ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ตอนที่ 331 หากเจ้าไม่รังแกข้า ข้าก็ไม่มีทางรังแกเจ้า

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 331 หากเจ้าไม่รังแกข้า ข้าก็ไม่มีทางรังแกเจ้า

ตอนที่ 331 หากเจ้าไม่รังแกข้า ข้าก็ไม่มีทางรังแกเจ้า

ก่วนฟางอี๋นอนตะแคงนิ่งๆ แรกเริ่มยังคงคาดหวังตั้งตาอย่างยิ่ง พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา เอ่ยขึ้นว่า “นี่ หนิวโหย่วเต้า!”

หนิวโหย่วเต้าที่ถือถ่านวาดภาพอยู่ตอบกลับว่า “มีบ่าวที่ไหนเรียกชื่อนายออกมาตรงๆ บ้าง?”

ก่วนฟางอี๋ยิ้มเยาะ “สัญญาขายตัวไม่อยู่แล้ว”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “หากเจ้าไม่กลัวข้าจะวาดเจ้าออกมาเป็นยายเฒ่าก็ลองดู”

“เจ้า…” ก่วนฟางอี๋โมโหนัก

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยสั่ง “อย่าขยับ! กลับไปอยู่ท่าเดิม”

สตรีที่เตรียมจะระเบิดอารมณ์ชะงักไปทันที กัดฟันกรอดแล้วปรับท่าทางให้เหมือนเดิม เอ่ยด้วยน้ำเสียงชิงชัง “ต่อไปจะเรียกเจ้าว่านายท่านหนิวดีหรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ไม่ต้องหรอก เรียกเหมือนที่คนทางฝั่งลิ่งหูชิวเรียกแล้วกัน เรียกข้าว่าเต้าเหยี่ยก็พอ”

“เฮอะ วางมาดทำตัวมีอายุ” ก่วนฟางอี๋เอ่ยเยาะหยัน

หนิวโหย่วเต้าหยุดมือแล้วเอ่ยถาม “เจ้าจะเรียกหรือไม่เรียก?”

ก่วนฟางอี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงแดกดัน “เต้าเหยี่ย พอใจแล้วกระมัง?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “พูดให้มันปกติหน่อยได้หรือไม่? นุ่มนวลกว่านี้”

ก่วนฟางอี๋เปลี่ยนน้ำเสียงให้อ่อนหวานทันที แต่ใบหน้ากลับแสดงสีหน้าเย้ยหยัน “เต้าเหยี่ย!”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ พลางส่ายหน้า “เรียกเช่นนี้ค่อยเข้ากับชื่อเสียงของเจ้าหน่อย”

“ชิ!” ก่วนฟางอี๋ส่งเสียงหยันอีกครั้ง เปลี่ยนประเด็นสนทนากลับเข้าเรื่องจริงจัง “เอาจริงๆ นะ เจ้าอย่าไปยุ่งเรื่องของเว่ยฉูเลย หากเจ้าอยากรนหาที่ตายก็อย่าได้ลากข้าไปตายด้วยเลย”

หนิวโหย่วเต้าถาม “เจ้ากลัวข้าจะทำพลาดหรือ?”

ก่วนฟางอี๋กล่าวว่า “อาศัยเพียงพวกเจ้าคิดจะสังหารเขาอย่างนั้นหรือ? อย่าก่อเรื่องเลย จินอ๋องคือองค์ชายใหญ่ มีขุนนางในราชสำนักมากมายที่เห็นด้วยกับการสืบทอดตามลำดับอาวุโส คนเหล่านั้นล้วนมีใจเอนเอียงไปทางเขา หากลงมือกับคนของจวนจินอ๋องโดยพลการ ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมา แม้แต่ปู้สวินก็ปกป้องเจ้าไม่ได้”

หนิวโหย่วเต้าวาดต่อไปพลางเอ่ยอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “ข้าสังหารเขาไม่ได้ แต่มีคนที่สังหารเขาได้แน่นอน”

ก่วนฟางอี๋ฉงน เอ่ยถามออกไป “ผู้ใด?”

หนิวโหย่วเต้าก็ไม่ได้ปิดบังอำพรางใดๆ ตอบนางไปตรงๆ “ลิ่งหูชิว!”

“เขาน่ะหรือ?” ก่วนฟางอี๋เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะออกมา “เจ้าล้อเล่นอยู่หรือไร? พวกเขาสามนายบ่าวจะจัดการเว่ยฉูได้หรือ? เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าแค่เพียงจะเข้าใกล้เว่ยฉูก็ยังลำบากเลย เจ้าคิดว่าเว่ยฉูไปไหนมาไหนตามลำพังแล้วจะลงมือได้ง่ายปานนั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “หากเป็นหอจันทร์กระจ่างเล่า?”

“…..” ก่วนฟางอี๋ผงะไป “จะจ้างวานมือสังหารของหอจันทร์กระจ่างหรือ? ข้าขอบอกเจ้าเลยนะ เป้าหมายอย่างเว่ยฉูเนี่ย หอจันทร์กระจ่างไม่แน่ว่าจะรับจัดการ หรือต่อให้รับ แต่คนที่มีฐานะระดับเว่ยฉูค่าหัวต้องสูงลิ่วแน่นอน!”

หนิวโหย่วเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาอย่างเย็นชา “มีความเป็นไปได้สูงว่าลิ่งหูชิวจะเป็นคนที่หอจันทร์กระจ่างส่งมาเข้าใกล้ข้า”

“…..” ก่วนฟางอี๋ตกตะลึง ลุกพรวดขึ้นมาทันที เอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เขาเป็นคนของหอจันทร์กระจ่างอย่างนั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้น โบกมือสั่ง “นอนลง กลับไปอยู่ท่าเดิม”

ครั้งนี้นางกลับเต็มใจทำตามอย่างว่าง่าย ไม่ได้พูดบ่นยอกย้อนเหมือนอย่างก่อนหน้า จัดแจงเสื้อผ้าเล็กน้อย ลูบสางผมจัดตำแหน่งให้เรียบร้อยแล้วกลับไปอยู่ในท่าเดิม น้ำเสียงแผ่วเบาลงหลายส่วน “หอจันทร์กระจ่างส่งคนมาแฝงตัวอยู่ใกล้เจ้า นี่มันเรื่องอะไรกัน? เจ้ามีค่าพอให้หอจันทร์กระจ่างลงทุนขนาดนี้เชียวหรือ?”

เขาจรดแท่งถ่านลงบนกระดาษแล้ววาดต่อ “ยังมีบางเรื่องที่ข้าไม่แน่ใจ พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ หากรู้มากไปก็ไม่เป็นผลดีต่อเจ้าเช่นกัน ที่ข้ามาหาเจ้าในวันนี้เพราะต้องการบอกให้เจ้ารู้ ข้าขอให้ลิ่งหูชิวไปสังหารเว่ยฉู ต้อนเขาไปสู่ทางตันแล้ว”

ก่วนฟางอี๋กะพริบตาปริบๆ “หมายความว่าอย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้าคล้ายกำลังทุ่มสมาธิจดจ่อกับภาพวาด เอ่ยตอบอย่างเฉยชาว่า “หากเขาไม่สังหารเว่ยฉู เขาก็ต้องสังหารข้าแทน หากไม่มีโอกาสสังหารข้า เขาก็ทำได้เพียงต้องไปสังหารเว่ยฉู ข้าย่อมไม่เปิดโอกาสให้เขาแน่นอน ดังนั้นตัวเลือกของเขาจึงเหลือเพียงอย่างเดียว นับจากวันนี้ไป ข้าจำเป็นต้องมานอนกับเจ้า ใช้เรื่องสัมพันธ์ชายหญิงมาปิดบังอำพราง เมื่อฉากหน้าเจ้าและข้ามีสัมพันธ์เช่นนี้แล้ว พฤติกรรมและการกระทำของเจ้าหลังจากนี้มันถึงจะสมเหตุสมผล”

ก่วนฟางอี๋ฉงน ที่มากไปกว่านั้นคือลังเลไม่แน่ใจ

ไม่รอให้นางได้อ้าปาก หนิวโหย่วเต้ากล่าวต่อไปว่า “จำไว้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเราไม่เพียงแต่ต้องนอนด้วยกันเท่านั้น แต่เจ้าจะต้องพาคนสนิทที่ไว้ใจได้มาคอยติดตามข้าอย่างใกล้ชิดด้วย อย่าปล่อยให้ข้าอยู่ตามลำพัง อย่าเปิดโอกาสให้เขา ยามที่อยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้เขาไม่กล้าลงมืออย่างโจ่งแจ้ง ขอเพียงมีคนคุ้มกันอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา เขาก็จะหาโอกาสลงมือไม่ได้ เมื่อเขาหาทางลงมือกับข้าไม่ได้ เขาก็ทำได้เพียงต้องพยายามซื้อใจข้าต่อไป และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแล้ว เขาก็ทำได้เพียงต้องไปสังหารเว่ยฉูเท่านั้น!”

จิตใจก่วนฟางอี๋ปั่นป่วนว้าวุ่น “หนิวโหย่วเต้า…เต้าเหยี่ย นี่เต้าเหยี่ย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ พวกเจ้าเล่นอะไรอยู่ เจ้าอย่ามาหลอกให้ข้ากลัวนะ ตัวข้าทนรับปัญหาที่หนักหนาเกินไม่ไหวหรอกนะ แค่ฟังข้าก็กลัวไปหมดแล้ว!”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ต่อไปเจ้าจะเข้าใจเอง ตอนนี้ถามมากไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าแค่จัดการไปตามที่ข้าบอกก็พอ เจ้าวางใจเถอะ หลังจบเรื่องข้าจะต้องตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน”

ก่วนฟางอี๋เอ่ยถาม “เจ้ากล้าไว้ใจข้าขนาดนี้เชียวหรือ? ไม่กลัวข้าแพร่งพรายความลับหรือไร?”

หนิวโหย่วเต้าเชยตาขึ้นมามองนางเล็กน้อย จากนั้นก้มลงวาดภาพต่อ “ควบม้าท่องหล้า จะลมก็ดี จะฝนก็ช่าง บางคราราบรื่นสมใจ บางคราเผชิญภัยระทม ทว่าข้าล้วนฝ่าฟันผ่านมาได้ตลอด หากไม่มีความสามารถพอตัวก็คงไม่กล้าเดินบนเส้นทางนี้ ข้าตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเพียงลำพัง เดินมาถึงขั้นนี้ไร้หนทางให้ถอยกลับแล้ว ขณะนี้ข้างกายขาดคนคอยช่วยงาน ในเมื่อได้พบเจ้าแล้วก็มีแต่ต้องพึ่งพาเจ้า อีกทั้งไม่มีทางเลือกอื่นให้เจ้าแล้วเช่นกัน”

“วันนี้ข้าจะกล่าวกับเจ้าด้วยความสัตย์จริง ใช้ใจแลกใจ หวังว่าเจ้าจะจริงใจต่อข้าด้วยเช่นกัน ตัวข้าผู้นี้ถึงแม้จะมิใช่คนดีอะไร แล้วก็มิได้มีความยุติธรรมอันใด แต่ข้าเป็นคนมีสัจจะ! เจ้าช่วยเหลือเป็นกำลังให้ข้า ข้าก็จะมอบอนาคตที่สดใสให้เจ้าเป็นการตอบแทน หากเจ้ากล้าทรยศข้า เจ้าเองก็รู้ตัวดีว่าเจ้าไม่กล้าออกจากเมืองหลวงแห่งนี้ หากไม่กลัวจะถูกปู้สวินสังหารเจ้าจะลองดูก็ได้ ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าต้องตายอย่างอนาถแน่นอน!”

เรื่องราวเป็นไปตามที่เขาบอกเล่าออกไป ตอนนี้เขาแทบจะเผชิญอันตรายเพียงลำพังแล้วจริงๆ ทั้งต้องหาทางปกป้องชีวิตตัวเอง แล้วก็ยังต้องหาวิธีจัดการภารกิจของทางจังหวัดชิงซานให้สำเร็จลุล่วงด้วย ภายนอกดูเหมือนเขาผ่อนคลายสบายใจ มีใจออกไปเดินเที่ยวเล่น ซ้ำยังมีอารมณ์มาหยอกเอินสตรีสูงวัยนางนี้อีก ทว่าความแล้วจริงสถานการณ์ของเขายากลำบากมากจริงๆ

นับตั้งแต่มาถึงเมืองหลวงแคว้นฉีแห่งนี้ก็เกิดเรื่องขึ้นไม่หยุดหย่อน ทุกเรื่องล้วนอยู่เหนือการควบคุมของเขาทั้งสิ้น ควบคุมไม่ได้เลยสักเรื่อง ทุกย่างก้าวล้วนเต็มไปด้วยความน่าหวาดหวั่น หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปเกรงว่าคงถูกฆ่าตายไปนานแล้ว

ข้างกายมีหมาป่าตัวร้ายคอยจ้องตาเป็นมัน อาจจะเข้ามาปลิดชีพเขาได้ทุกเมื่อ และสำหรับเขาในตอนนี้ ถึงแม้เมืองหลวงแคว้นฉีจะยังไม่ได้เผยด้านที่โหดร้ายอย่างแท้จริงออกมา แต่มันก็เป็นกระแสน้ำวนขนาดยักษ์ที่หากพลาดพลั้งไปเพียงเล็กน้อยก็อาจถูกดูดกลืนเข้าไปได้ เรียกได้ว่ามีปัญหารุมเร้าทั้งนอกใน ทว่าข้างกายกลับไร้ซึ่งคนคอยช่วยเหลือ และไม่มีคนใกล้ตัวให้เรียกใช้ด้วย ความสามารถในการรับมือกับโลกบำเพ็ญเพียรของหยวนกังมีจำกัด หากลากหยวนกังเข้ามาพัวพันด้วยจะเป็นอันตรายต่อหยวนกัง เขาจึงทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองคอยแก้ไขจัดการ

เขาไม่ได้ต้องการให้เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้เลย ตอนนี้สถานการณ์ของเขาลำบากมากจริงๆ ลำบากเป็นอย่างยิ่ง

เขาไม่ได้มาหาก่วนฟางอี๋อย่างไร้สาเหตุ แล้วก็ไม่ใช่เพราะอยู่ว่างไม่มีอะไรทำ

“ข้าไปทำบาปทำกรรมอันใดไว้กัน? เจ้าคิดจะทำอะไรข้าก็ยังไม่รู้เลย แล้วนี่เจ้าลากข้าไปเอี่ยวด้วยเสียแล้ว เลือกใครไม่เลือก ทำไมต้องมากัดข้าไม่ยอมปล่อยด้วย!” ก่วนฟางอี๋เอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าหมองขุ่นเคือง

หนิวโหย่วเต้าจ้องกระดาษวาดภาพ พูดไปด้วยพลางวาดไปด้วย น้ำเสียงอ่อนโยนเนิบช้า “เมืองหลวงแห่งนี้คือกรงทองใบหนึ่ง ส่วนเจ้าก็คือนกขมิ้นที่ถูกขังไว้ในกรงนี้ หลายปีมานี้ไม่เคยได้โบยบินอย่างอิสระเสรีเลยสักครั้ง อีกทั้งเมืองหลวงแห่งนี้ก็ไม่ปล่อยให้เจ้ามีโอกาสได้โบยบินด้วย เจ้ายินดีจะถูกขังเช่นนี้ไปตลอดหรือ? ตอนนี้เจ้ายังขายรอยยิ้ม เผยเนินอกบิดเอวยักย้ายส่ายสะโพกดึงดูดสายตาคนให้สนใจได้ หากถึงวันที่หมดสภาพ ไม่สามารถขายรอยยิ้มเผยอกส่ายสะโพกได้แล้ว อีกทั้งตัวเจ้าก็ไม่มีกำลังมากพอ เมื่อถึงเวลานั้นเมืองหลวงแห่งนี้จะกลายเป็นสัตว์ร้ายที่กินคนจนไม่เหลือซาก มันจะขย้ำคอเจ้าอย่างไร้ความปราณี เจ้าคิดว่าทรัพย์สินที่เจ้าสั่งสมไว้จะยังเป็นของเจ้าอยู่หรือ? โฉมงามโรยรา วีรบุรุษแก่เฒ่า น่าเศร้าเหลือคณา ไยต้องรอให้ถึงวันที่ถูกมองเหยียดหยามแล้วค่อยหวนนึกถึงวันวานเล่า วางแผนเสียแต่เนิ่นๆ เถอะ!”

ก่วนฟางอี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เจ้าพูดออกมาเองว่ากระทั่งตัวเจ้าก็ยังยากจะเอาตัวรอดได้ หากติดตามเจ้า แล้วเจ้าจะมอบสิ่งใดให้ข้าได้?”

“อย่างน้อยข้าก็มอบอนาคตอันสดใสให้เจ้าได้ ให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่!” พอหนิวโหย่วเต้าพูดจบก็โยนแท่งถ่านออกไป หยิบกระดาษขึ้นมา พลิกภาพกลับด้านแล้วดึงให้กางออก ภาพวาดเสร็จสมบูรณ์แล้ว

สตรีที่อยู่บนเตียงจ้องมองภาพวาดนั้นด้วยความตกตะลึง ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินมาหยุดอยู่หน้าภาพ แตะภาพวาดด้วยปลายนิ้วที่สั่นระริก สีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

สตรีในภาพนอนตะแคงอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน กระโปรงและเส้นผมดูพลิ้วไหวสมจริง เผยเนินอกที่ทรงเสน่ห์เย้ายวน ความงามที่ดูเป็นธรรมชาติและควันกำยานอ้อยอิ่งนั้นดูมีเชิงศิลป์ยิ่งนัก ราวกับเทพธิดาที่ถูกโอบล้อมด้วยหมอกหอมจรุงใจ

สตรีในภาพวาดไม่มีรอยเหี่ยวย่น บุคลิกลักษณะดูอ่อนเยาว์มากนัก งดงามเลิศล้ำอย่างแท้จริง

โฉมสะคราญงามพิลาสมีชีวิตชีวาเผยโฉมอยู่บนกระดาษ!

เมื่อได้เห็นตัวเองในวัยเยาว์สดใส ก่วนฟางอี๋ยกมือข้างหนึ่งป้องปากตนไว้ น้ำตาคลอหน่วย เอ่ยเสียงสั่นเครือว่า “นี่เจ้าตั้งใจวาดให้ข้าอ่อนเยาว์ลง ตอนนี้ข้างามขนาดนี้เสียที่ไหน?”

หนิวโหย่วเต้าเดินเข้าไปหยุดข้างกายนาง วางภาพกางไว้บนโต๊ะให้นางได้ชื่นชม เขาเอ่ยอยู่ข้างหูนาง “เดิมทีเจ้าก็งามอยู่แล้ว นี่คือภาพที่สะท้อนตัวเจ้า นกที่ถูกขังอยู่ในกรง ต่อให้งดงามเพียงใดก็ทำได้เพียงมองดูมันขนหลุดร่วงลงไปทุกวัน นานวันเข้าคนย่อมเบื่อที่จะมอง ท้ายที่สุดมันจะร้องครวญเสียงแผ่วโหยล้มสิ้นท่าอยู่ในกรง การสิ้นท่าต่อหน้าคนมากมายน่าอับอายเหลือเกิน ออกจากกรงแล้วติดตามข้าเถิด ด้านนอกนภากว้างใหญ่ พสุธาไพศาล สามารถสยายปีกโบยบิน สามารถเปล่งเสียงร้องขับขาน ได้แก่เฒ่าโรยราในป่าเขา สิ้นใจลงท่ามกลางดงบุปผาที่บานสะพรั่ง ต่อให้ตายก็ตายอย่างงดงาม! หากเจ้าไม่รังแกข้า ข้าก็ไม่มีทางรังแกเจ้า คำมั่นจากข้าเชื่อถือได้มากกว่าคำป้อยอของบุรุษเหล่านั้น!”

ไหล่เพรียวสั่นสะท้าน ก่วนฟางอี๋สะอื้นดัง ‘ฮึกๆ’ มองภาพนั้นผ่านม่านน้ำตาที่พร่ามัวแล้วส่ายหน้า พึมพำกับตัวเอง “งดงามนัก!”

น้ำตานางพรั่งพรู ร้องไห้สะอึกสะอื้น

…..

ฟ้าเพิ่งสว่าง ปีกทองตัวหนึ่งก็บินดั้นด้นฝ่าอรุณเข้ามา ร่อนลงกลางลานเรือน

ผ่านไปสักพัก หงฝูเปิดประตูเข้าไป เดินไปหยุดข้างกายลิ่งหูชิวที่นั่งสมาธิอยู่แล้วเอ่ยว่า “นายท่าน ทางเบื้องบนให้คำตอบเรื่องเว่ยฉูแล้วเจ้าค่ะ”

ลิ่งหูชิวปรือตาขึ้นกึ่งหนึ่ง ดูราวกับถอดจิตก็มิปาน เอ่ยถามเสียงแผ่ว “ว่าอย่างไรบ้าง?”

หงฝูรายงานว่า “การสังหารเว่ยฉูยุ่งยากมาก เพราะเกี่ยวพันกับงานใหญ่ เบื้องบนบอกว่าไม่สะดวกจะลงมือ ความหมายของเบื้องบนคือเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อต่อ ให้ใช้โอสถเทพระทมบังคับหนิวโหย่วเต้าให้คายความจริงออกมาเลยเจ้าค่ะ!”

ลิ่งหูชิวพลันลืมตาขึ้นทันที สองมือวาดหมุนเป็นวงกลม รวบเก็บเข้ามาตรงอกแล้วค่อยๆ กดฝ่ามือลงด้านล่าง เอ่ยไปว่า “หากใช้โอสถเทพระทมก็จะไม่เหลือทางให้ถอยกลับได้แล้ว หนิวโหย่วเต้าไม่ได้ควบคุมได้ง่ายขนาดนั้น ตัวตนของพวกเราจะถูกเปิดเผย!”

หงฝูกล่าวว่า “เบื้องบนสั่งมาว่าหากหนิวโหย่วเต้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับของชิ้นนั้น หลังใช้โอสถเทพระทมแล้วก็ให้ฆ่าปิดปากทันที หากว่าหนิวโหย่วเต้าทราบเรื่องจริงๆ หลังจากได้ข้อมูลมาแล้วก็ให้ฆ่าปิดปากเลยเช่นกัน! สรุปคืออย่าให้ผู้ใดทราบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับทางองค์กรเจ้าค่ะ”

ลิ่งหูชิวเอ่ยไปว่า “หากเกี่ยวพันไปถึงจ้าวสยงเกอจริงๆ พวกเราสามคนจะทำอย่างไรเล่า? อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเขาและทางปู้สวินก็ยังไม่กระจ่างชัดด้วย”

หงฝูกล่าวว่า “ดังนั้นจึงจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับทางองค์กร เบื้องบนบอกว่าหลังจบเรื่องแล้วให้พวกเราปิดบังชื่อแซ่ตัวตน ไม่ต้องปรากฏตัวขึ้นมาอีก หากว่าของอยู่ในมือของจ้าวสยงเกอ ทางองค์กรจะหาโอกาสและหาทางลงมือจัดการเขาเอง พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเจ้าค่ะ!”

ลิ่งหูชิวเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “พูดอีกอย่างคือพอเสร็จภารกิจนี้ พวกเราก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีกต่อไป พอหนิวโหย่วเต้าตาย พวกเราก็ต้องซ่อนตัวกบดาน ถึงจะไม่ใช่ฝีมือของพวกเรา แต่ก็นับว่าเป็นฝีมือของพวกเรา เกรงว่าคงยากจะได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก”

……………………………………………………..

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

Status: Ongoing
ใต้หล้ากว้างใหญ่…จะลมก็ดี จะฝนก็ช่าง ไม่มีอะไรจะขวางข้าได้!นิยายแปลกำลังภายในเลือดเดือดร้อยเล่ห์กล พระเอกฉลาดมากไหวพริบ ฉากบู๊มันสะใจ!เมื่อปรมาจารย์แห่งการขุดสุสานผู้หลงใหลในการบำเพ็ญเพียรได้หลุดเข้าไปในยุคสมัยโบราณอันวุ่นวายเพราะไฟสงครามด้วยโชคชะตาวาสหนาหนุนนำ ทำให้เขาได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาและต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อสยบใต้หล้าเอาไว้ในกำมือ!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท