ตอนที่ 221 ตัดทางถอยให้สิ้นเพื่อเอาชีวิตรอด
หวงโต้วและหลินหูที่เตรียมส่งเขาไปสู่ปรโลกต่างตะลึงงัน หมายความว่าอย่างไร?
จู่ๆ เซ่าผิงปอก็เอ่ยออกมาในเวลานี้ว่าพวกอนุหร่วนสามแม่ลูกถูกลอบสังหารสิ้นใจแล้ว อย่างแรกคือทั้งสองไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร อย่างที่สองคือทั้งสองไม่ทราบว่าเขาพูดจริงหรือไม่
ทั้งสองไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนผู้ว่าการมณฑลจริงๆ หลังจากทางจวนผู้ว่าการมณฑลส่งคนมาแจ้งให้พวกเขาจัดการเรื่องทางนี้แล้ว จู่ๆ ทางนั้นเกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน วุ่นวายอลหม่านกันไปหมด ผู้ใดยังจะนึกถึงว่าต้องส่งคนมาแจ้งทางนี้ด้วย แล้วก็มีเพียงเซ่าซานเสิ่งที่คอยจับตาดูอยู่ หลังจากได้รับข่าวก็รีบมารายงานต่อเซ่าผิงปอทันที
เซ่าผิงปอชี้ไปที่ตัวเอง เอ่ยว่า “ยามนี้ ข้าคือบุตรชายเพียงคนเดียวของผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว หากพวกท่านสังหารข้า ตระกูลเซ่าจะไร้ซึ่งทายาทให้สืบทอดมณฑลเป่ยโจวต่อ!”
พอได้ยินวาจานี้ ประกอบกับพอจะรู้ถึงอุปนิสัยของคนผู้นี้อยู่พอสมควร ม่านตาของหวงโต้วและหลินหูพลันหดตัววูบ
หวงโต้วเอ่ยเสียงเข้ม “ท่านสังหารพวกเขาหรือ?”
เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “วาจาไม่อาจกล่าวส่งเดชได้ ทางจวนผู้ว่าการมณฑลย่อมต้องสืบหาฆาตกรตัวจริงได้แน่!”
สีหน้าหลินหูเย็นชาลง กล่าวว่า “ท่านคิดว่าหากผู้ว่าการมณฑลเหลือท่านเป็นบุตรชายคนเดียวแล้ว พวกเราจะไม่กล้าสังหารท่านอย่างนั้นหรือ?” มือเขาเอื้อมไปหาด้ามกระบี่
เซ่าผิงปอกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “พวกท่านเพียงทำตามหน้าที่ มีอันใดให้กล้าหรือไม่กล้ากัน ประเด็นสำคัญคือสังหารข้าแล้วจะส่งผลกระทบต่อสำนักเขามหายานอย่างใหญ่หลวง เผลอๆ มณฑลเป่ยโจวอาจจะหลุดพ้นจากการควบคุมของสำนักเขามหายานอย่างสิ้นเชิงก็ได้ สำนักเขามหายานจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม!”
หวงโต้วยกมือปรามหลินหูที่กำลังจะชักกระบี่ เอ่ยว่า “คุณชายใหญ่ ความตายรออยู่เบื้องหน้าแล้ว ท่านทำแบบนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์!”
จากนั้นผายมือออกไปทางด้านนอก “ข้าคิดว่าท่านคงไม่อยากล้มอยู่ในสถานที่แบบนี้ ไปเถิด เลือกสถานที่เหมาะๆ สักที่ พวกเราจะพยายามทำให้ท่านเจ็บปวดน้อยที่สุด ให้ท่านได้ไปสบายสักหน่อย”
เซ่าผิงปอกลับไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกไป เอ่ยเสียงราบเรียบต่อไปว่า “ความตายของพวกอนุหร่วนสามแม่ลูกก็ใช่ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับสำนักเขามหายานของพวกท่าน ถึงแม้พวกท่านจะไม่ได้ลงมือสังหารด้วยตัวเอง แต่หากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว สำนักเขามหายานคือผู้ที่บีบคั้นพวกนางไปสู่หนทางแห่งความตาย! ท่านพ่ออาจจะเกลียดชังข้าไปแล้ว แต่ความจริงที่ต้องเผชิญหน้าในขณะนี้คือตอนนี้เหลือข้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว หากพวกท่านสังหารข้าไป ในอีกมุมหนึ่งแล้วก็เท่ากับว่าสำนักเขามหายานสังหารบุตรชายทั้งหมดของผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว! พวกท่านลองคิดดูสิว่าท่านพ่อของข้าจะเกลียดชังสำนักเขามหายานของพวกท่านหรือไม่?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หวงโต้วและหลินหูพลันสะดุ้งขึ้นมา
แววตาเซ่าซานเสิ่งวูบไหว หันไปมองคุณชายใหญ่ที่ยืนตระหง่านอย่างเหย่อหยิ่ง ไม่กริ่งเกรงอันตรายที่อยู่ตรงหน้า
“แต่แน่นอน สำนักเขามหายานสามารถสังหารท่านพ่อข้าทิ้งไปพร้อมกันได้ แล้วค่อยสนับสนุนคนอื่นขึ้นมาปกครองมณฑลเป่ยโจวแทน แต่สำนักเขามหายานจะกล้าหรือ? ทหารในมณฑลเป่ยโจวตั้งแต่บนจรดล่างล้วนเป็นไพร่พลที่ท่านพ่อสร้างขึ้นมาเองกับมือ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในมณฑลเป่ยโจวส่วนใหญ่เป็นคนที่ตระกูลเซ่าของข้าสนับสนุนขึ้นมา มณฑลเป่ยโจวในปัจจุบันนี้หากปราศจากตระกูลเซ่าของข้า ยังจะมีผู้ใดสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลอย่างมั่นคงได้? พวกท่านก็ลองเปลี่ยนตัวผู้ปกครองดูสิ ดูว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นหรือไม่! ผลลัพธ์จากการฝืนเขี่ยตระกูลเซ่าทิ้งไปจะเป็นอย่างไร? จะทำการล้างไพ่ในมณฑลเป่ยโจวใหม่ทั้งหมดก็ได้ แต่มณฑลเป่ยโจวถูกศัตรูกระหนาบหน้าหลัง สำนักเขามหายานจะกล้าทำเช่นนี้หรือ ทางเหนือมีแคว้นหานจ้องตาเป็นมัน ทางใต้มีแคว้นเยี่ยนที่ต้องการชิงดินแดนคืน หากมณฑลเป่ยโจวเกิดความวุ่นวายขึ้นภายใน ทั้งสองแคว้นไหนเลยจะยอมพลาดโอกาส หากแต่จะต้องฉวยโอกาสบุกเข้ามาเป็นแน่ แล้วสำนักเขามหายานจะต้านทานไหวหรือ?”
อารมณ์ของหวงโต้วและหลินหูค่อยๆ จมดิ่งลงตามคำพูดของเขา
“หากสำนักเขามหายานสังหารทายาทตระกูลเซ่าจนสิ้น ยังคิดว่าตระกูลเซ่าจะยอมทำงานให้สำนักเขามหายานต่ออีกหรือ? พวกท่านคิดว่าใต้หล้านี้จะมีสักกี่คนที่ใจกว้างได้ขนาดนั้น? ข้ากล้ายืนยันเลยว่าหลังจบเรื่องท่านพ่อข้าต้องชิงชังพวกท่านแน่นอน ความมานะอุตสาหะของสำนักเขามหายานในช่วงหลายปีมานี้อาจจะถูกทำลายลงได้ทุกเมื่อ นี่คือผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหากสำนักเขามหายานบีบข้าไปสู่หนทางแห่งความตาย”
“หากข้ามีชีวิตรอด ท่านพ่อข้าไม่มีทางชิงชังสำนักเขามหายาน คนที่เขาชิงชังจะมีเพียงข้าเท่านั้น!”
“อีกทั้งข้าก็ไม่อยากให้มณฑลเป่ยโจววุ่นวาย ข้าทุ่มเทความคิดจิตใจทั้งหมดของข้าให้แก่มณฑลเป่ยโจวไปแล้ว ข้าเองก็ไม่อนุญาตให้ใครมาก่อความวุ่นวายในมณฑลเป่ยโจวเช่นกัน ข้าเพียงอยากพัฒนามณฑลเป่ยโจวให้ดีขึ้น!”
“ดังนั้น ขอเพียงข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะขอรับการสนับสนุนจากสำนักเขามหายานต่อไป มณฑลเป่ยโจวจะยังคงเป็นมณฑลเป่ยโจวของสำนักเขามหายาน ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็สามารถควบคุมได้เช่นกัน เป็นเพียงความวุ่นวายภายในตระกูลเซ่าเท่านั้น ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมของมณฑลเป่ยโจวและสำนักเขามหายาน!”
หวงโต้วและหลินหูมีสีหน้าตึงเครียด สายตาที่มองเซ่าผิงปอซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
หลินหูเอ่ยเสียงขรึม “ท่านไม่ตาย หนิวโหย่วเต้าก็จะชักนำหอหิมะเหมันต์มา เมื่อถึงเวลานั้นสำนักเขามหายานก็อย่าหมายจะรอดตัวไปเช่นกัน”
หวงโต้วพยักหน้ารับ “ต่อให้เป็นอย่างที่ท่านว่ามา ต่อให้สำนักเขามหายานสูญเสียมณฑลเป่ยโจวไป อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสลุกขึ้นมาได้ใหม่ แต่ถ้าต้องเผชิญการลงโทษจากหอหิมะเหมันต์แล้วล่ะก็ นั่นจะกลายเป็นหายนะที่ทำให้สำนักเขามหายานต้องสูญสิ้น!”
“พวกท่านผิดแล้ว ทั้งยังผิดอย่างมหันต์ด้วย!” เซ่าผิงปอที่เยือกเย็นมาโดยตลอดพลันตวาดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเพียงแค่เอ่ยถึงหนิวโหย่วเต้า ก็ทำให้เขายากจะควบคุมอารมณ์ตัวเองในบางด้านได้ เขาเหวี่ยงมือชี้ออกไปทางด้านนอก กล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวว่า “นี่เป็นแค่สถานการณ์ที่หนิวโหย่วเต้าสร้างขึ้นมาเพื่อข่มขู่เท่านั้น ไอ้สารเลวนั่นมันไม่กล้าชักนำหอหิมะเหมันต์เข้ามายุ่งเรื่องนี้เด็ดขาด! แค่กๆ…”
พูดๆ อยู่ก็ไอต่อเนื่องขึ้นมาอีกครั้ง พอโกรธขึ้นมาก็ไอจนหยุดไม่ได้ ไอจนในฝ่ามือมีละอองโลหิตอีกครั้ง
เซ่าซานเสิ่งที่อยู่ด้านข้างรีบยื่นมือเข้ามา ลูบหลังให้เขา ช่วยทำให้เขาหยุดไอ
หวงโต้วและหลินหูสบตากัน รอจนอาการไอของเซ่าผิงปอสงบลงแล้ว หวงโต้วจึงเอ่ยถาม “หมายความว่าอย่างไร?”
เซ่าผิงปอสูดหายใจเล็กน้อย ย้อนถามว่า “พวกท่านคิดว่าระหว่างเขากับสำนักเขามหายานมีไมตรีอันใดที่ทำให้เขาต้องปล่อยสำนักเขามหายานไป? พวกท่านคิดว่าเมื่อเขาสังหารข้าแล้ว เขาจะยอมปล่อยตัวปัญหาในอนาคตอย่างตระกูลเซ่าไว้หรือ? หากเขากล้าดึงหอหิมะเหมันต์มาจริง เขาก็ไม่มีทางวางแผนอ้อมค้อมขนาดนี้เพียงเพื่อจัดการข้าเพียงคนเดียว ทั้งๆ ที่เขาสามารถเปิดโปงเรื่องราวแล้วให้หอหิมะเหมันต์เข้ามาจัดการพวกเราไปพร้อมกันได้ แล้วเหตุใดเขาถึงไม่ทำเช่นนั้นล่ะ? เพราะเขาไม่กล้าอย่างไรล่ะ! เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ หากแจ้งต่อหอหิมะเหมันต์จริงล่ะก็ เมื่อห่อหิมะเหมันต์เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวดแล้ว เรื่องราวมันจะไม่ได้จบลงแค่ว่าข้าหลอกใช้ประโยชน์จากหอหิมะเหมันต์แล้ว หลุมพรางที่เขาวางไว้มันก็เป็นการหลอกใช้ประโยชน์จากหอหิมะเหมันต์เหมือนกันมิใช่หรือ?”
หวงโต้วและหลินหูเริ่มใช้ความคิด
“ดังนั้น เขาจึงกล้าเพียงแค่หลอกใช้สำนักเขามหายานมาจัดการข้าเท่านั้น ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนเป็นการจัดฉากขู่ขวัญ เป็นจิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือ เพียงแค่แอบอ้างอิทธิพลของหอหิมะเหมันต์มากดดันสำนักเขามหายานเท่านั้น ต้องการบีบข้าไปสู่ความตาย! ขอเพียงสำนักเขามหายานไม่สังหารข้า แผนชั่วของเขาจะล้มเหลวไปเอง เขาจะทำได้เพียงยอมถอยไปเอง เขาเพียงแค่ข่มขู่สำนักเขามหายานเท่านั้น แต่ไม่กล้าทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตไปมากกว่านี้เด็ดขาด”
หวงโต้วและหลินหูสับสนลังเล ถึงแม้คำพูดของอีกฝ่ายจะมีเหตุผล แต่ถ้าหากว่านี่เป็นเพียงเรื่องราวเพียงด้านเดียวที่อีกฝ่ายเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากความตายเล่า? สำนักเขามหายานจะกล้าเสี่ยงหรือ? แต่เมื่อลองชั่งน้ำหนักผลลัพธ์ที่เซ่าผิงปอกล่าวถึงแล้ว ความเสียหายของการจัดการตามคำสั่งของสำนักมันก็หนักหนาอย่างที่อีกฝ่ายว่ามาจริงๆ นี่ทำให้ทั้งสองเกิดความลังเลขึ้นมา
ทั้งสองตระหนักได้แล้วว่าพวกเขาไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งนี้ของทางสำนักได้ ต้องขอคำชี้แนะจากทางสำนักก่อนถึงจะทำการตัดสินใจอีกครั้ง
เซ่าผิงปอเกลี้ยกล่อมต่อไป “จะฆ่าข้าไม่ยาก ข้าเองก็หนีไม่ได้เช่นกัน! หากว่าสำนักเขามหายานไม่เชื่อ มิสู้ลองมาเดิมพันดูสักรอบ ดูว่าไอ้สารเลวนั่นมันจะกล้าบอกเรื่องนี้ต่อหอหิมะเหมันต์หรือเปล่า หากว่ากล้า พวกท่านค่อยมอบตัวข้าเพื่อเป็นคำอธิบายก็ยังไม่สาย!”
ใบหน้าของหวงโต้วและหลินหูบิดเบี้ยวขึ้นมาเล็กน้อย จะให้สำนักเขามหายานเสี่ยงเดิมพันเรื่องนี้กับเจ้าหรือ? หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นล่ะก็ ไม่ว่าทางไหนเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี เพราะเจ้าไม่เหลืออะไรแล้ว แต่สำนักเขามหายานจะทำอย่างไร?
เซ่าซานเสิ่งเหงื่อตกเล็กน้อย แต่เขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดคุณชายใหญ่ถึงต้องสังหารพวกอนุหร่วนสามแม่ลูก
ตัดทางถอยให้สิ้นเพื่อเอาชีวิตรอด มิใช่ตัดทางถอยของตัวเอง หากแต่ตัดทางถอยของพวกอนุหร่วนสามแม่ลูก!
เรื่องนี้หวงโต้วและหลินหูตัดสินใจเองไม่ได้ ทั้งสองสบตากัน มีคนหนึ่งเดินออกไปขอคำชี้แนะอย่างรวดเร็ว แล้วก็จะไปสืบด้วยว่าเรื่องที่พวกอนุหร่วนสามแม่ลูกถูกสังหารนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
……
ณ จวนผู้ว่าการมณฑล ในเรือนของอนุหร่วน เซ่าอู๋ปอที่รอฟังข่าวจากมารดาและน้องชายแน่นิ่งไปแล้ว ผิวหนังทั้งร่างกลายเป็นสีดำ มุมปากมีคราบโลหิตสีดำเปรอะเปื้อน ดวงตาเบิกโพลง ตายตาไม่หลับ นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นห้องโถง
นอกห้องโถง เซ่าเติงอวิ๋นโกรธเกรี้ยวดั่งราชสีห์ ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดงฉาน มือถือดาบง้าว เป็นดาบง้าวเช่นเดียวกับที่กององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญใช้ เดินกลับไปกลับมาอยู่ใต้ชายคา ตวาดกร้าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “เป็นฝีมือของผู้ใด! ลากตัวออกมาให้ข้า…”
จงหยางซวี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูมีสีหน้าตึงเครียด คนที่สามารถวางยาพิษสังหารสามแม่ลูกภายในจวนผู้ว่าการมณฑลได้ นี่จะต้องแทรกซึมอยู่ในจวนผู้ว่าการมณฑลมานานขนาดไหนกัน? คนทั่วไปไม่มีทางแตะต้องอาหารของสามแม่ลูกได้
ไม่นานนัก ทหารที่ออกตรวจค้นหาจนทั่วก็เข้ามารายงาน “ใต้เท้า พบตัวผู้ต้องสงสัยแล้วขอรับ ทว่าฆ่าตัวตายไปแล้วขอรับ!”
เซ่าเติงอวิ๋นถือดาบเดินอาดๆ ออกไป คนกลุ่มหนึ่งติดตามอยู่ด้านหลัง จงหยางซวี่ก็อยู่ในนั้นด้วย อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
ทั้งคณะบุกเข้าไปในห้องปีกห้องหนึ่ง ก่อนจะเห็นสาวใช้คนหนึ่งใช้แพรขาวผืนหนึ่งผูกคอ ห้อยลงมาจากคาน ร่างกายที่ห้อยลงมาแกว่งไกวช้าๆ
เซ่าเติงอวิ๋นรู้จักสาวใช้คนนี้ จงหยางซวี่ก็รู้จักเช่นกัน หลายคนในจวนล้วนรู้จักดี สาวใช้นางนี้เป็นสาวใช้คนสนิทของอนุหร่วน
จงหยางซวี่ก้าวเข้าไปแตะดูเล็กน้อย ร่างกายยังอุ่นอยู่ เพิ่งตายได้ไม่นาน
เขาสั่งให้คนปลดศพของสาวใช้ลงมา ใช้พลังตรวจสอบดู ไม่มีบาดแผลภายนอก แล้วก็ไม่มีจุดผิดปกติใดๆ ดูเหมือนจะเป็นการฆ่าตัวตายจริงๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีรายงานด่วนเข้ามาอีก จากนั้นก็มีการรายงานด่วนเข้ามาอีก
พบศพสองร่างในเรือนอีกสองแห่ง หนึ่งหญิงหนึ่งชาย ฝ่ายหญิงก็ปลิดชีพตนโดยการแขวนคอเช่นกัน แต่ฝ่ายชายกลับอยู่ในสภาพกินยาพิษฆ่าตัวตาย
ทางนี้รีบตามไปตรวจสอบดูอีกครั้ง ผลลัพธ์ทำให้รู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสองต่างเป็นข้ารับใช้คนสนิทที่ปกติคอยดูแลปรนนิบัติเซ่าเติงอวิ๋น
เรื่องที่ทำให้เซ่าเติงอวิ๋นรู้สึกขนลุกคือก่อนหน้านี้ไม่นาน คนรับใช้หญิงที่ตายไปยังยกน้ำชามาให้อนุหร่วนและตัวเขาที่กำลังจัดการเอกสารราชการอยู่ในห้องทำงานอยู่เลย ไม่รู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษอนุหร่วนหรือไม่ ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าชาที่ตนดื่มจะมีปัญหาด้วยหรือเปล่า
รูปการณ์ทั้งหมดที่ปรากฏขึ้นล้วนบ่งชี้ไปที่จุดๆ เดียว คนวางยาพิษคือบ่าวคนสนิทที่รับใช้อยู่ใกล้ชิดผู้เป็นนายจริงๆ คนอื่นไม่มีทางได้แตะต้องอาหารของเจ้านายเลย
เซ่าเติงอวิ๋นที่ถือดาบง้าวอยู่หายใจฟืดฟาดดั่งวัว ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่รัว คล้ายจะคาดเดาได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว!
หลินหูมาถึงแล้ว เมื่อตามมาถึงทางนี้ก็เชิญจงหยางซวี่ไปยังใต้ต้นไม้ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง กระซิบกระซาบคุยกันอยู่พักหนึ่ง
สีหน้าของจงหยางซวี่ค่อยๆ คร่ำเคร่ง ยืนกลุ้มใจอยู่ตรงนั้น รู้ตัวว่าถูกเซ่าผิงปอเล่นงานเข้าอย่างจังแล้ว!
เขาค่อยๆ หันมองไปทางห้องของบ่าวรับใช้ชายที่ฆ่าตัวตายที่มีคนเดินเข้าเดินออก ในที่สุดก็ทราบสาเหตุการตายของพวกอนุหร่วนแม่ลูกแล้ว เห็นได้ชัดว่าเซ่าผิงปอกำลังบอกสำนักเขามหายานว่า หากต้องจบสิ้นก็ต้องจบสิ้นกันทั้งหมด หากตัวข้าเซ่าผิงปอต้องตาย สำนักเขามหายานของพวกเจ้าก็ต้องแบกรับความเจ็บปวดที่ยากจะแบกรับได้เช่นกัน!
“ข้าหลงคิดว่าหนิวโหย่วเต้าลงมือโหดเหี้ยม ไม่เหลือทางรอดให้คนเขา ใครจะไปคิดว่าคุณชายท่านนั้นกลับโหดเหี้ยมกว่า หนิวโหย่วเต้าเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย ส่วนคุณชายคนนั้นอำมหิตไร้ความปราณี! สองคนนี้ไม่มีใครที่จัดการได้ง่ายเลย ต่างก็เป็นคนที่มีกลยุทธ์แพรวพราว สามารถพลิกสถานการณ์ได้ง่ายๆ หนำซ้ำแต่ละคนยังเอาสำนักเขามหายานของเรามาเป็นเครื่องมือในการประลองกันอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน…เฮ้อ! แต่ละยุคล้วนมียอดคนของแต่ละยุค ทั้งยังพบทีเดียวถึงสองคน ดูเหมือนพวกเราจะแก่กันแล้วจริงๆ!” จงหยางซวี่ถอนหายใจเบาๆ คิดไม่ถึงว่าเซ่าผิงปอคิดไม้ตายแบบนี้ออกมาเพื่อเอาชีวิตรอดได้ เป็น ‘ไม้ตาย’ อย่างแท้จริง!
หากมิใช่เพราะเซ่าผิงปอเปิดเผยออกมาเพื่อข่มขู่ กระทั่งตัวเขาก็ไม่เคยคิดถึงมุมนี้เลย
แต่เขาก็พอจะเข้าใจเช่นกัน เซ่าผิงปอถูกบีบคั้นจนอับจนหนทางแล้ว มิเช่นนั้นเขาคงไม่กล้าแบกรับคำกล่าวหานี้อย่างแน่นอน
หลินหูสอบถามดู “อาจารย์ลุง ทำอย่างไรดีขอรับ ยังจะให้ลงมือกับทางคุณชายใหญ่หรือไม่ขอรับ”
“อย่าเพิ่งทำอะไร คุมตัวเอาไว้ก่อน ไปเชิญท่านเจ้าสำนักมาหารือตัดสินเถอะ!” จงหยางซวี่ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ โบกมือเล็กน้อย จู่ๆ เรื่องราวก็ถูกเซ่าผิงปอพลิกสถานการณ์จนกลายเป็นแบบนี้ เรื่องนี้เขาก็ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเองเช่นกัน
…………………………………………………