย่างข้าไม่ได้สั่งสอนบุตรให้ดี ถ้าจะสังหาร ท่านก็สังหารข้าไปด้วยเถอะเจ้าค่ะ!”

สองแม่ลูกกอดกันร่ำไห้

…………………………………………………..

ซยง[1] เป็นคำที่ใช้เรียกเพื่อนชายด้วยความนับถือ

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

Status: Ongoing
ใต้หล้ากว้างใหญ่…จะลมก็ดี จะฝนก็ช่าง ไม่มีอะไรจะขวางข้าได้!นิยายแปลกำลังภายในเลือดเดือดร้อยเล่ห์กล พระเอกฉลาดมากไหวพริบ ฉากบู๊มันสะใจ!เมื่อปรมาจารย์แห่งการขุดสุสานผู้หลงใหลในการบำเพ็ญเพียรได้หลุดเข้าไปในยุคสมัยโบราณอันวุ่นวายเพราะไฟสงครามด้วยโชคชะตาวาสหนาหนุนนำ ทำให้เขาได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาและต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อสยบใต้หล้าเอาไว้ในกำมือ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท