ยงระฆังในภูเขาศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือน ก้องกังวานไปทั่วทั้งโลกา ราวกับจอมจักรพรรดิได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครา
ในตอนนี้ ทั่วทั้งฟ้าดินต่างเงียบสงัดสรรพชีวิตทุกตัวตนในแดนร้างตะวันออกต่างหวั่นเกรงกับพลังอันยิ่งใหญ่ของจอมจักรพรรดิไม่กล้าจะขยับแม้เพียงเสี้ยว
“ราชันบรรพบุรุษทั้งห้าถูกสังหารอย่างง่ายดายราวกับมดปลวก…”
“น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน ทั้งๆ ที่นี่เป็นเพียงแค่มรดกแห่งยอดยุทธ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งที่สุด…. เผ่าพันธุ์มนุษย์มีจอมจักรพรรดิอยู่จริงๆ”
“ช่างน่าอัศจรรย์ เหล่ามนุษย์ได้พบกับซากโบราณของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตจริงๆอย่างนั้นรึ?”
“หากเป็นเช่นนั้น เกรงว่าพวกเราคงไม่สามารถบังคับข่มเหงเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อไปได้อีกในอนาคต”
ในตอนนี้ เผ่าพันธุ์โบราณมากมายนับไม่ถ้วนและราชันบรรพบุรุษต่างมองไปยังทิศทางที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ ดวงตาของพวกมันเปี่ยมไปด้วยความกริ่งเกรง
ราชันบรรพบุรุษที่ได้ออกคําสั่งให้บีบคั้นเผ่ามนุษย์ต่างก็รีบถอนคําสั่งของตนอย่างรวดเร็วไม่กล้าที่จะทําเช่นนั้นต่อไป
น่าตลก ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิคงอยู่เหนือเก้าสวรรค์ ทั้งยังสังหารราชันบรรพบุรุษห้าตนได้อย่างง่ายดาย
การจะจัดการกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในตอนนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ!
ราชันบรรพบุรุษเหล่านี้ไม่อยากจะตายเยี่ยงมดปลวกเช่นราชันบรรพบุรุษทั้งห้า
เสียงระฆังก้องสะท้อนสะท้าน สั่นกองกําทอนครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ในครานี้ มีเพียงเสียงระฆังอันยิ่งใหญ่และทรงพลังที่ดังออกมา ก้องกังวานไปทั่วทั้งฟ้าดินในแดนร้างตะวันออก ราวกับเป็นคําเตือนแก่เผ่าพันธุ์หมื่นเซียน
ในท้ายที่สุด เสียงระฆังก็หายไป โลกกลับคืนสู่ความสงบ
“อาวุธของจอมจักรพรรดิอู่จื่ออยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้!”
ภายใต้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ จอมยุทธ์มนุษย์หลายคนหันไปมองที่ภูเขาด้านหลังด้วยความตื่นเต้น
เผ่าพันธุ์มนุษย์มียุทธภัณฑ์จักรพรรดิ์อยู่!
สําหรับเผ่ามนุษย์แล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งสมควรแก่การสรรเสริญ
การมีอยู่ของยุทธภัณฑ์จักรพรรดินั้นสําคัญยิ่งเรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือในการสะกดข่มอํานาจที่ทรงพลังที่สุดเลยก็ว่าได้
ทําไมเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนที่เคยให้กําเนิดจอมจักรพรรดิจึงทําตัวสูงส่งและมีชื่อเสียงกัน?
เพราะพวกมันมีสายเลือดส่วนหนึ่งของจอมจักรพรรดิอยู่
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันมีมรดกวิถียุทธ์ที่จอมจักรพรรดิโบราณได้ปูทางเอาไว้
และสิ่งที่สําคัญที่สุดนั้นคือยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ
ราชันบรรพบุรุษที่ถือยุทธภัณฑ์จักรพรรดิจะสามารถต่อสู้กับจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดายกระทั่งสามารถต่อสู้กับจอมยุทธ์ที่เหนือกว่าได้เลยด้วยซ้ำ
และในตอนนี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์มียุทธภัณฑ์จักรพรรดิอยู่เป็นของตัวเองและมันยังแข็งแกร่งขนาดที่สามารถกําจัดราชันบรรพบุรุษได้ถึงห้าตนพร้อมๆกัน
สําหรับเผ่าพันธุ์โบราณแล้ว นี่เป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน!
แต่อย่างน้อยที่สุด เมื่อพวกมันต้องเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอนาคตพวกมันก็จะไม่ประมาทเช่นครั้งนี้อีกต่อไป แต่อาจมีเศษเสี้ยวความหวาดกลัวอยู่ภายในหัวใจแทน
“ช่างน่าเสียดายข้าพึ่งเข้ามาที่นี่และไม่พบร่องรอยของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ
ผู้นําแดนศักดิ์สิทธิ์เย่อหงกล่าวด้วยความเสียใจ
“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดินี้มีจิตวิญญาณ อาจถูกซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่งพวกเราทําได้เพียงแค่ขอบพระคุณพลังของจอมจักรพรรดิอู่อนั้นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะจินตนาการได้
ผู้นําแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชูพูดขึ้นอย่างช้าๆ
ไม่สําคัญหรอกว่าจะได้พบกับยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยตาของตนหรือไม่สิ่งที่เผ่าพันธุ์มนุษย์จําเป็นต้องรู้นั้นมีเพียงว่าในภูเขาศักดิ์สิทธิ์มียุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่สั่นสะท้านไปทั่วทั้งแดนร้างตะ วันออกอยู่!
แค่นั้นก็เพียงพอ
กองกําลังของผู้นําทั้งห้าได้ออกมาทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว และในท้ายที่สุดที่แห่งนี้ก็กลับมาสงบสุขอีกครา
ฉินมู่ยืนอยู่บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ มองลงมายังแดนางตะวันออกอันงดงามตรงหน้าดวงตาเขาขุ่นมัว
เขารู้ว่า ความสงบสุขนี้อยู่ได้เพียงชั่วครู่
ระฆังเมื่อก่อนหน้าที่สังหารราชันจักรพรรดิไปห้าตนนั้น ไม่ใช่จอมจักรพรรดิจริงๆแต่เป็นฉันไม่ที่แลกระฆังนั้นมาเพื่อสังหารราชันบรรพบุรุษ
“ถ้าจะแลกระฆังอู่จื่อที่สมบูรณ์ต้องใช้หมื่นแต้ม และการใช้พลังของระฆังอู่อนั้นต้องใช้สองแสนแต้มต่อครั้ง
ฉินมู่ส่ายหน้า
แม้ระฆังอุ่นอจะไม่ต้องใช้แต้มมากมาย แต่ตอนนี้เขาก็มีแต้มตกใจไม่มาก
เพราะเมื่อครู่ การสังหารราชันบรรพบุรุษทั้งห้าทําให้เขาต้องเสียแต้มไปถึงหนึ่งล้านแต้มเพื่อจะใช้พลังของระฆัง
“สองแสนแต้มต่อราชันบรรพบุรุษหนึ่งตน”
แต่สําหรับฉันมู่แล้ว มันไม่ขาดทุนเลยแม้แต่น้อย
เพราะการสังหารราชันบรรพบุรุษแต่ละครั้งนั้นเขาได้รับแต้มกลับคืนมามากกว่าสองแสนแต้ม!
สองแสนแต้มนี้นั้นเรียกได้ว่ามากกว่าที่ฉันมู่ลงทุนใช้ไปในตอนแรกๆเสียอีก
และผลที่ได้จากการลงทุนในครั้งนี้นั้นอยู่ในความคาดหมายของฉันไว้แล้ว
ในตอนนี้เขามีแต้มตกใจมากกว่าแปดล้านแต้ม!
แปดล้านแต้มตกใจ!
นี่เป็นแต้มที่ฉันม่ได้จากแดนลับในครั้งนี้!
และแปดล้านแต้มนั้นไม่ใช่จุดจบ
เมื่อเหล่าจอมยุทธ์มนุษย์ลงจากเขาไป พวกเขาก็จะออกไปบอกเล่าประสบการณ์นี้ที่ได้พบเจอมาในภูเขาศักดิ์สิทธิ์กับผู้อื่น กระจายชื่อเสียงของจอมจักรพรรดิอู่จื่อให้กว้างไกลออกไปและ เมื่อได้รับฟังความยิ่งใหญ่และเกรียงไกรผู้คนก็จะตกใจและเขาก็จะได้รับแต้มตกใจเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง
และยิ่งไปกว่านั้น ทุกสิ่งในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ
ในอนาคตจะมีผู้คนอีกมากมายเดินทางมาเคารพจอมจักรพรรดิอู่จื่อ
และนี้เป็นแต้มตกใจจํานวนมหาศาลอีกอย่างแน่นอน
นี่เป็นผลประโยชน์จากการเปิดใช้งานแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มตัว
แต้มตกใจที่ได้รับจะมีมาเรื่อยๆไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว
“ระฆังออนี้น่าจะทําให้แดนร้างตะวันออกตกใจไปได้อีกสักพัก ระหว่างนี้ข้าก็สามารถคิดสร้างแดนลับต่อไปได้แล้วอีกอย่างข้าควรจะเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของข้าให้มากกว่านี้”
ฉันม่พึมพํา
ในตอนนี้เขามีแต้มตกใจกว่า 8 ล้านแต้ม
และระดับราชันศักดิ์สิทธิ์ค่อนข้างจะอ่อนแอไปเสียนิด
“ใช้แต้มที่เกินจาก 8 ล้านถ้วนทั้งหมดเพื่อเพิ่มระดับ” ฉินมู่สั่ง
แต้มตกใจหายไป และความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้น
และในท้ายที่สุด แต้มกว่าสองแสนเจ็ดหมื่นแต้มก็หายไป และแต้มทั้งหมดก็เหลือ 8 ล้านแต้มถ้วนพร้อมกับพละกําลังในร่างที่เพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
เขาทะลวงผ่านระดับราชันศักดิ์สิทธิ์ไประดับจอมราชันได้อย่างง่ายดาย!
เจ้าของร่าง: ฉันม่
เขตแดน: เขตแดนสวรรค์ชั้นสาม (จอมราชัน)
วิชายุทธ์: วิหคชาดบรรพกาลจู่โจมคัมภีร์ไร้เงาเร้นฟ้าดิน(บางส่วน)ผนึกขุนเขาผนึกตะวันจันทราผนึกราชันหิมะฟ้าดินหมัดราชันประหารดรรชนีสยบฟ้า
วิชาลับ: เทพเซียนเห็นเก้าทิวา ดาราฉายเก้าราตรี เต๋เร้นลับ วิชาลับคนเผิงเนตรอมตะ
แดนลับที่สร้าง: [เก้ามังกรลากโลง] [มรดกจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ] [ห้องโถงสําริดโบราณ] [มรดกกายาจักรพรรดิ] [ภูเขาศักดิ์สิทธิ์]
เขตแดนจอมราชันนั้นอยู่ระหว่างเขตแดนราชันศักดิ์สิทธิ์และเขตแดนจักรพรรดิ
ด้วยความแข็งแกร่งของฉันมู่ในตอนนี้ เขาสามารถท่องไปได้ทั่วทั้งแดนร้างตะวันออก
ระดับจักรพรรดินั้นไม่มีใครเทียบเคียงได้!