จอมบงการเทพยุทธ์ – บทที่ 43 จักรพรรดิโบราณในฝุ่นควัน ฝ่า

จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 43 จักรพรรดิโบราณในฝุ่นควัน ฝ่า

มยุทธ์มนุษย์ผู้นั้นกู่ร้องก้อง ภายในเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความยินดี

แม้ว่าร่างกายจะปกคลุมไปด้วยเลือดและดินโคลน แต่เขาก็เปี่ยมไปด้วยความสุขจากเบื้องลึกของหัวใจ

“นั่นคือลู่เสอ จอมยุทธ์จากแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชู”

โอรสจักรพรรดิกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจและเอ่ยชื่อขงผู้ฝึกยุทธ์ที่มาพร้อมกับแผ่นจารึกโบราณ

บนท้องฟ้า ทุกสายตานั้นจับจ้องไปที่ผู้ฝึกยุทธ์นามลู่เสอ

เพราะสิ่งที่เขาพูดนั้นมันน่าดึงดูดใจเกินไป

มีร่องรอยของจอมจักรพรรดิโบราณ และเป็นจักรพรรดิของมนุษย์…

เขาเจออะไรมากัน?

และจารึกโบราณบนหลังเขานั้นคืออะไรกัน?

“เผ่าพันธุ์มนุษย์จะไปมีจักรพรรดิ์โบราณได้อย่างไรกัน? ราชันบรรพบุรุษเคยกล่าาเอาไว้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เผ่าพันธุ์มนุษย์จะมีสุดยอดจักรพรรดิ อย่ามาพูดจาไร้สาระ!”

เสือดํายักษ์ตาขวาง น้ําเสียงไม่สบอารมณ์พร้อมกับสีหน้าบูดบึง

มันมาพร้อมกับราชฎีกาของราชันบรรพบุรุษ และพึ่งกล่าวไปว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นไม่มีจักรพรรดิ ทุกสิ่งเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง

แต่ตอนนี้กลับมีจอมยุทธ์มนุษย์คนหนึ่งคู่ร้องก้องออกมาว่าจอมจักรพรรดิโบราณได้ปรากฏตัว และยังเป็นเผ่ามนุษย์อีก

ไม่เพียงแต่จะหยามมันเพียงคนเดียว แต่ยังเป็นการหยามราชั้นบรรพบุรุษเบื้องหลังมันด้วยอย่างนั้น?

“ลู่เสอ อย่าพึ่งตื่นตกใจ บอกข้ามาว่าเจ้าพบกับอะไร”

ผู้นํากองกําลังของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชูกล่าวด้วยรอยยิ้มออกมาและพาลู่เสอไปหาพวกเขาทั้งหก

ลู่เสอนั้นเป็นศิษย์ระดับต่ําของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชู เขาได้ติดตามผู้นํากองกําลังมายังเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ต่าหนักลอยฟ้า

ดังนั้นแล้ว ในตอนนี้ที่เขาถูกเหล่าผู้นําสูงสุดของทั้งหกกองกําลังจับจ้อง ใจเขาก็สั่นสะท้านไปด้วยความกดดันและอดกลืนน้ําลายไม่ได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากสงบจิตใจได้ เขาก็เล่าเรื่องราวที่พบเจอออกมา

“นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นขอรับ ท่านผู้นํา”

“เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนที่ศิษย์ได้มาถึงเมืองเชิงหยางเป็นครั้งแรก ศิษย์ก็พบกับนักพรตเฒ่าด้านนอกเมือง”

“เขาบอกว่ามีสมบัติเย้ยสวรรค์ให้ศิษย์ผู้นี้ ตอนแรกศิษย์ก็ไม่เชื่อ…”

เรื่องราวของเสอก็ค่อยๆ เผยออกมาต่อหน้าทุกคน

กลายเป็นว่าหลังจากที่ได้แผนที่ขุมทรัพย์มูลค่า “เกินประมาณ” จากนักพรตเต๋า ลู่เสอก็ออกเดินทางไปยังสถานที่ที่เขียนอยู่บนแผนที่ในทันที

ในตอนแรก หลังจากได้รับมา ลู่เสอรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เขาสัมผัสได้ว่ามีโอกาสที่ยิ่งใหญ่กําลังรอเขาอยู่

ทว่าเมื่อเขาไปอยู่ที่นั้น เขาก็พบกับผู้ฝึกยุทธ์สองคนที่มี “ม้วนคัมภีร์โบราณมูลค่าเกินประมาณ” อยู่ด้วยเช่นกัน

พวกเขาทั้งสองคนดูหงุดหงิด อ้างว่าถูกหลอกมาโดยนักพรตเฒ่า

คัมภีร์สมบัติมูลค่าเกินประมาณก็เป็นแค่การหลอกลวง และไม่มีสมบัติอยู่ที่นี่

ณ เวลานั้น ลู่เสอจึงพบว่าตนถูกหลอก

และในขณะที่เขากําลังจะหมดกําลังใจและจากไปนั้นเอง

แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังรู้สึกตะหงิดใจอยู่

เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว สภาพภูมิประเทศในคัมภีร์โบราณนั้นมีหน้าตาเหมือนกับที่แห่งนี้เอาเสียมากๆ

“ถ้าหากว่ามีสมบัติอยู่จริงๆล่ะ?

ลู่เสอคิดว่าจะลองดู จึงมุ่งหน้าขึ้นไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง รายล้อมไปด้วยภูเขานับหมื่นลูกด้วยตัวคนเดียว

และในครานี้ ลู่เสอต้องตกตะลึง

เพราะบนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์นี้นั้นมีบางอย่างอยู่จริงๆ!

ที่เชิงเขาส่องสว่างจ้า ราวกับมีถ้ําโบราณตั้งอยู่ตรงนั้น

ลู่เสอรีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว และพบว่ามันเป็นทางเข้าเหมืองต้นกําเนิดร้าง

ไม่รู้ว่าผ่านมานานกี่ร้อยกี่พันปีที่เหมืองนี้มีมา มันเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา และทางเข้าเหมืองก็ถูกปิดไว้ด้วยก้อนหินขนาดใหญ่

และแสงสีฟ้าก็เล็ดลอดออกมาจากขอบของหินก้อนใหญ่นั้น

ลู่เสอดใจเป็นอย่างยิ่งและรีบดันก้อนหินออกอย่างรวดเร็ว และเตรียมพร้อมจะขุดเหมืองอีกครั้งเพื่อตามหาต้นตอของแสงนั้น

และในท้ายที่สุด แม้จะไม่พบกับต้นกําเนิดแสง แต่เขาขุดแผ่นอนุสรณ์โบราณขึ้นมาได้!

อนุสรณ์โบราณนั้นสูงหลายช่วงคน มันยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม เห็นได้กระทั่งความผันผวนของเวลาที่ไหลเวียนอยู่บนนั้น เมื่อสังเกตดูดีๆ จะสัมผัสได้ถึงคุณสมบัติพิเศษของมัน

อนุสรณ์โบราณนี้ ไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว และมันถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น

และในขณะเดียวกัน กระแสพลังที่รุนแรงจนทําให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนก็พวยพุ่งออกมาจากส่วนลึกของเหมืองทําให้เหมืองพังลงอีกครั้ง!

ลู่เสอตกใจมากและรีบแบกอนุสรณ์โบราณออกมาจาเหมือง และเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสในระหว่างนั้น

แต่เมื่อเขาปัดฝุ่นบนอนุสรณ์โบราณออก และพบกับสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในศิลานั้น ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความตกใจที่เกินพรรณนา!

สิ่งที่เขียนอยู่บนอนุสรณ์นั้นทําให้ใจของเขาเต้นระรัว

ในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ อาจจะมีจักรพรรดิอยู่จริงๆ!

…………

หลังจากได้ยินเรื่องราวของลู่เสอ ความเงียบก็เข้ามาปกคลุมตําหนักลอยฟ้า

สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังอนุสรณ์โบราณด้านหลังสู่เสอ

สิ่งที่เขียนอยู่บนอนุสรณ์โบราณนั้นคืออะไรกันแน่? ทําไมลู่เสอถึงตื่นเต้ นมากเช่นนั้น?

ผู้นําแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชู ยกอนุสรณ์โบราณออกมาวางไว้ตรงหน้าในทันที

และในชั่วครู่นั้น ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่อนุสรณ์โบราณเป็นตาเดียวกัน!

อนุสรณ์โบราณนั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง มีกลิ่นอายของความเป็นนิรันดร์อยู่บนนั้น

และบนอนุสรณ์นั้น มีภาพที่ขีดไว้อย่างเรียบง่ายแต่ทรงพลัง!

ตรงใจกลางนั้น มีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวที่มีแปดแขนและสามหัวสลักเอาไว้

สิ่งมีชีวิตนี้ ร่างของมันมีวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องแสงจ้าราวกับเทพเจ้า

ตกอยู่ในภวังค์ ทุกคนรู้สึกราวกับเคยเห็นภาพนี้เมื่อนานมาแล้ว

สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวนี้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จ้องมองลงมายังผืนดิน และส่งเสียงคํารามออกมาจนกระทั่งดวงดาราบนท้องฟ้ายังพร้อมจะร่วงหล่นลงมา และโลกก็สั่นสะเทือนไร้สิ้นสุด!

ในสถานที่อื่นๆ ภายในภาพนั้น มีซากศพอยู่ทุกหนแห่ง คาดว่าถูกสิ่งมีชีวิตนี้สังหาร ซากศพกองกันอยู่แน่น สายเลือดไหลราวกับสายน้ํา

สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวนี้ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพนับพัน ราวกับจอมปีศาจที่ไร้เทียมทานผู้ก้าวเดินออกมาจากนรกโลกันต์

ทว่า แม้มันจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัว แต่มันก็คุกเข่าลงกับพื้นตัวสั่นสะท้าน พร้อมกับก้มลงกราบโลงศพข้างๆมัน

โลงศพนั้นดูแปลกตา ไม่มีใครรู้ว่ามันทํามาจากสิ่งใด มันลอยอยู่กลางอากาศ ปลดปล่อยประกายความงดงามหาที่เปรียบมิได้ออกมา

บนพื้น สายเลือดจากซากศพนับพันได้หลั่งไหลเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของโลงศพนี้ ดูน่าแปลกประหลาดและน่าหลงใหล

ราวกับว่าภายในนั้นมีเทพเจ้าผู้ไร้เทียมทานอยู่ในนั้น แม้จะเป็นเพียงลวดลายที่ถูกสลักลงบนอนุสรณ์โบราณ แต่มันก็น่าสะพรึงกลัว!

สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเช่นนี้แต่กลับคารวะแก่หลุมศพโบราณนั้น สังหารสิ่งมีชีวิตนับพัน หรือมันพยายามจะชุบชีวิตสิ่งที่อยู่ภายในโลงศพโบราณนั้นออกมาอย่างนั้นรี?

“เป็นกระแสพลังอันศักดิ์สิทธิ์!”

ผู้นํานิกายเทียนเฉินมองดูอนุสรณ์โบราณ สีหน้าของเขาดูยินดี และภายในดวงตาก็มีความปิตอยู่ในนั้น

เพราะบนโลงศพนั้นมีลวดลายสลักไว้อยู่ เขารู้สึกได้ราวกับเป็นกระแสพลังอันศักดิ์สิทธิ์

เทพเจ้าสูงสุด!

นี่เป็นรากฐานของนิกายเทียนเฉิน และสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่นิกายเทียนเฉินเชื่อและบูชา

ชั่วขณะนั้น ผู้นําของนิกายเทียนเฉินมีความรู้สึกอยากจะคุกเข่าและก้มหัวให้กับโลงศพนี้

แต่ในวินาทีถัดมา ความต้องการของผู้นํานิกายเทียนเฉินก็หยุดลง สีหน้าของเขา เปลี่ยนซีดเซียวในทันใด ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความตกใจ ราวกับได้พบกับอะไรบางอย่างน่าเหลือเชื่อ!

อนุสรณ์โบราณราวกับมีจิตวิญญาณ รูปภาพเปลี่ยนไป และมีภาพอื่นเข้ามาแทนที่

ในรูปนี้ เป็นภาพของมนุษย์ที่ทรงพลังร่างกายปกคลุมไปด้วยกระแสพลังไร้ที่สิ้นสุดจากฟากฟ้า

เขายืนอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆ รายล้อมไปด้วยสีและแสงหลากตา มีกระแสพลังมหาศาลคอยปกคลุมอยู่รอบตัวเขา ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าหรือตัวตนของคนๆนี้ ได้แม้แต่น้อย

ข้างๆเขา มีคําโบราณที่สลักไว้ว่า “จักรพรรดิ” ราวกับเป็นการบ่งบอกถึงตัวตนของมนุษย์อันแสนทรงพลังผู้นี้!

จอมจักรพรรดิโบราณ!

เหนือหัวของเขา มีระฆังโบราณกําลังลอยอยู่ พร้อมกับเส้นไหมปราณนับหมื่นเส้นห้อยลงมา

เมื่อเขาขยับและยืนอยู่เหนือสวรรค์ทั้งเก้าชั้น เขาผลักฝ่ามือลงมาใส่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งราวกับราชันปีศาจ และโลงศพโบราณข้างๆนั้น

การขีดเขียนหรือวาดภาพขึ้นมาใหม่นั้นไม่มีทางที่จะสร้างฉากนั้นขึ้นมาใหม่ได้จริงๆ แต่มันก็สามารถแสดงให้เห็นถึงเศษเสี้ยวของพลังอันมหาศาลของจอมจักรพรรดิ โบราณออกมาได้อย่างชัดเจน

ยากที่จะอธิบายว่าท่วงท่าของเขานั้นเป็นอย่างไร

เพียงแค่กดฝ่ามือลง เหล่าดวงดาราบนท้องฟ้าก็สั่นสะเทือน ผืนดินไร้สิ้นสุดก็สั่นสะท้าน หุบเขาลําธารยาวหลายแสนลีแตกสลาย

สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวราวกับราชาปีศาจนั้นพยายามจะต้านทาน แต่มันไม่สามารถลุกขึ้นต้านได้ มันได้แต่รับพลังของฝ่ามือนั้นและคุกเข่าอยู่กับที่ ไม่สามารถขยับไปไหนได้!

ฝ่ามือนั้นขาวราวกับหยก ร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์ทั้งเก้า ราวกับว่ามันเปี่ยมไป ด้วยพลังอันมหาศาลที่เหนือกว่าฟ้าดิน ไม่มีทางใดจะต้านทานได้ มันทําลายและบดขยี้ทุกสิ่ง!

สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวนั้นสลายกลายเป็นฝุ่นไปเพราะผลจากฝ่ามือนี้

กระทั่งโลงศพที่คาดว่ามีเทพเจ้าไร้เทียมทานอยู่ในนั้นก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย!

เป็นเพียงแค่การตบ แต่มันทําลายล้างซึ่งทุกสิ่ง กวาดล้างซึ่งทุกอย่าง!

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างเช่นราชันปีศาจ

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คาดว่าเป็นเทพเจ้าไร้เทียมทานที่อยู่ในโลง

ไม่เพียงแค่นั้น พวกมันต่างสลายหายไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์!

จอมบงการเทพยุทธ์

จอมบงการเทพยุทธ์

Status: Ongoing
ฉินมู่เดินทางเข้าสู่โลกแฟนตาซี และได้รับระบบจอมบงการ ซึ่งสามารถเปิด ดินแดนพิศวงหลากหลายและเปลี่ยนความคิดฝันในใจของเขาให้กลายเป็นความจริงในยุคนี้ ได้มีเผ่าพันธุ์มากมายนับพัน เผ่ามนุษย์นั้นอ่อนแอและไม่เคยได้มีผู้แข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้นมาแม้แต่คนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ถูกรังแกกดขี่ข่มเหงตามอำเภอใจเป็นเพราะว่าโลกอันกว้างใหญ่นี้ได้เปลี่ยนแปลงมาหลายร้อยชั่วอายุคน ทำให้ประวัติศาสตร์เมื่อหลายล้านปีก่อนได้ถูกลืมเลือนไปจากสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ฉินมู่จึงได้กล่าวว่า ข้าจะสร้างประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดขึ้นมาใหม่ และจะสร้างร้อนฝนหนาวอันรุ่งเรืองให้กับมนุษยชาติในประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยหมอกอันพร่าเลือน โดยมีฉินมู่คอยบงการอยู่ด้านหลัง จัดวางดินแดนพิศวงทีละดินแดน และเปิดเผยมุมมืดอันเร้นลับของพวกมันออกมาเมื่อตำนานของเผ่าพันธุ์ได้ก้าวผ่านยุคดึกดำบรรพ์มาสู่โลกนี้ จะมีใครบ้างไหมที่หาญกล้าพอที่จะออกมาต่อสู้กับทุกเผ่าพันธุ์ในโลกนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท