จอมบงการเทพยุทธ์ – บทที่ 36 ความแข็งแกร่งของราชันศักดิ์

จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 36 ความแข็งแกร่งของราชันศักดิ์

าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองก่อน จุดสูงสุดของเขตแดนมังกรแปลงนั้นยังไม่เพียงพอในตอนนี้”

หลังคิดอยู่พักหนึ่ง ฉินมู่ก็ยังคิดไม่ออกว่าแดนลึกลับที่ใช้ 3.5 ล้านแต้มตกใจเพื่อสร้างจะเป็นอย่างไร

อาจจะเป็นไปได้ว่าแดนลับที่ใช้แต้มมากเพียงนี้ สามารถทําให้ทั้งแดนร้างตะวันออกต้องตกตะลึงก็เป็นได้

ดังนั้นการสร้างแดนลับเช่นนี้ต้องคิดค่าบึงให้รอบคอบอย่าผลีผลาม

ทว่า ตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่ออก ฉินมู่ไม่ได้รีบร้อน แต่ตัดสินใจที่จะใช้แต้มตกใจส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งอีกครั้ง

“ระบบ อย่างแรก เพิ่มพลังของข้าให้สูงขึ้นอีกสองเขตแดน และใช้วิธีที่สมบูรณ์ที่สุด”

ฉินมู่กล่าว

เมื่อสิ้นเสียง แต้มตกใจก็เริ่มลดลง

และความแข็งแกร่งของฉินมู่ก็เริ่มเพิ่มพูน

กระดูกสันหลังของเขาสั่นสะท้าน ราวกับมังกรตัวใหญ่ที่จะโบยบินขึ้นสู่อากาศ

ที่หว่างคิ้วของเขาเกิดแสงสว่างจ้าได้ที่เทียบ และเขาสามารถมองเห็นถึงดินแดนบริสุทธิ์ของแดนสวรรค์ที่รายล้อมไปด้วยพลังงานเซียนได้อย่างเลือนลาง

มังกรทะยานขึ้นไปในอากาศ และในที่สุดก็ก้าวกระโดดไปยังเขตแดนสวรรค์และเชื่อมต่อทั้งคู่เข้าด้วยกัน

จากเขตแดนมังกรแปลงไปสู่เขตแดนสวรรค์นั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด และยังเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังมากอีกด้วย

ร่างของฉันนั้นโปร่งใส พลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ในร่างนั้นไร้ที่สิ้นสุด และพลังในการต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นสูงจากเดิมอีกหลายเท่า

เจ้าของร่าง: ฉินมู่

เขตแดน: เขตแดนสวรรค์ชั้นสอง (ราชันศักดิ์สิทธิ์)

วิชายุทธ์: วิหคชาดบรรพกาลส์จู่โจม คัมภีร์ไร้เงาเร้นฟ้าดิน(บางส่วน) ผนึกขุนเขา ผนึกตะวัน จันทรา ผนึกราชัน หิมะฟ้าดิน หมัดราชันประหาร ดรรชนีสยบฟ้า

วิชาลับ: เทพเซียนเห็นเก๊าทิวา ดาราฉายเก๋าราตรี เต๋เร้นลับ วิชาลับคนเพิ่ง เนตรอมตะ

แดนลับที่สร้าง: [เก้ามังกรลากโลง] [มรดกจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ] [ห้องโถงสําริดโบราณ] [มรดกกายาจักรพรรดิ]

ในครั้งนี้ ฉินมู่เพิ่มความแข็งแกร่งของเขาขึ้นสองขั้น ขึ้นไปยังเขตแดนสวรรค์ชั้นสอง ระดับของราชันศักดิ์สิทธิ์

เขตแดนสวรรค์ชั้นแรกคือผู้ทรงอานาจ

เขตแดนสวรรค์ชั้นสองคือราชันศักดิ์สิทธิ์

เขตแดนสวรรค์ชั้นสามคือจอมราชัน

เขตแดนราชันศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ระหว่างเขตแดนผู้ทรงอํานาจและเขตแดนจอมราชัน

เผ่าพันธุ์มนุษย์ในแดนร้าง ไม่เคยมีจอมยุทธที่ไปถึงระดับราชันศักดิ์สิทธิ์มานานนับหลายร้อยปีแล้ว

ดังนั้นแล้ว ความสามารถในการต่อสู้ของฉินมู่ในตอนนี้ แม้เขาจะเดินทางจนสุดแดนร้าง ก็เกรงว่าจะหาที่เปรียบได้ยาก

ยิ่งไปกว่านั้น ในครั้งนี้ที่ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มมากขึ้น เขาได้วางแผนไว้ล่วงหน้าและ แลกเปลี่ยนวิชาลับมาเนตรอมตะ

มันเป็นวิชาลับที่ทรงพลังยิ่ง หากฝึกฝนไปจนถึงขั้นสุดยอด ด้วยดวงตาคู่นี้จะสามารถมองผ่านเก้าสวรรค์สิบชั้นภพ และทะลวงภาพลวงตาทุกสิ่งอย่างในโลกแห่งนี้ เทียบได้กับดวงตาแห่งสวรรค์ที่สามารถสอดแนมทุกสิ่งและทลายทิ้งได้

ด้วยวิชานี้ ทุกการปลอมแปลงและค่ายกลกับดักทั้งหลายจะถูกเปิดเผยจนหมดเปลือกเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินมู่

หลังจากความแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้นโดยสมบูรณ์

ฉินมู่ใช้งานคัมภีร์ไร้เงาอีกครั้ง ซ่อนกระแสพลังของตนให้ยากต่อการหยั่งถึง

แดนลึกลับมรดกกายาจักรพรรดิได้สิ้นสุดลงแล้ว

ได้เวลาที่เขาจะออกเดินทางอีกครั้ง

หลังจากเดินทางไปบนแดนร้างตะวันออกหลายวัน ฉินมู่ก็ตัดสินใจกําหนดเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้

“เมืองเชิงหยาง” เป็นที่รู้จักกันในนามเมืองศักดิ์สิทธิ์ของเหล่ามนุษย์ในแดนร้างตะวันออก!

เมืองเชิงหยางนั้นเป็นหนึ่งในเมืองโบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในแดนางตะวันออก

แต่ต่างจากเขตอื่นๆ เมืองเชิงหยางนั้นตั้งอยู่ในเขตของแดนางตะวันออก ทําให้ไม่ค่อยถูกเผ่าพันธุ์โบราณเข้ามารบกวนมากนักและปลอดภัย

และตามตํานานแล้ว เคยมีจักรพรรดิโบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้มาสั่งสอนผู้คนในที่แห่งนี้ และเมื่อเขาสั่งสอน ก็ราวกับเป็นดวงตะวันที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าส่องแสงสว่างไปทั่วทุกทิศทาง

ดังนั้นแล้ว เมืองโบราณแห่งนี้จึงได้ชื่อว่าเชิงหยาง และยังเป็นหนึ่งในเมืองโบราณที่มีประชากรมนุษย์มากที่สุดในแดนร้างตะวันออกอีกด้วย

กองกําลังมนุษย์หลากทุกฝ่ายในแดนร้างตะวันออกต่างมีฐานที่มันในเมืองเชิงหยางแห่งนี้

และแน่นอนว่าในครั้งนี้ ฉินมู่มีเหตุผลที่จะเดินทางไปยังเมืองเฉินหยาง

ในช่วงหลายวันมานี้ที่เขาเดินทาง คลื่นใต้น้ําลูกใหม่ของแดนร้างตะวันออกที่กําลังซุ่มซ่อน และเมฆฝนที่เริ่มก่อตัวนั้นไม่สามารถหลุดรอดสายตาของฉินมู่ไปได้

เมื่อไม่กี่วันก่อน กายาจักรพรรดิได้ปรากฏตัวขึ้นมาบนโลก ทําให้แดนร้างตะวันออกต้องตกตะลึง

ไม่เพียงแต่เผ่าพันธุ์โบราณจะตกตะลึง แต่เหล่ามนุษย์เองด้วยเช่นกัน

แต่กายาจักรพรรดิปรากฏตัวขึ้นมาเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็หายไป ทําให้กองกําลังต่างๆ ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างฉงน

ดังนั้นแล้วในครั้งนี้ กองกําลังมากมายของเหล่ามนุษย์ในแดนร้างตะวันออกจึงรวมตัวกันในเมืองเฉินหยางเพื่อพูดคุยกันเกี่ยวกับการกําเนิดของกายาจักรพรรดิ

มีสิ่งมีชีวิตสูงสุดปรากฏตัวขึ้นมาในโลกนี้ ทําให้เผ่าพันธุ์โบราณต้องตกตะลึง สิ่งมีชีวิตสูงสุดนั้นเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยงั้น?

หากเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ แล้วเผ่าพันธุ์มนุษย์ปรากฏขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดกันแน่?

หลังจากที่กายาจักรพรรดิได้สร้างความตกตะลึงและจากไป จะเกิดอะไรขึ้นกับเผ่าพันธุ์โบราณพวกนั้น

มีคําถามมากมายที่เฝ้ารอคําตอบและการถกเถียงกันของเหล่ามนุษย์

ดังนั้นแล้ว เหล่ามนุษย์ในแดนร้างตะวันออกจึงตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว

ว่าเจ้าสํานักและผู้นําตระกูลทุกคนจะรวมตัวกันในเมืองเฉินหยางเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขจัดความสงสัยและกําหนดทิศทางของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในแดนร้าง!

เพราะข่าวนี้ ทําให้ทุกๆ ฝ่ายที่ยังไม่อยู่ที่นั่น ได้มาชุมนุมกันในเมืองเชิงหยางแห่งแดนร้างตะวันออกแห่งนี้

ฉินมู่จะพลาดช่วงเวลาเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน?

หากมีโอกาส การสร้างแดนลับต่อไปในที่แห่งนี้ที่ทุกๆ คนในแดนร้างมารวมตัวกัน อาจทําให้เขาได้แต้มตกใจจํานวนมหาศาลเลยก็เป็นได้

ดังนั้นแล้ว ฉันจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ไป

หลังจากเดินทางข้ามภูเขาหลายแสนล้านลูกในหนึ่งวัน ในที่สุดฉินมู่ก็ไปถึงเมืองเชิงหยาง

มันเป็นแหล่งน้ํากลางทะเลทรายที่กว้างใหญ่ มีความกว้างเกือบหมื่นลี่

เมืองเชิงหยางตั้งอยู่บนใจกลางของแหล่งน้ํากลางทะเลทรายแห่งนี้

เมืองโบราณนึ่งามสง่าและยิ่งใหญ่

กําแพงเมืองตั้งตระหง่าน สูงกว่าร้อยจังและกว้างยาวไม่รู้จบ ราวกับมังกรที่นอนขด สะท้อนประกายโลหะเย็นเยียบ

ประตูเมืองเองก็ยิ่งใหญ่ โอ่โถงและสง่างามยิ่งเช่นกัน ทําให้รู้สึกได้ถึงความกดดันเกิน พรรณนา

ในที่สุดก็ถึงเมืองเชิงหยาง!

จอมบงการเทพยุทธ์

จอมบงการเทพยุทธ์

Status: Ongoing
ฉินมู่เดินทางเข้าสู่โลกแฟนตาซี และได้รับระบบจอมบงการ ซึ่งสามารถเปิด ดินแดนพิศวงหลากหลายและเปลี่ยนความคิดฝันในใจของเขาให้กลายเป็นความจริงในยุคนี้ ได้มีเผ่าพันธุ์มากมายนับพัน เผ่ามนุษย์นั้นอ่อนแอและไม่เคยได้มีผู้แข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้นมาแม้แต่คนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ถูกรังแกกดขี่ข่มเหงตามอำเภอใจเป็นเพราะว่าโลกอันกว้างใหญ่นี้ได้เปลี่ยนแปลงมาหลายร้อยชั่วอายุคน ทำให้ประวัติศาสตร์เมื่อหลายล้านปีก่อนได้ถูกลืมเลือนไปจากสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ฉินมู่จึงได้กล่าวว่า ข้าจะสร้างประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดขึ้นมาใหม่ และจะสร้างร้อนฝนหนาวอันรุ่งเรืองให้กับมนุษยชาติในประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยหมอกอันพร่าเลือน โดยมีฉินมู่คอยบงการอยู่ด้านหลัง จัดวางดินแดนพิศวงทีละดินแดน และเปิดเผยมุมมืดอันเร้นลับของพวกมันออกมาเมื่อตำนานของเผ่าพันธุ์ได้ก้าวผ่านยุคดึกดำบรรพ์มาสู่โลกนี้ จะมีใครบ้างไหมที่หาญกล้าพอที่จะออกมาต่อสู้กับทุกเผ่าพันธุ์ในโลกนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท