ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ตอนที่ 286 ราชบุตรเขยที่องค์ฮ่องเต้หมายตา

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 286 ราชบุตรเขยที่องค์ฮ่องเต้หมายตา

ตอนที่ 286 ราชบุตรเขยที่องค์ฮ่องเต้หมายตา

หากว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ที่นี่ เขาจะต้องจำทั้งสองคนที่กำลังสนทนากันอยู่นี้ได้แน่ เป็นสตรีสองคนที่บังเอิญพบระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปยังภูเขาหิมะในครานั้น ภายหลังได้โดยสารวิหคยักษ์จากไป เฮ่าชิงชิงคือสตรีที่แต่งกายเป็นบุรุษ ส่วนหญิงวัยกลางคนชุดขาวคือเผยเหนียงจื่อ

เผยเหนียงจื่อยังคงเหมือนเดิม แต่เฮ่าชิงชิงเปลี่ยนไปมาก สวมชุดชนเผ่าพื้นเมือง เส้นผมที่แผ่สยายราวกับม่านน้ำตกถูกถักเป็นเปียเส้นเล็กๆ ทั่วศีรษะ ทำให้บุคลิกของนางมีความป่าเถื่อนและเอาแต่ใจเพิ่มขึ้นมา แต่ยังคงงดงามเป็นอย่างมาก บุคลิกเองก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน

อีกทั้งเฮ่าชิงชิงก็เป็นหนึ่งในองค์หญิงแห่งแคว้นฉี ถึงแม้จะเป็นธิดาขององค์ฮ่องเต้แคว้นฉีเช่นเดียวกับองค์หญิงพระองค์อื่น แต่ชาติกำเนิดของนางสูงส่งกว่าองค์หญิงทั่วไป มารดาของนางคือฮองเฮาแคว้นฉีองค์ปัจจุบัน ในบรรดาบุตรที่ประสูติจากองค์ฮองเฮา มีนางเป็นธิดาเพียงหนึ่งเดียว จะได้รับความรักใคร่เอ็นดูมากเพียงใด เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว

พอได้ฟังวาจานี้ เผยเหนียงจื่อเหลือบมองผู้บำเพ็ญเพียรหญิงที่ไล่ตามมาหยุดยืนอยู่ข้างกายเฮ่าชิงชิงด้วยแววตาเย็นชา อีกฝ่ายก้มหน้าลงเล็กน้อย มีสีหน้าหวาดกลัว

องค์หญิงชอบฟังเรื่องเล่าจากนอกวัง เมื่อครู่นางเพียงเอ่ยถึงเรื่องบางอย่างที่นอกวังโจษจันกันอยู่ให้องค์หญิงฟัง ผู้ใดจะทราบว่าองค์หญิงกลับตื่นตัวเป็นอย่างยิ่ง หลังจากถามซักไซ้อยู่หลายประโยคก็นั่งไม่ติด ร่ำร้องจะออกจากวัง

เรื่องบางอย่างนางไม่ทราบความ แต่เผยเหนียงจื่อกลับทราบดี โบกมือให้นางถอยออกไป คว้าข้อมือเฮ่าชิงชิงไว้ ลากนางกลับเข้าไปในเรือน

“ซานเหนียง เจ้าปล่อยข้านะ!” เฮ่าชิงชิงพยายามดิ้นรนขัดขืน

หลังจากลากนางกลับมาในตำหนักแล้ว เผยเหนียงจื่อถึงได้ปล่อยแขนนาง “องค์หญิง เลิกโวยวายได้แล้วเพคะ”

เฮ่าชิงชิงถลึงตาใส่พลางเอ่ยว่า “ซานเหนียง หนิวโหย่วเต้ามาที่เมืองหลวงแคว้นฉีใช่หรือไม่?”

เผยเหนียงจื่อกล่าวว่า “มาแล้วอย่างไรเพคะ เกี่ยวอะไรกับพระองค์เพคะ?”

เฮ่าชิงชิงถาม “หยวนกังมาด้วยไหม?”

“……” เผยเหนียงจื่อหมดคำพูด รู้อยู่แล้วว่าสาวน้อยตัวแสบคนนี้พะวงถึงสิ่งใด นี่มันเรื่องเหลวไหลอันใดกัน องค์หญิงใหญ่ผู้สูงศักดิ์แห่งแคว้นฉีได้พบชายแปลกหน้าคนหนึ่งเป็นครั้งแรก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากไหน แต่กลับไปแสดงความรักต่ออีกฝ่ายอย่างโจ่งแจ้ง นอกจากองค์หญิงคนนี้แล้ว คาดว่าใต้หล้านี้คงไม่มีสตรีคนใดก่อเรื่องเหลวไหลเช่นนี้เป็นคนที่สองแน่

โชคดีที่ตอนนั้นคนนอกไม่ทราบถึงฐานะขององค์หญิงผู้นี้ มิเช่นนั้นแคว้นฉีคงได้อับอายขายหน้าเป็นแน่ นางกลับมาก็คงไม่สามารถอธิบายได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจติดต่อไปหากองหนุน พาตัวอีกฝ่ายกลับมาเสีย หากปล่อยไว้เกรงว่าคงได้เกิดเรื่องแน่

“หม่อมฉันขอแนะนำให้พระองค์ตัดใจเสียเพคะ เรื่องระหว่างพระองค์กับหยวนกังคนนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ พระองค์น่าจะจำคำพูดของฮองเฮาได้นะเพคะ?”

“เฮ้อ จู้จี้จริงๆ ข้าแค่ถามเจ้าว่าหยวนกังมาด้วยหรือไม่?”

“ไม่มาเพคะ!”

“จริงหรือ?”

“หม่อมฉันจำเป็นต้องโกหกพระองค์ด้วยหรือเพคะ?”

“ได้ยินว่ามีคนมากมายต้องการท้าหนิวโหย่วเต้าสู้ อีกอย่างหนิวโหย่วเต้าก็รับคำท้าแล้ว พรุ่งนี้เช้าจะสู้กันที่ลานน้ำตกเหินหาวบนภูเขาทิศเหนือนอกเมือง เป็นความจริงหรือไม่?”

“จริงแล้วจะทำไมเพคะ? เกี่ยวอะไรกับพระองค์ด้วย?”

“ข้าอยากไปดู เรื่องน่าสนใจเช่นนี้เจ้าไม่อยากดูหรือ? คนผู้นั้นชั่วร้ายนัก ข้าอยากเห็นเขาถูกคนอื่นทุบตีจนลงไปนอนกองกับพื้นมานานแล้ว!”

“ไม่ได้เพคะ!”

“หยวนกังไม่ได้มาด้วยเสียหน่อย เจ้าจะกลัวอะไร? อีกอย่าง อยู่ในเมืองหลวง ข้าจะก่อเรื่องใดขึ้นมาได้? วางใจเถอะ ไม่เกิดเรื่องแน่”

“พระองค์มาคุยเรื่องพวกนี้กับหม่อมฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ จะได้ออกจากวังหรือไม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหม่อมฉันเพคะ”

“ก็ได้ ข้าจะไปทูลขอเสด็จแม่ แค่เดินเที่ยวเล่นในเมืองหลวง เสด็จแม่ต้องอนุญาตแน่นอน!”

“……”

“….”

วันต่อมา ด้านนอกประตูข้างริมกำแพงวังหลวงที่สูงใหญ่ รถม้าที่ดูธรรมดาจำนวนสามคันจอดรออยู่

เฮ่าชิงชิงที่สวมชุดลำลอง แต่งกายเป็นบุรุษอีกครั้ง เดินอาดๆ ออกมาจากประตู เผยเหนียงจื่อ หลิวเฟิงไห่และไฉเฟยที่มีฐานะเป็นองครักษ์คุ้มกันนางก็ตามมาด้วย

เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์อันซับซ้อนภายในเมืองหลวง โดยเฉพาะครั้งนี้ที่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง องครักษ์จึงไม่ได้มีแค่สามคน ยังมีผู้บำเพ็ญเพียรอีกหกคนติดตามออกมาจากวังด้วย

ฝ่าซือติดตามทั้งเก้าคนล้วนแปลงโฉมปลอมตัวเช่นเดียวกับเฮ่าชิงชิง

เฮ่าชิงชิงกับเผยเหนียงจื่อ หลิวเฟิงไห่และไฉเฟยโดยสารอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน ส่วนอีกหกคนแบ่งไปนั่งในรถม้าสองคันหลัง คันละสามคน

รถม้าเคลื่อนที่ออกไป เดินทางได้ไม่นานนัก เฮ่าชิงชิงที่อยู่ในรถม้าก็หมดความอดทน “ทำไมถึงช้าขนาดนี้ เร็วหน่อยสิ เร็วเข้า ไปช้าคงไม่เหลือที่ดีๆ แน่…”

ลานน้ำตกเหินหาวบนเขาทิศเหนือ สถานที่ก็เหมือนกับชื่อของมัน มีธารน้ำตกใหญ่อลังการสายหนึ่งไหลสาดลงมาจากบนภูเขา ตระการตาน่าตะลึง

ด้านบนธารน้ำตกมีพื้นหินราบเรียบกว้างใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง เป็นที่มาของชื่อลานน้ำตกเหินหาวนี้

รอบข้างมีคนมารวมตัวกันไม่น้อยแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนไม่เผยหน้าค่าตา ต่างเงยหน้ามองฟ้าอยู่เป็นระยะ มีหลายคนที่เอียงหัวกระซิบกระซาบกันอยู่

บนหน้าผาที่อยู่สูงขึ้นไปเล็กน้อยซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะจะชมการต่อสู้ที่สุดแห่งหนึ่ง ฮูเหยียนเวยก็อยู่ที่นี่ด้วย กลุ่มคนที่ยืนอยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นคนที่ค่อนข้างมีตำแหน่งฐานะทั้งสิ้น

“ตะวันสายโด่งแล้ว เหตุใดคนยังไม่มาอีก?”

ฮูเหยียนเวยเอ่ยพึมพำ สองมือทุบบั้นเอวเป็นครั้งคราว คล้ายว่ายืนไม่ค่อยสบายเท่าไร สิ่งสำคัญคือแผลที่บั้นท้ายยังไม่หายดี

เดิมทีเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา เผลอๆ เขาอาจจะไม่ทราบถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ บังเอิญว่าบาดเจ็บพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ออกไปวุ่นวายด้านนอก อยู่ว่างๆ รู้สึกเบื่อหน่ายจึงไปคุยเล่นกับฝ่าซือในตระกูล บังเอิญทราบข่าวเรื่องนี้เข้า พอรู้เรื่องจากฝ่าซือในตระกูลก็อยากมาดูเช่นกันว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร อย่างไรเสียเขาก็อยู่ว่างๆ พอดี ด้วยเหตุนี้จึงบากหน้าไปร้องขอให้ฝ่าซือพาเขาออกมาชมเรื่องครื้นเครง

“ท่านลุงเหิง คนเหล่านั้นล้วนเป็นฝ่าซือกระมัง?” ฮูเหยียนเวยทอดสายตามองจากมุมสูง ชี้ไปยังกลุ่มคนด้านล่างพลางเอ่ยถาม

เหิงเทียนต้วน ฝ่าซืออันดับดับสองประจำจวนแม่ทัพใหญ่ฮูเหยียน เวลานี้ก็ปกปิดโฉมหน้าที่แท้จริงไว้เช่นกัน

“น่าจะใช่กระมัง” เหิงเทียนต้วนพยักหน้ารับ

ฮูเหยียนเวยเอ่ยถาม “มีหลายคนที่อำพรางใบหน้าไว้เช่นเดียวกับท่านลุงเหิง หรือว่าล้วนเป็นฝ่าซือระดับสูงจากตระกูลใหญ่กันทั้งสิ้น?”

เหิงเทียนต้วนตอบเพียงว่า “ไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าคงมากันไม่น้อยแน่”

ในเวลานี้เอง ผู้บำเพ็ญเพียรหลายสิบคนที่อยู่บนผาสูงแห่งนี้พลันแตกตื่นฮือฮาขึ้นมา

พื้นที่บริเวณนี้คับแคบมีจำกัด รองรับคนได้ไม่มาก จู่ๆ ก็มีคนมาเพิ่มอีกสิบคน ทว่าคนส่วนหนึ่งที่มาถึงก่อนกลับยอมถอยให้แต่โดยดี ยกทำเลชมการต่อสู้ที่ดีที่สุดให้

คนสิบคนที่เพิ่งมาถึงก็คือพวกเฮ่าชิงชิง เผยเหนียงจื่อมีฐานะเป็นฝ่าซือหลวง เพียงเผยฐานะอย่างลับๆ เล็กน้อย ย่อมมีคนยอมถอยให้

ฮูเหยียนเวยหันไปมองเล็กน้อย ตะลึงงัน “พระองค์มาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

เฮ่าชิงชิงก็ตะลึงไปเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าฮูเหยียนเวยจะมายังสถานที่ที่เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรมารวมกันด้วย นางพลันถลึงตาใส่กล่าวไปว่า “ที่นี่ไม่ใช่บ้านเจ้าเสียหน่อย ทำไมข้าจะมาไม่ได้?”

ฮูเหยียนเวยโบกมือให้อย่างดูแคลน หันหน้ากลับไปมองตามทางของตนต่อ

เฮ่าชิงชิงกัดฟันกรอด พลันยกเท้าถีบ ถีบเข้าที่บั้นท้ายของฮูเหยียนเวย คิดจะถีบเขาให้ตกหน้าผาไป

“อ๊าก…” ทันทีที่ถูกถีบ ฮูเหยียนเวยเจ็บจนกระโดดโหยงขึ้นมา

ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาบังเอิญยืนอยู่ริมหน้าผาพอดี เมื่อถูกถีบเช่นนี้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรก็น่าจะรู้กันดี แขนขาตวัดวุ่นวายเกือบพลัดตกลงไป

โชคดีที่มีเหิงเทียนต้วนอยู่ข้างๆ เขายื่นมือออกไป จับแขนฮูเหยียนเวยไว้แล้วดึงกลับมา พลางหันไปเอ่ยว่า “องค์หญิง โปรดสำรวมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“องค์หญิง!” เผยเหนียงจื่อเอ่ยปรามเบาๆ ลากเฮ่าชิงชิงออกไปเช่นกัน จากนั้นก็ประสานมือคำนับพร้อมกับพวกไฉเฟย “ศิษย์พี่!”

เหิงเทียนต้วนตอบอืมคำหนึ่ง หันกลับไป ไม่เอ่ยอะไรอีก

พวกเขาล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรของหน่วยพิทักษ์ราชัน ทั้งยังเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักที่มีอาจารย์คนเดียวกันด้วย

เนื่องจากตระกูลฮูเหยียนไม่ได้ขยายอิทธิพลของตนเข้าไปในโลกบำเพ็ญเพียร ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นไม่ต้องการกอบโกยหาผลประโยชน์มั่งคั่งเช่นนั้น แล้วก็ไม่มีกำลังทรัพย์พอจะขยายอิทธิพลในด้านนี้ด้วย เพียงแต่จุดนี้กลับทำให้องค์ฮ่องเต้พอพระทัย ด้วยเหตุนี้องค์ฮ่องเต้จึงเป็นฝ่ายส่งฝ่าซือมาคอยดูแลปกป้องตระกูลฮูเหยียนเอง

เฮ่าชิงชิงแค่นเสียงคราหนึ่ง มองจากท่าทางแล้วเห็นได้ชัดว่าไม่ชอบใจฮูเหยียนเวย ส่วนสาเหตุแท้จริงที่ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นฮูเหยียนเวย เป็นเพราะเสด็จพ่อต้องการให้ตนออกเรือนกับเจ้าสารเลวที่ชอบเที่ยวเตร่ตามหอคณิกาเป็นประจำผู้นี้

“เอ๋…” จู่ๆ เฮ่าชิงชิงคล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงอุทานอย่างดีใจขึ้นมา นางชี้ไปที่ฮูเหยียนเวย หัวเราะชอบใจเป็นอย่างมาก “ร้องไห้อย่างนั้นหรือ! ฮูเหยียนเวย แค่ถีบเบาๆ แค่นี้ เหยียบมดยังไม่ตายเลยด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะร้องไห้ เจ้ายังเป็นบุรุษอยู่หรือเปล่า?”

คนทั้งกลุ่มมองไปทางฮูเหยียนเวยพร้อมกัน เห็นเพียงว่ามีหยาดน้ำตาคลออยู่ในดวงตาฮูเหยียนเวยจริงๆ คนที่ไม่ทราบว่าเขามีแผลที่บั้นท้ายต่างค่อนข้างแปลกใจ

“พระองค์…” ฮูเหยียนเวยมือหนึ่งกุมบั้นท้าย อีกมือชี้หน้าเฮ่าชิงชิงด้วยสีหน้าโกรธเคือง

เขาพูดอะไรไม่ออก คับข้องใจแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยได้ ไม่มีทางบอกออกไปได้ว่าเขาถูกท่านพ่อสั่งโบย อีกทั้งอีกฝ่ายก็เป็นองค์หญิง ตนไม่อาจตอบโต้กลับได้

เขาก็เคยได้ยินมาเช่นกัน องค์ฮ่องเต้มีความคิดจะให้องค์หญิงจอมแก่นคนนี้แต่งเข้าตระกูลฮูเหยียน ต้องการสมรสเกี่ยวดองกับตระกูลฮูเหยียน เพียงแต่ท่าทีของท่านพ่อค่อนข้างเป็นกลาง ดูคล้ายจะไม่อยากเกี่ยวดองกับราชวงศ์ ไม่อยากเข้าสู่วังวนความขัดแย้งในราชวงศ์ ส่วนตัวเขาก็ยิ่งไม่อยากกลายเป็นราชบุตรเขยที่ไม่สามารถเชิดหน้าอย่างมีเกียรติได้ ประกอบกับนิสัยดื้อรั้นของเฮ่าชิงชิง เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเดียดฉันท์เฮ่าชิงชิงยิ่งนัก สตรีประเภทนี้หากแต่งเข้าบ้านตน ตนจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ?

เหิงเทียนต้วนไม่มองเลยด้วยซ้ำ พลันยักมือขึ้น กดมือฮูเหยียนเวยที่ชี้หน้าเฮ่าชิงชิงลงเสีย

เผยเหนียงจื่อก็ปรามเฮ่าชิงชิงเช่นกัน สื่อให้นางอยู่เงียบๆ บ้าง

อันที่จริงในใจของสองศิษย์พี่น้องล้วนทราบดี เกรงว่าเรื่องบางเรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลฮูเหยียนนึกจะปฏิเสธก็ปฏิเสธได้ องค์ฮ่องเต้ต้องการวิวาห์เกี่ยวดองกับตระกูลฮูเหยียนให้ได้ เพียงแต่จากการบอกปัดอย่างละมุนละม่อมของฮูเหยียนอู๋เฮิ่น ทำให้ยากจะบังคับได้ จึงรอโอกาสที่เหมาะสมมาโดยตลอดเท่านั้น

องค์หญิงท่านนี้ครองความโสดไม่ออกเรือนมาจนถึงอายุขนาดนี้ได้ ว่ากันตามตรงก็คือเตรียมจะให้แต่งเข้าตระกูลฮูเหยียนนั่นเอง เกรงว่าอริคู่นี้คงจะกลายเป็นสามีภรรยากันในไม่ช้าก็เร็ว!

สาเหตุก็เข้าใจได้ไม่ยาก ตระกูลฮูเหยียนกุมอำนาจบัญชาการกองทหารม้าที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นฉี และถึงขั้นที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าเอาไว้ ส่วนฮูเหยียนอู๋เฮิ่นก็เป็นขวัญกำลังใจของกองทัพ มิใช่คนที่ผู้ใดจะมาแทนที่ได้ หากกำจัดฮูเหยียนอู๋เฮิ่นทิ้ง กองทัพไร้ซึ่งขวัญกำลังใจ ด้วยผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เกรงว่ากองทหารม้าอันดับหนึ่งในใต้หล้าคงจะต้องล่มสลายเป็นแน่ เรื่องที่เกี่ยวพันถึงความมั่นคงของแคว้นฉี ไม่อาจบุ่มบ่ามได้!

ขอถามหน่อยเถิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ องค์ฮ่องเต้จะล้มเลิกความคิดที่จะการเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลฮูเหยียนได้อย่างไร การวิวาห์เกี่ยวดองต้องเกิดขึ้นแน่นอน!

บุตรชายคนโตและบุตรชายคนรองของตระกูลฮูเหยียนแต่งงานไปนานแล้ว องค์ฮ่องเต้ย่อมต้องหมายตาฮูเหยียนเวยไว้

ด้านฮูเหยียนเวยก็นับว่าอายุไม่น้อยแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แต่งภรรยา ไม่ใช่เพราะเขาขาดคุณสมบัติอันใด หากแต่เป็นเพราะคนส่วนใหญ่ต่างทราบดี ราชบุตรเขยที่องค์ฮ่องเต้หมายตา ผู้ใดจะกล้าแย่งชิงเล่า?

ถึงทั้งสองจะไม่ถูกชะตากันก็ไม่มีประโยชน์ ฮูเหยียนเวยจะไปเที่ยวเตร่ขลุกอยู่ในหอคณิกาเป็นประจำก็ไม่มีประโยชน์ องค์ฮ่องเต้ไม่มีทางถือสาเรื่องนี้ เมื่อมองจากภาพรวมแล้ว ไม่ช้าก็เร็วอริคู่นี้จะต้องเกี่ยวดองกันอย่างไม่อาจขัดขืนได้

การปรากฏตัวของเฮ่าชิงชิงทำให้ฮูเหยียนเวยหมดอารมณ์สนุก หงุดหงิดจนไม่อยากอยู่ต่อแล้ว เอ่ยอย่างอารมณ์เสียว่า “สรุปแล้วหนิวโหย่วเต้าคนนั้นจะมาหรือไม่มากันแน่?”

เฮ่าชิงชิงที่กวาดตามองไปรอบๆ ก็เอ่ยตอบไปทันทีว่า “น่าจะไม่มา”

ฮูเหยียนเวยหันไปมอง “พระองค์รู้ได้อย่างไรว่าเขาจะไม่มา? ทำเหมือนพระองค์รู้จักเขาดีอย่างนั้นแหละพ่ะย่ะค่ะ”

เฮ่าชิงชิงยิ้มออกมาอีกครั้ง พยักพเยิดหน้าใส่เขาอย่างท้าทาย เอ่ยด้วยความเย่อหยิ่งว่า “ใครมันจะเป็นพวกขี้แพ้สายตาคับแคบเช่นเจ้าเล่า เจ้าน่ะ นอกจากสตรีชั้นต่ำในหอคณิกาเหล่านั้นแล้วยังรู้จักผู้ใดบ้าง? ถูกต้อง เจ้าฟังข้าให้ดีๆ นะ หนิวโหย่วคนนี้ข้ารู้จักเขาจริงๆ ซ้ำยังเคยกินอาหารร่วมโต๊ะกับเขามาแล้วด้วย เจ้าเชื่อหรือเปล่าล่ะ?”

…………………………………………………………………………..

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

Status: Ongoing
ใต้หล้ากว้างใหญ่…จะลมก็ดี จะฝนก็ช่าง ไม่มีอะไรจะขวางข้าได้!นิยายแปลกำลังภายในเลือดเดือดร้อยเล่ห์กล พระเอกฉลาดมากไหวพริบ ฉากบู๊มันสะใจ!เมื่อปรมาจารย์แห่งการขุดสุสานผู้หลงใหลในการบำเพ็ญเพียรได้หลุดเข้าไปในยุคสมัยโบราณอันวุ่นวายเพราะไฟสงครามด้วยโชคชะตาวาสหนาหนุนนำ ทำให้เขาได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาและต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อสยบใต้หล้าเอาไว้ในกำมือ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท