ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ตอนที่ 252 เดินทางไกล

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 252 เดินทางไกล

ตอนที่ 252 เดินทางไกล

เซ่าผิงปอผงะไปเล็กน้อย ยิ้มออกมาอีกครั้งพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่มีทางเป็นอะไร ท่านเก็บไว้พูดกับหนิวโหย่วเต้าเถอะ!”

ซูจ้าวส่ายหน้า “เจ้าต่างกับเขา การใช้ชีวิตของเขาผ่อนคลายมากกว่า การที่เขาสามารถเก็บตัวบำเพ็ญเพียรมานานขนาดนี้ได้โดยไม่โผล่หน้าออกมาก็ทำให้มองออกแล้ว อีกอย่าง เขาเป็นผู้บำเพ็ญเพียร จัดระเบียบเลือดลมของตนได้ ร้อยโรคไม่กล้ำกราย ด้านร่างกายเจ้าเทียบเขาไม่ติดเลย!”

นางยื่นมือไปทาบลงบนตำแหน่งหัวใจของเขา “จำไว้! หากอยากมีชัย ต้องดูแลตัวเองให้ดี ผู้ใดที่พลาดท่าล้มลงก่อน นั่นสิถึงจะพ่ายแพ้อย่างแท้จริง มีเพียงคนที่ยังเหลืออยู่ ถึงจะได้ยิ้มในตอนสุดท้าย!”

เซ่าผิงปอเองก็ทาบมือลงบนหน้าอก ซ้อนทับลงบนหลังมือนาง “สุขภาพของตัวเอง ข้าย่อมต้องรู้ค่ามากกว่าท่าน!”

“เช่นนั้นก็ดี เพียงแต่ข้าอยากถามเจ้าสักประโยค สังหารหนิวโหย่วเต้าสำคัญ หรือว่าจัดหาม้าศึกสำคัญกว่า ข้าต้องไปจัดการหนิวโหย่วเต้าก่อน หรือต้องไปจัดการม้าศึกก่อน?” ซูจ้าวจ้องเขาพลางเอ่ยถาม

เซ่าผิงปอเงียบไป คล้ายจะค่อนข้างลำบากใจ ถามว่า “สองเรื่องนี้ขัดแย้งกันหรือ?”

ซูจ้าวตอบ “แน่นอน หากว่าสังหารหนิวโหย่วเต้าสำคัญกว่า ข้าจะรับหน้าที่ไปจัดการเขาเอง หากว่าเรื่องม้าศึกสำคัญกว่า ข้าก็จะไปที่แคว้นฉี ส่วนเรื่องหนิวโหย่วเต้าก็ส่งคนไปจัดการแทน”

แววตาเซ่าผิงปอวูบไหว เอ่ยเนิบๆ ว่า “ย่อมเป็นเรื่องม้าศึก ม้าศึกสำคัญที่สุดสำหรับตอนนี้ หากว่าเกิดปัญหากับเรื่องม้าศึก จะกระทบถึงมณฑลเป่ยโจวทั้งมณฑล เทียบกันแล้วม้าศึกมีความสำคัญกว่า เรื่องหนิวโหย่วเต้าชะลอไว้ก่อนได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเป้าหมายในการเดินทางนี้ของหนิวโหย่วเต้าก็อาจจะเป็นม้าศึกเช่นกัน ช่วงนี้เขาน่าจะไม่มาสนใจทางข้า ชะลอไว้ก่อนน่าจะไม่มีปัญหาอะไร”

“ได้!” ซูจ้าวพยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

อันที่จริงสำหรับนางแล้ว สองเรื่องนี้ไม่ขัดแย้งอันใดเลย นางเพียงลองหยั่งเชิงดูเล็กน้อย นางกลัวว่าคนผู้นี้จะยึดติดหมกมุ่นเกินไป กลัวว่าเขาจะเห็นหนิวโหย่วเต้าสำคัญกว่ามณฑลเป่ยโจวทั้งมณฑล

อย่างที่ทราบกันดี ในใจของเซ่าผิงปอได้ยึดถือไปแล้วว่าหนิวโหย่วเต้าต่างหากที่เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดต่ออนาคตมณฑลเป่ยโจวของเขา

แคว้นเยี่ยนอันใดนั่น แคว้นหานอันใดนั่น สำนักสำนักเขามหายานอันใดนั่น แท้จริงแล้วเขาไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย พัวพันมานานหลายปี เขารู้ดีว่าควรจะรับมือกับกลุ่มอำนาจเหล่านี้อย่างไร การที่เขาลงหลักปักฐานในมณฑลเป่ยโจวได้มันก็เป็นการพิสูจน์ความจริงในข้อนี้แล้ว คนที่เล่นงานเขาได้อย่างต่อเนื่องและทำให้เขาหวาดกลัวได้มีเพียงหนิวโหย่วเต้าคนเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้ดีว่าหนิวโหย่วเต้าคิดอย่างไร อีกฝ่ายไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน!

เรื่องบางอย่างพูดออกไปคนอื่นอาจจะไม่เชื่อ มีเพียงทั้งสองฝ่ายที่เป็นปรปักษ์ต่อกันเท่านั้นถึงเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องเอ่ยวาจา ต่างเข้าใจถึงความคิดของอีกฝ่ายดี

หากว่าสามารถมั่นใจได้ว่าซูจ้าวจะจัดการหนิวโหย่วเต้าได้แน่ๆ เขาก็จะต้องให้ซูจ้าวไปจัดการหนิวโหย่วเต้าก่อนแน่นอน แต่เขาไม่คิดว่าซูจ้าวจะทำสำเร็จได้ง่ายขนาดนั้น

ก็อย่างที่เขาเคยกล่าวกับซูจ้าวไปก่อนหน้านี้ ในเมื่อหนิวโหย่วเต้ากล้าออกมา ก็ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะไม่เตรียมการอะไรเอาไว้เลย

เขากังวลว่าซูจ้าวจะเข้าไปพัวพันกับหนิวโหย่วเต้า ถึงแม้สมาคมที่อยู่เบื้องหลังซูจ้าวจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาคิดว่าหนิวโหย่วเต้าคนนั้นอันตรายเกินไป จัดการไม่ได้ง่ายๆ แน่นอน หากถูกหนิวโหย่วเต้าเล่นงานเข้า เกรงว่าซูจ้าวจะเดือดร้อนแน่ หากเกิดเรื่องขึ้นกับซูจ้าว อาจจะทำให้เรื่องม้าศึกของเขาพลอยเสียหายไปด้วย

หลังจากลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว เขาย่อมเลือกทางที่ปลอดภัยกว่า

ซูจ้าวเดินออกไป สวมผ้าคลุมสีดำ พาผู้ติดตามจากไป

เซ่าผิงปอมาส่งนางถึงด้านในประตูข้างเท่านั้น ไม่ได้ออกไปส่งด้านนอกประตู เพราะเกรงว่าจะเป็นจุดสนใจได้

หลังจากเห็นซูจ้าวพาผู้ติดตามหายลับไปแล้ว เซ่าซานเสิ่งก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างกายเซ่าผิงปอ “คุณชายใหญ่ จะกลับจวนผู้ว่าการมณฑลเลยไหมขอรับ?”

เซ่าผิงปอหันกลับมา เดินนำเขากลับไปที่ในห้องหนังสือ สายตาจ้องไปยังแผนที่อีกครั้ง ยื่นมือชี้ไปยังตำแหน่งแคว้นหาน “อาจจะต้องเริ่มใช้งานเส้นทางน้ำสายนี้แล้ว แน่ใจหรือยังว่าจุดสำคัญตามเส้นทางจะไม่มีปัญหา?”

เซ่าซานเสิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณชายใหญ่วางใจเถิดขอรับ ข้าได้แอบส่งคนไปจัดการซื้อตัวคนที่สมควรต้องซื้อไว้แล้ว แล้วก็เคยส่งคนไปตรวจสอบดูแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาอะไรขอรับ”

“น่าจะ?” เซ่าผิงปอหันกลับมาทันที เอ่ยเสียงเข้ม “อย่ามาพูดคำว่าน่าจะอันใดกับข้า หากเริ่มใช้งาน ต้องห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ขึ้นทั้งสิ้น หากของถูกแคว้นหานยึดไป แคว้นหานไม่มีทางคืนให้พวกเราแน่ แล้วก็จะเท่ากับว่าเส้นทางน้ำสายนี้จะถูกเปิดเผยไปด้วย ไม่มีทางได้ใช้มันอีก สำหรับพวกเราแล้ว นั่นคือความเสียหายอันใหญ่หลวง ต้องจัดการทุกอย่างโดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด!”

“ขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งตอบรับ “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบอีกครั้ง”

เซ่าผิงปอหันไปมองแผนที่อีกครั้ง “ไม่ใช่แค่ต้องตรวจสอบเท่านั้น แต่ยังต้องทดลองใช้ด้วย จัดเรือกลุ่มหนึ่งให้ล่องผ่านดูสักเที่ยว ดูว่ามีปัญหาอะไรตรงไหนหรือไม่”

เซ่าซานเสิ่งตอบรับ “ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ”

“ต้องระวังเรื่องรายละเอียด จะปล่อยให้เกิดความผิดพลาดใดๆ กับเรื่องนี้ไม่ได้!” เซ่าผิงปอหันกลับมาจ้องเขาอีกครั้ง “ลองใช้งานดูสักรอบ หากพบปัญหาที่จุดไหน ก็ให้แก้ไขในจุดนั้นทันที ต้องทำให้มั่นใจทางน้ำสายนี้จะเดินทางผ่านได้โดยสะดวก ต้องทำให้มั่นใจว่ายามที่ใช้งานจริงจะไม่ปรากฏปัญหาใดๆ ขึ้นทั้งสิ้น”

“เข้าใจแล้วขอรับ…” เซ่าซานเสิ่งพยักหน้ารับ จากนั้นเอ่ยถามอย่างค่อนข้างลังเล “แต่ถ้าหากเผชิญปัญหาอะไรที่ต้องแก้ไขจริงๆ ถ้าอยากจะจัดการให้ได้อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ปัญหาขยายเป็นวงกว้าง ข้าคิดว่าถ้ามีผู้บำเพ็ญเพียรคอยประสานงานด้วยจะดีที่สุดนะขอรับ คุณชายใหญ่สามารถส่งยอดฝีมือบางส่วนของสำนักเขามหายานมาช่วยข้าได้หรือไม่ขอรับ?”

“เหลวไหล!” เซ่าผิงปอตะคอกใส่ “เรื่องนี้ข้าปิดทางสำนักเขามหายานมาตั้งแต่แรกเพราะอะไรเล่า? สำนักเขามหายานเอาแต่แบมือขอเงินจากข้าตลอด ข้าก็อ้างมาตลอดว่าไม่มีเงิน เจ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้! หากปล่อยให้สำนักเขามหายานรู้เรื่องนี้เข้า สำนักเขามหายานต้องทำการสืบแน่นอนว่าข้าจะทำอะไร เมื่อถึงเวลานั้นข้ายังจะปิดบังต่อไปได้อย่างไร?”

“หากปล่อยให้พวกเขารู้ว่าข้ามีเงินก้อนโตที่สามารถหาซื้อม้าศึกได้อยู่ในมือ เจ้าจะให้ข้าอธิบายกับพวกเขาอย่างไร? หากสำนักเขามหายานให้ข้ามอบเงินให้พวกเขาไปจัดการเรื่องนี้ ข้าจะปฏิเสธได้หรือ? เรื่องนี้มีแต่ต้องทำให้สำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง ใช้เงินไปหมดแล้ว ถึงจะหาเหตุผลมาชี้แจงได้ แบบนั้นถึงจะไม่เสียเรื่อง มิเช่นนั้นพูดอะไรกับผีดูดเลือดพวกนี้ไปก็คงไม่เข้าใจ”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือสำนักเขามหายานมีคนอยู่เยอะ หากเรื่องนี้แพร่กระจายไปภายในสำนักเขามหายาน ผู้ใดกล้ารับรองบ้างว่าข่าวจะไม่เล็ดรอดออกไป? เส้นทางน้ำสายนี้ไม่อาจถูกเปิดเผยได้เด็ดขาด!”

“อย่างนั้น…” เซ่าซานเสิ่งเอ่ยอย่างลำบากใจ “สำนักสวรรค์พิสุทธิ์มีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับทางหนิวโหย่วเต้า ไม่สะดวกเรียกใช้เช่นกัน ไปหาคนที่เหมาะสมจากสำนักเล็กๆ มาสักสองสามคนดีหรือไม่ขอรับ?”

เซ่าผิงปอเอ่ยเบาๆ “ก็อย่างที่ข้าได้บอกไปอย่างไรล่ะ เรื่องนี้จะต้องระมัดระวังให้มากๆ ไม่อาจปล่อยให้คนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเข้ามามีส่วนร่วมได้ เอาอย่างนี้แล้วกัน ใช้ซ่งซูกับเฉินกุยซั่ว สองคนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแน่ เรียกใช้อย่างสบายใจได้ ข้าจะให้พวกเขาสองคนทำตามที่เจ้าบอก”

เซ่าซานเสิ่งขมวดคิ้ว “คุณชายใหญ่ หากเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ แค่พวกเขาสองคน ข้าเกรงว่าจะจัดการไม่ได้นะขอรับ! หากไม่ได้จริงๆ เราขอให้คุณหนูซูมาช่วยเถอะขอรับ!”

เซ่าผิงปอเอ่ยเบาๆ “ข้าเองก็เคยคิดถึงเรื่องนี้อยู่ แต่สมาคมที่อยู่เบื้องหลังพี่จ้าวซับซ้อนเกินไป กระทั่งตัวพี่จ้าวเองก็ยังไม่ทราบตื้นลึกหนาบาง ให้ช่วยเหลืองานเล็กน้อยน่ะพอทำได้ แต่ต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ด้วย ไม่อาจเผยไพ่ตายทั้งหมดให้พวกเขารู้ได้ ดังนั้นก่อนที่เรื่องทางแคว้นฉีจะสำเร็จ จะให้พวกเขารู้ถึงเส้นทางน้ำสายนี้ไม่ได้เด็ดขาด ทางพี่จ้าวเองข้าก็ได้กำชับไปแล้ว”

“ปัญหาเล็กน้อยให้ซ่งซูและเฉินกุยซั่วแก้ไขไประหว่างทางได้ หากจัดการไปตามแผนที่เจ้าบอกมาในตอนแรกได้จริงๆ ก็ไม่มีทางเกิดปัญหาอะไรขึ้น แค่พวกเขาสองคนเพียงพอจะจัดการได้ หากเจอปัญหาที่พวกเขาจัดการไม่ได้จริงๆ ค่อยหาเหตุผลมาสักข้อแล้วส่งคนอื่นไปจัดการแก้ไขแบบจุดต่อจุด ขอเพียงไม่เปิดเผยแม่น้ำทั้งเส้นออกมา แยกเรื่องออกมาจัดการเป็นเรื่องๆ ไป ขอเพียงไม่รู้ถึงสถานการณ์ในด้านอื่น คนอื่นๆ ก็ไม่มีทางปะติดปะต่อได้ว่าพวกเรากำลังทำอะไร”

“ขอรับ คุณชายใหญ่โปรดวางใจ ข้าทราบว่าแล้วควรจัดการอย่างไร” เซ่าซานเสิ่งพยักหน้ารับ

…..

อาทิตย์อัสดงทอแสง ม้าห้าตัววิ่งเข้าไปในจุดพักม้าแล้วหยุดลง หลังจากเปลี่ยนม้าแล้วก็วิ่งห้อออกจากจุดพักม้าอีกครั้ง ทะยานไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางฝุ่นควันที่คละคลุ้ง

มีรถม้าวิ่งสวนมาจากด้านหน้า ม้าห้าตัวแปรขบวนเป็นแถวตอนลึกอย่างรวดเร็ว เมื่อควบผ่านรถม้าไปแล้วก็กลับมาวิ่งเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานอีกครั้ง ควบทะยานไปด้านหน้าอย่างความเร็ว หยวนกังที่มีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ตรงตำแหน่งกึ่งกลาง

หยวนเฟิง หนิวหลิน หยวนหั่ว หนิวซาน ทั้งสี่คนอยู่ถัดกันไปสองฝั่งซ้ายขวา

หยวนหั่วตะโกนขึ้นมา “พี่กังจื่อ เดี๋ยวฟ้าจะมืดแล้ว พวกเราเร่งเดินทางมาสองวันโดยไม่ได้นอนเลย ทุกคนเหนื่อยกันหมดแล้ว หาจุดพักม้าสักแห่งพักผ่อนก่อนเถอะ!”

คนที่มาจากหมูบ้านเล็กๆ แห่งนั้นล้วนเกิดความเปลี่ยนแปลงกันทั้งสิ้น หากเป็นแต่ก่อน เขาไม่มีทางพูดว่าให้หาจุดพักม้าเพื่อพักผ่อนเช่นนี้แน่นอน ความคิดที่จะไปพักผ่อนในจุดพักม้านั้น ยามที่อยู่ในหมู่บ้านแม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้าคิดเลย

หยวนกังเหลียวมองแวบหนึ่ง เอ่ยถาม “ให้เวลาพวกเจ้าพักผ่อนสี่ชั่วยามพอหรือไม่?”

หยวนหั่วหัวเราะฮี่ๆ บอกไปว่า “พอขอรับๆ แค่สี่ชั่วยามก็พอแล้ว”

หยวนกังกล่าวว่า “เช่นนั้นก็รอให้ฟ้ามืดจนมองไม่เห็นทางก่อนแล้วค่อยพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าพอฟ้าเริ่มสว่างก็ออกเดินทางต่อ พยายามเอาเวลามาใช้ในการเร่งเดินทาง”

“ขอรับ!” หยวนหั่วพยักหน้าตอบรับ เพียงแต่เอ่ยถามอย่างค่อนข้างประหลาดใจอีกครั้ง “พี่กังจื่อ พวกเราเร่งเดินทางกันเช่นนี้ เต้าเหยี่ยไล่ตามพวกเราไม่ทันแน่ๆ จำเป็นต้องรีบเดินทางขนาดนี้ด้วยหรือ?”

หยวนกังตอบว่า “ข้าไม่ไว้ใจคนอื่นๆ พวกเราจำเป็นต้องเร่งเดินทางไปให้ถึงที่หมายก่อน จะได้มีเวลาพอที่จะสำรวจและทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมของจุดหมายปลายทาง เตรียมพร้อมสำหรับเต้าเหยี่ยตลอดเวลา แล้วก็จะได้จัดที่ทางไว้สำหรับเหล่าพี่น้องที่กำลังเดินทางตามหลังมาด้วย มิเช่นนั้นหากปล่อยให้มารวมตัวกันสะเปะสะปะในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน”

พอได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ ทั้งสี่พลันมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ไม่มีข้อคัดค้านทันที

หนิวหลินเองก็เริ่มตำหนิหยวนหั่ว “เจ้ามันกระจอก แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วหรือ? พวกเราขี่ม้ากันมาตลอดทาง มีกินมีดื่มตลอดทาง เจ้าลองนึกถึงพี่น้องคนอื่นๆ สิ เงินจำกัด เสบียงก็น้อยนิด การจะเดินทางไปให้ถึงที่หมายในเวลาที่กำหนดด้วยเงื่อนไขที่พวกเขามีอยู่ นั่นจะต้องสู้ตายขนาดไหน!”

หนิวซานกล่าวว่า “พวกเขาเดินทางมารอบนี้ ต้องลำบากอย่างมากแน่ๆ!”

หยวนกังหันกลับไปมองสองฝั่งซ้ายขวา เอ่ยเสียงขรึม “ถึงแม้จะโหดร้าย แต่นี่เป็นเพียงด่านทดสอบด่านหนึ่งเท่านั้น ให้พวกเขาได้แสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ อุปสรรคอันยากลำบากต่างๆ ที่พบเจอตามเส้นทางเป็นการฝึกฝนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา แล้วก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่พวกเขาสามารถหามาได้ด้วยตัวเอง! เมื่อมีประสบการณ์ในการเดินทางครั้งนี้ ผนวกกับทักษะที่ได้สอนให้พวกเขาไป หากไปถึงที่หมายได้ก็สามารถรับภารกิจต่อได้เลย”

“สำหรับพวกเขาทุกคนแล้ว การทำแบบนี้จะทำให้พวกเขาได้รู้จักตัวเอง! ได้เห็นผลลัพธ์ ได้เข้าใจกระบวนการ แล้วก็จะทำให้พวกเราได้รู้จักพวกเขาด้วย ต่อไปจะได้รู้ว่าพวกเขาเหมาะกับงานอะไร จะได้สะดวกต่อการมอบหมายภารกิจให้ทำในวันหน้า!”

“ฝีกฝนอย่างเข้มงวดมาปีกว่า สอนทักษะให้พวกเขาไปไม่น้อยแล้ว ขอเพียงไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร หากว่าเรียนรู้ไปมากขนาดนั้นแต่กลับไม่สามารถจัดการแม้กระทั่งเรื่องเดินทางได้ เช่นนั้นปลดออกไปเสียแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสี่ยงเอาชีวิตไปทิ้งในภายหน้า! หากมีคนที่กลัวความเหนื่อยยากอยู่ จิตใจไม่หนักแน่นพอ ล้มเลิกกลางทาง เช่นนั้นก็ต้องตัดออกจากแผนงานของพวกเราแต่เนิ่นๆ เช่นกัน ในกลุ่มของพวกเรา ไม่มีที่ให้คนประเภทนี้!”

ทั้งสี่แสดงสีหน้าจริงจังอีกครั้ง ขานรับพร้อมเพรียง “ขอรับ!”

ท่ามกลางเสียงฝีเท้าม้า ด้านหน้าปรากฏคลื่นทิวเขาขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเส้นทางนี้ตรงเข้าไปในภูเขา หยวนกังตะโกนถาม “ด้านหน้าคือที่ไหน?”

หยวนเฟิงตอบโดยเร็ว “ชื่อสถานที่ เขาต้าหม่าน! ตามที่ปรากฏในแผนที่ ทางหลวงที่อยู่ในนั้นยาวประมาณสิบห้าลี้ ภูมิประเทศซับซ้อน มีพื้นที่แคบยาว เหมาะสำหรับซุ่มโจมตีขอรับ!”

หยวนกังวาดมือชักดาบง้าวออกมา ดาบเล่มใหญ่พาดเฉียงอยู่ในมือ สองเท้ากระแทกสีข้างม้า เร่งความเร็วพุ่งนำอยู่ด้านหน้าสุด

อีกสี่คนที่อยู่สองฝั่งซ้ายขวาต่างหยิบหน้าไม้ที่สร้างขึ้นจากเหล็กชั้นดีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว น้าวสายขึ้นหน้าไม้อย่างเร่งด่วน พร้อมกับแปรขบวนเป็นรูปหัวศรในเวลาเดียวกัน ตั้งท่าระแวดระวังซ้ายขวา ตามหลังหยวนกังพุ่งเข้าไปในป่า

…………………………………………………………………..

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

Status: Ongoing
ใต้หล้ากว้างใหญ่…จะลมก็ดี จะฝนก็ช่าง ไม่มีอะไรจะขวางข้าได้!นิยายแปลกำลังภายในเลือดเดือดร้อยเล่ห์กล พระเอกฉลาดมากไหวพริบ ฉากบู๊มันสะใจ!เมื่อปรมาจารย์แห่งการขุดสุสานผู้หลงใหลในการบำเพ็ญเพียรได้หลุดเข้าไปในยุคสมัยโบราณอันวุ่นวายเพราะไฟสงครามด้วยโชคชะตาวาสหนาหนุนนำ ทำให้เขาได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาและต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อสยบใต้หล้าเอาไว้ในกำมือ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท