ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ตอนที่ 312 ครั้งนี้ท่านก่อเรื่องใหญ่แล้ว

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 312 ครั้งนี้ท่านก่อเรื่องใหญ่แล้ว

ตอนที 312 ครั้งนี้ท่านก่อเรื่องใหญ่แล้ว

ลิ่งหูชิวถาม “ท่านไม่รู้หรือว่าสิ่งที่ทำการประมูลในครั้งนี้มันเป็นเผือกร้อนลวกมือ?”

เฟิงเอินไท่ตอบว่า “ผู้ใดจะไม่รู้เล่า? แต่รู้แล้วอย่างไร? คนที่มาจัดการเรื่องม้าศึกทางแคว้นฉี ต่อให้ไม่ร่วมงานประมูลครานี้ มันจะมีสักกี่คนที่สามารถจัดการเรื่องม้าศึกได้อย่างราบรื่น? ใครบ้างที่ไม่เสี่ยงอันตราย? มีสักกี่คนที่ไม่เจอการต่อสู้ฆ่าฟัน? เมื่อมีโอกาสมันก็ต้องลองดูหรือเปล่า มิเช่นนั้นจะมีคนมาประมูลกันมากมายปานนี้ได้อย่างไร ข้าว่าพวกเจ้าสองคนคงรู้เรื่องงานประมูลแต่แรกแล้วกระมัง เหตุใดถึงไม่บอกข้าก่อน?”

ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “ที่ไม่บอกท่านก็เพราะหวังดีต่อท่าน ไม่อยากดึงท่านเข้ามาข้องเกี่ยว เลี่ยงไม่ให้ท่านต้องลำบากใจ ใช่แล้ว…” เขามองซ้ายมองขวา “เหตุใดถึงไม่เห็นคนอื่นๆ เลย สำนักหยกสวรรค์ส่งท่านมาเข้าร่วมงานประมูลคนเดียวหรือ?”

เฟิงเอินไท่ตอบว่า “คนอื่นล่วงหน้าไปก่อนแล้ว”

ลิ่งหูชิงถามต่อ “กลับไปแล้ว? ทิ้งให้ท่านอยู่จัดการเรื่องม้าศึกทางนี้คนเดียวหรือ? เป็นไปไม่ได้กระมัง?”

เฟิงเอินไท่เอ่ยว่า “ข้าหมายถึงพวกเขานำของที่ประมูลได้จากไปแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะตามไปสมทบกับพวกเขา หวังว่าครั้งนี้จะผ่านไปได้อย่างราบรื่น!”

“ของที่ประมูลได้?” สีหน้าลิ่งหูชิวและหนิวโหย่วเต้าพลันแปรเปลี่ยนมหันต์ ทั้งสองหยุดนิ่งบนผิวน้ำ เบิกตามองเฟิงเอินไท่ที่ทะยานต่อไปด้านหน้า

เฟิงเอินไท่ที่อยู่ด้านหน้าร่อนเหยียบผิวน้ำแล้วหันกลับมามอง จากนั้นบินกลับมา เอ่ยถามว่า “มีอะไรหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถามเสียงขรึม “ท่านประมูลใบอนุญาตพวกนั้นไปหรือ?”

เฟิงเอินไท่กลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ เอ่ยตอบว่า “ใบอนุญาตชุดแรกเป็นพวกเราที่ประมูลไป จะว่าไปก็ต้องขอบใจน้องสามที่บังคับขายให้พวกเราในราคาหมื่นเหรียญทอง เรียกได้ว่าประหยัดเงินได้มากโข ไม่ต่างจากยกให้เปล่าๆ เลย หลังจากนี้ก็ควรมานั่งคิดกันแล้วว่าจะหลบเลี่ยงปัญหากันอย่างไร เจ้าวางใจเถอะ หากขนส่งม้ากลับไปได้อย่างราบรื่น เจ้าจะมีความดีความชอบในส่วนนี้ด้วย ข้าจะช่วยพูดให้เจ้าแน่”

ลิ่งหูชิวและหนิวโหย่วเต้าพูดไม่ออก มองเขาด้วยความตกตะลึง ท่าทางของทั้งสองเหมือนอยากจะทุบตีเขาใจแทบขาด

เฟิงเอินไท่ถามด้วยความสงสัย “เหตุใดพวกเจ้าถึงมองข้าเช่นนี้?”

หนิวโหย่วเต้ากัดฟันถาม “ท่านประมูลใบอนุญาตชุดแรกไปหรือ?”

เฟิงเอินไท่ยิ้มเจื่อนพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะประมูลชุดแรกเลยจริงๆ ผู้ใดจะทราบเล่าว่าเจ้าจะจัดการรวดเร็วขนาดนั้น ทันทีที่คนของพวกเรายกมือขึ้น เจ้าก็บังคับขายให้พวกเราเสียแล้ว ตอนแรกข้ายังสงสัยอยู่หน่อยว่าเจ้ารู้ว่าเป็นพวกเดียวกันเลยตั้งใจขายให้ แต่ตอนนี้เห็นทีจะมิได้เป็นเช่นนั้น”

ลิ่งหูชิวเอ่ยด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “นี่เหล่าเฟิง ท่านรู้ว่าสิ่งนี้มีปัญหายุ่งยาก แต่ก็ยังกล้าประมูลไปอีกหรือ?”

เฟิงเอินไท่ตอบว่า “ก็ข้าไม่เห็นมีผู้ใดยกมือตอนที่น้องสามให้เสนอราคาประมูล…ข้ารู้ดีว่าน้องสามต้องการอาศัยการประมูลครั้งนี้เพื่อเอาตัวรอด ไหนเลยจะนิ่งดูดายได้ ย่อมต้องช่วยเขาทำให้การประมูลมันคึกคักขึ้นมา ปัญหามันย่อมต้องมีเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ข้าก็เตรียมการไว้พร้อมเช่นกัน ข้าทำการตรวจสอบเส้นทางใต้น้ำมาก่อนล่วงหน้าแล้ว มั่นใจว่าไม่มีผู้ใดดักซุ่มอยู่ใต้น้ำ พื้นที่ของทะเลสาบส่องนภาแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล ผู้ใดจะทราบเล่าว่าพวกเรามาจากฝั่งไหน ขอเพียงไม่ถูกคนจับตามอง เราก็ยังมีโอกาสหนีรอดออกไปได้ หากไม่มีความมั่นใจอยู่บ้าง ข้าไหนเลยจะกล้ามาร่วมการประมูลง่ายๆ”

หนิวโหย่วเต้าเงยหน้ามองฟ้าพลางถอนหายใจออกมา “ภัยจากคนนอกป้องกันง่าย ภัยจากคนในป้องกันยาก ข้ายอมใจท่านแล้วจริงๆ!”

ลิ่งหูชิวก็ยกมือตบหน้าผากตัวเองดังแปะ! “จบเห่แล้ว เหล่าเฟิง ข้าว่าครั้งนี้ท่านก่อเรื่องใหญ่แล้ว”

เฟิงเอินไท่ถามด้วยความสับสนไม่เข้าใจ “ท่าทางเช่นนี้ของพวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

ลิ่งหูชิวลดมือลงจากหน้าผาก เคาะหลังมือถี่ๆ เอ่ยไปว่า “พี่ใหญ่หนอพี่ใหญ่ ข้าล่ะยอมใจท่านจริงๆ เลย สำนักหยกสวรรค์ก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้ส่งท่านมาจัดการเรื่องม้าศึก ท่านทำเช่นนี้ไม่กลัวว่าศิษย์สำนักหยกสวรรค์จะต้องตายกันหมดหรือ! ทหารโง่ตายลำพัง นายพลโง่หายนะทั้งกองทัพ คำกล่าวนี้ข้าเพิ่งจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็วันนี้เอง นี่พี่ใหญ่ ท่านเองก็รู้ว่าใบอนุญาตนั่นมีปัญหา แต่ยังกล้าไปแตะต้องมันอีก น้องสามช่วยขจัดภัยนี้แทนท่านแล้ว แต่ท่านดันไปชักภัยกลับมาใส่ตัวอีก ท่านทำแบบนี้อยากให้พวกเราโมโหตายกระมัง! ”

หนิวโหย่วเต้าก้มหน้าถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “พี่รอง ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้ข้านึกอยากจะจับเขาแขวนคอตายให้รู้แล้วรู้รอด หรือไม่ก็แทงเขาสักหมื่นทีก็ได้ ข้ายังไม่อยากตาย มิเช่นนั้นข้าคงไม่ไปต่อสู้กับคุนหลินซู่เช่นนั้นหรอก ท่านเอามีดมาให้ข้ายืมหน่อย”

ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “ข้าไม่มีมีด แต่กระบี่ในมือเจ้าก็ใช้ได้เช่นกัน เจ้าวางใจได้ ข้ารับรองว่าจะไม่ขวางเจ้าแน่ เอาเลย!”

พอเห็นว่าหนิวโหย่วเต้ามีท่าทางเหมือนอยากจะชักกระบี่ออกมาสังหารตนใจแทบขาดแล้วจริงๆ เฟิงเอินไท่ก็รีบเหินละลิ่วออกไป เว้นระยะไว้พอควร เอ่ยขึ้นว่า “ข้าว่าพวกเจ้าสองคนอธิบายมาให้ข้าเข้าใจชัดเจนจะดีกว่า!”

“ไอ๊หยา!” ลิ่งหูชิวยกสองมือปิดหน้าพลางกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ? ใบอนุญาตส่งออกม้าศึกพวกนั้นนั้นมีปัญหาอย่างไรเล่า!”

เฟิงเอินไท่ฉงน “เป็นของปลอมหรือ?”

ลิ่งหูชิวแทบจะร้องไห้แล้ว เขาเงยหน้าขึ้น เอ่ยอย่างยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ มิใช่ของปลอม แต่มีการทำลูกไม้บางย่างกับใบอนุญาตเอาไว้ ขอเพียงพกใบอนุญาตเหล่านั้นติดตัว ท่านหนีไปไหนก็ไม่มีประโยชน์ จะมีคนมากมายไปตามสังหารท่าน แล้วท่านดูสิว่าท่านกำลังก่อเรื่องใดขึ้น! ”

เฟิงเอินไท่ตะลึงงัน จากนั้นก็แสดงท่าทางโมโหโกรธเกรี้ยวออกมา ชี้หน้าทั้งสองพลางเอ่ยตะคอกว่า “พวกเจ้าบอกข้ามาตามตรงซะ พวกเจ้ารู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม เหตุใดถึงปิดบังข้า?”

ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “ปิดบังอันใดเล่า ก็เปิดทางให้ท่านหนีรอดไปอย่างราบรื่นแล้ว พวกเรามาเสี่ยงอันตรายที่นี่แทน ท่านยังมีหน้ามาโวยวายอีกหรือ?”

“ไม่ได้การแล้ว!” เฟิงเอินไท่มีสีหน้าร้อนรนกระวนกระวาย ตระหนักได้ว่าก่อปัญหาใหญ่แล้ว อาจจะทำให้ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ที่ตนพามาต้องตายกันหมดจริงๆ

ลิ่งหูชิว “ไม่ได้การอันใด?”

เฟิงเอินไท่กระทืบเท้าเร่าๆ บนผิวน้ำ ย่ำจนน้ำสาดกระเซ็นไปทั่ว “ยังจะถามอีกว่าไม่ได้การอันใด ข้าต้องรีบไปหาเหล่าศิษย์สำนักหยกสวรรค์แล้ว ต้องรีบเตือนให้พวกเขารู้ ให้พวกเขารีบขจัดภัยที่แฝงมากับใบอนุญาต พวกเจ้าเอาแต่ปิดบังข้า โยกโย้ชักช้า ข้าไม่ไปด้วยแล้ว ขอตัวก่อน!”

“ช้าก่อน!” หนิวโหย่วเต้ารีบยื่นมือไปขวางเขา “ขจัดภัยแฝงที่มากับใบอนุญาตอย่างนั้นหรือ? ท่านคิดจะขจัดทิ้งอย่างไร?”

เฟิงเอินไท่ตอบว่า “ยังจะถามอีกหรือว่าขจัดอย่างไร? ก็ต้องขจัดกลิ่นเหยื่อล่อที่อยู่บนใบอนุญาตทิ้งไปน่ะสิ หรือไม่ก็หาอะไรมากลบกลิ่นบนใบอนุญาตให้มิดชิด ทำให้กลิ่นไม่ปรากฏขึ้นมา เพื่อไม่ให้ร่องรอยถูกเปิดเผยแล้วดึงดูดให้คนตามมาไล่ฆ่า ข้าไม่อยู่เถียงกับพวกเจ้าแล้ว ข้าต้องรีบไปจัดการก่อน มิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นได้!”

เขาเพิ่งจะหันหลังให้ หนิวโหย่วเต้าก็ปราดเข้าไปคว้าแขนเขาไว้ทันที “แล้วพวกข้าจะทำอย่างไร?”

“เจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำไป มิใช่ข้าจะว่าเจ้าหรอกนะ แต่เจ้าแสร้งแพ้มาแล้วครั้งหนึ่ง แสร้งแพ้อีกครั้งแล้วจะเป็นอะไรไป ไยต้องลงมือเล่นงานคนถึงตายด้วย? ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่กลัวปัญหายุ่งยากอยู่แล้วนี่ เจ้าก็จัดการไปได้เลย ยังต้องถามข้าด้วยหรือว่าต้องทำอย่างไร ข้าไม่ยุ่งกับเจ้าแล้ว”

“ความหมายของท่านคือต้องให้ข้าถูกคุนหลินซู่ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสถึงจะเรียกว่าแพ้อย่างนั้นหรือ? ด้วยความจองหองของคนผู้นี้ หากไม่ได้ตัดอวัยวะสักชิ้นจากร่างข้าไปเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันชัยชนะของเขา ท่านคิดว่าเขาจะยอมรามือไปง่ายๆ หรือ? เหล่าเฟิง ท่านยังเป็นพี่ใหญ่ร่วมสาบานของข้าอยู่หรือไม่?”

“พวกเจ้าจะเถียงกันไปทำไม? กำลังรีบกันอยู่มิใช่หรือ?” ลิ่งหูชิวยื่นมือเข้ามือปรามคนทั้งสอง

หนิวโหย่วเต้าวกกลับเข้าประเด็นทันที “เหล่าเฟิง ข้าขอถามท่านหน่อยเถิด หากท่านขจัดภัยที่แฝงอยู่ในใบอนุญาตทิ้งไป แล้วทางข้าจะทำอย่างไร”

เฟิงเอินไท่กล่าวว่า “เจ้าประมูลออกไปแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าอีก?”

ลิ่งหูชิวปรายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า กล่าวไปว่า “พี่ใหญ่ ท่านบอกข้ามาตามตรง เรื่องจัดหาม้าศึกเป็นเพราะคนอื่นบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยงกันหมด ทางสำนักหยกสวรรค์ถึงได้ส่งท่านมาใช่หรือไม่?”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” เฟิงเอินไท่ผงะไปเล็กน้อย

หนนี้ถึงตาหนิวโหย่วเต้าที่ทนไม่ไหวจนยกมือตบหน้าผาก ลิ่งหูชิวหันมองไปทางซ้ายทีขวาที หัวเราะ “เฮอะๆ” ออกมา

เฟิงเอินไท่คล้ายจะตระหนักได้แล้วว่าเอ่ยถึงสำนักเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะ จึงเอ่ยเสียงขรึมว่า “อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าทุกคนบ่ายเบี่ยงหรอก เพียงแต่ล้วนทราบกันดีว่าเรื่องนี้จัดการได้ยาก ตอนนั้นไม่มีผู้ใดแสดงท่าทีอะไรออกมา แต่สุดท้ายมันก็ต้องมีคนรับผิดชอบจัดการใช่ไหมล่ะ ข้าจึงอาสามาทำเอง”

หนิวโหย่วเต้าก้มหน้าหลุบตาลง เอ่ยพึมพำ “เผิงโย่วไจ้คงเกลี้ยกล่อมให้ท่านลองคิดดูดีๆ อีกทีใช่หรือเปล่า”

ครั้งนี้เฟิงเอินไท่ตะลึงไปแล้วจริงๆ “แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็เดาออกอย่างนั้นหรือ?”

ลิ่งหูชิวอึกอักอยากพูดอะไร สุดท้ายก็เลือกใช้ถ้อยคำที่ฟังดูรื่นหูหน่อย “อันที่จริงเจ้าสำนักเผิงคงอยากจะส่งคนอื่นมา ไม่อยากให้ท่านต้องมารับภาระนี้ แต่ท่านเสนอตัวมาเอง เจ้าสำนักเผิงก็ไม่สะดวกจะบังคับฝืนใจคนที่นิ่งเฉยเหล่านั้น ดังนั้นถึงได้มาเกลี้ยกล่อมท่าน หากท่านไม่มา เขาก็จะได้ให้คนอื่นมาแทนได้”

เฟิงเอินไท่ถอนใจพลางเอ่ยว่า “ข้ากับเจ้าสำนักเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์ สายสัมพันธ์ระหว่างพวกเรานับว่าค่อนข้างดี ข้าเองก็รู้ว่าศิษย์พี่หวังดีกับข้า และเนื่องด้วยเหตุนี้ เมื่อถึงเวลาคับขันข้าถึงต้องการก้าวออกมาช่วยแบ่งเบาภาระของเจ้าสำนัก!”

“แบ่งเบาภาระหรือ? ฮ่าๆ ข้าว่าตอนนี้เผิงโย่วไจ้คงนึกอยากจะแทงท่านสักทีสองทีแล้ว” หนิวโหย่วเต้าเงยมองฟ้าพลางทอดถอนใจ

เฟิงเอินไท่ถาม “เจ้าพูดจาคลุมเครือแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”

ลิ่งหูชิวรีบเข้ามาเกลี่ยไกล่สถานการณ์ “พี่ใหญ่ นอกจากคนที่มีส่วนร่วมในการวางอุบายครั้งนี้แล้ว ไม่มีผู้ใดทราบว่ามีการเล่นลูกไม้กับใบอนุญาต หากท่านทำลายเบาะแสในใบอนุญาตสามฉบับนั้น ท่านคิดว่าพวกเขาจะสงสัยผู้ใดเล่า? คนแรกที่พวกเขาจะสงสัยย่อมเป็นน้องสาม ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ฮ่องเต้จะมาคิดบัญชีกับน้องสามเลย เอาแค่เรื่องที่น้องสามทำให้คุนหลินซู่ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น ถึงแม้การรับรองก่อนหน้านี้จะทำให้พวกเขาไม่สะดวกจะมาหาเรื่องน้องสาม แต่หากเกิดเรื่องนี้ขึ้น สำนักเพลิงนภาไหนเลยจะไม่เล่นงานน้องสามให้ตาย?”

“เอ่อ…” เฟิงเอินไท่ขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างลังเล “ตอนนี้น้องสามเป็นอิสระแล้ว หากพวกเจ้าออกจากแคว้นฉี…”

หนิวโหย่วเต้ากลอกตาเอ่ยไปว่า “พวกเขาจะรอให้ข้าหนีออกไปก่อนแล้วค่อยตามล่าข้าอย่างนั้นหรือ? แน่จริงท่านก็ช่วยไปต่อรองกับพวกเขาแทนข้าสิ”

ลิ่งหูชิวเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ ที่เราทำเช่นนี้ก็เพราะหวังดีต่อท่าน คนที่อยู่ข้างกายน้องสามก็มีกันอยู่แค่นี้ ซ้ำท่านยังเผยตัวออกมาในสถานที่จัดประมูลอีก หากพวกเขานึกสงสัยในตัวน้องสามขึ้นมา มีหรือที่พวกเขาจะไม่นึกสงสัยไปถึงสำนักหยกสวรรค์ของท่านด้วย? เมื่อตกเป็นเป้าที่พวกเขาเพ่งเล็งแล้ว ท่านขจัดกลิ่นไปจะมีประโยชน์อันใด? พวกเขาจะต้องไล่ล่าสำนักหยกสวรรค์ของท่านเหมือนอย่างเวลาที่อยู่ในแคว้นฉีอย่างแน่นอน!”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ท่านถือใบอนุญาตนั้นไว้แล้วจะขนม้าศึกผ่านด่านไปได้หรือ? ถ้าขนผ่านด่านไป เกิดแคว้นฉีใช้อำนาจของทางราชสำนักมาจัดการท่านเล่า ต่อให้ท่านเลือกขนส่งทางบกก็ไม่มีทางหนีรอด อีกฝ่ายแค่ติดต่อไปหาแคว้นอื่นๆ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย ลำพังแค่ใช้เรื่องม้าศึกมาเป็นเงื่อนไข พวกเขาก็สามารถทำให้กลุ่มอิทธิพลที่อยู่ในพื้นที่ที่ท่านจะต้องผ่านยึดม้าศึกของท่านเอาไว้ได้แล้ว”

ลิ่งหูชิวเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า “ส่วนเรื่องขนส่งทางทะเลอันใด พวกเราคงไม่ต้องพูดไร้สาระกันให้มากความอีก พี่ใหญ่ อีกฝ่ายทราบถึงร่องรอยของใบอนุญาตขนส่งเจ็ดฉบับนั้น หากพวกเขาต้องการจัดการอีกสามฉบับที่เหลือด้วย ท่านครอบครองไว้ก็ไม่มีประโยชน์ อีกทั้งจะเป็นการหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวด้วย ไยต้องยึดติดด้วย?”

ทั้งสองผลัดกันเอ่ยเกลี้ยกล่อมโน้มน้าว ทำให้เฟิงเอินไท่ยอมอ่อนลง เอ่ยด้วยความกังวลว่า “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”

หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจดังเฮ้อ กล่าวไปว่า “ยังจะทำอย่างไรได้เล่า? ปล่อยไปซะ อย่ากระโตกกระตาก หากมีคนมาชิงไป ก็รีบโยนให้เขาเก็บไปก็พอ พยายามหนีห่างออกมาให้ไกล เอาเป็นว่าถ้ายังอยากอยู่ในแคว้นฉีต่อ ก็อย่าได้เป็นอริกับราชสำนักแคว้นฉีเพราะเรื่องนี้เลย ส่วนเรื่องม้าศึกพวกเราค่อยมาคิดหาทางอื่นกัน!”

เฟิงเอินไท่เอ่ยอย่างค่อนข้างเสียดาย “ใบอนุญาตขนส่งม้าศึกสามหมื่นตัวเชียวนะ! ซ้ำยังเสียเงินหมื่นเหรียญทองไปเปล่าๆ อีก!”

ลิ่งหูชิวประสานมือเอ่ยไปว่า “พี่ใหญ่ ตอนนี้อย่าเพิ่งมานั่งสนใจเรื่องนี้อีกเลย เผลอๆ อีกฝ่ายอาจจะเริ่มตามล่าศิษย์สำนักหยกสวรรค์ของท่านแล้วก็ได้ ท่านอยากให้พวกเขาตายกันหมดจริงๆ หรือ!”

เฟิงเอินไท่สะดุ้งโหยง “ชักช้าไม่ได้แล้ว ข้าไปก่อนล่ะ!” เอ่ยจบก็พุ่งทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว

………………………………………………………………………..

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

Status: Ongoing
ใต้หล้ากว้างใหญ่…จะลมก็ดี จะฝนก็ช่าง ไม่มีอะไรจะขวางข้าได้!นิยายแปลกำลังภายในเลือดเดือดร้อยเล่ห์กล พระเอกฉลาดมากไหวพริบ ฉากบู๊มันสะใจ!เมื่อปรมาจารย์แห่งการขุดสุสานผู้หลงใหลในการบำเพ็ญเพียรได้หลุดเข้าไปในยุคสมัยโบราณอันวุ่นวายเพราะไฟสงครามด้วยโชคชะตาวาสหนาหนุนนำ ทำให้เขาได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาและต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อสยบใต้หล้าเอาไว้ในกำมือ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท