บทที่ 266 เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน ชายผู้ปกครองยุค!
ผู้ที่แข็งแกร่งในระดับของผู้กุมชะตาจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ กลับถูกราชันต้นกําเนิดวางแผนสร้างความโกลาหลไม่รู้จบสิ้น เพียงเพื่อใช้เป็นแหล่งฟื้นฟูพลังของตนเองเท่านั้น
ความจริงข้อนี้ ทําให้ผู้โดดเดี่ยวรู้สึกสั่นสะท้าน
ก่อนหน้านี้ เขาเพียงแค่คิดว่าจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ผู้ซึ่งยืนอยู่ที่ขอบเขตของทะเลมองเห็นท้องฟ้านับพันล้านและมองเห็นราชันเซียนนิรันดร์ผู้ซึ่งเป็นสุดยอดของพิภพเป็นเพียงแค่มด
จึงเป็นสุดยอดของโลกผู้ที่ทําลายความโง่เขลาและมืดมน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆไม่ง่ายดายเช่นนั้น
ผู้แข็งแกร่งราวกับจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ผู้กุมชะตากลับเป็นเบี้ยล่างภายใต้การควบคุมของเซียนต้นกําเนิด
และเป็นไปได้ว่าเซียนต้นกําเนิดจะรอจนกว่าจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์หรือผู้กุมชะตานี้ถูกทําลายจิตสํานึกของตนเองโดยสมบูรณ์ และจะถูกความมืดรุกรานทันที
จากนั้นเขาก็จะมาทําลายทุกสิ่งในพิภพนี้ด้วยพลังสูงสุดและส่งต่อกรรมใช้มันเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงการดํารงอยู่ของตนเองเกิดใหม่และการฟื้นคืนกลับมา!
“มีเวลาเหลืออีกไม่มากสําหรับเจ้าจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ดิ้นรนและทรมานมานานแล้วและตอนนี้เหลือวิญญาณที่แท้จริงเพียงเล็กน้อยที่ยังไม่ถูกทําลาย
และเมื่อวิญญาณที่แท้จริงถูกทําลายล้างอย่างสมบูรณ์ผู้กุมชะตาก็จะคลุ้มคลั่งทําลายจักรวาลนี้และพิภพอันไร้ที่สิ้นสุดเซียนต้นกําเนิดนั้นก็จะได้มาอย่างง่ายดายราวกับดีดนิ้วเท่านั้น”
ฉินมู่พูดอย่างเฉยเมย
“ผู้กุมชะตา เซียนต้นกําเนิด….. แม้ว่าข้าจะสามารถเอาชนะผู้กุมชะตาได้จริงๆ แล้วข้าจะหยุดความมืดที่รุกรานนี้ได้อย่างไร?
ถ้าข้ารู้ถึงตัวตนของเซียนต้นกําเนิดนั้นข้าจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน
ในเวลานั้นพิภพนี้อาจจะต้องพบกับความโชคร้ายอีกครั้งและผลลัพธ์สุดท้ายนั้นก็ดูเหมือนจะยังเปลี่ยนแปลงได้ยาก”
ผู้โดดเดี่ยวยิ้มอย่างขมขื่นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความไร้อํานาจในใจของเขา
ก่อนหน้านี้ ในตอนที่รู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาเป็นเพียงจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ผู้ซึ่งเพิ่งก้าวขึ้นสู่เขตแดนผู้กุมชะตาแม้ว่าจะมีแรงกดดันในใจแต่ที่มีมากกว่านั้นคือจิตวิญญาณการต่อสู้และความ ภาคภูมิใจอย่างไม่รู้จบแต่ตอนนี้เบื้องหลังที่แท้จริงได้เปิดเผยแล้ว และสถานการณ์กําลังเดือดพล่าน
เซียนต้นกําเนิด อยู่ไกลห่างจากเขตแดนปัจจุบันของเขาเกินไป
เกรงว่าอีกฝ่ายจะใช้เพียงแค่ความคิด ก็สามารถลบล้างเขาได้อย่างง่ายดายด้วยเขตแดนพลังยุทธ์ปัจจุบันของเขายังคงมีโอกาสเปรียบเทียบกับจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ที่ร่วงหล่งมาจากเขตแดนผู้กุมชะตา
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับตัวตนที่เหนือกว่าผู้กุมชะตานี้เลือดเพียงหยดเดียวก็สามารถทําให้จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ร่วงหล่นจากเขตแดนที่สมบูรณ์ได้นอกเหนือจากนั้นก็คงไม่ต้องพูดถึงเลย
แม้ว่าเขาจะป้องกันการรุกรานจากความมืดที่มาจากฟ้าดินได้จริงๆ อีกฝ่ายก็สามารถรู้เรื่องนี้ได้ตลอดเวลา
ในเวลานั้น เกรงว่าอีกฝ่ายอาจจะใช้เพียงความคิดเดียวและสามารถลบล้างตัวเขาได้และกระทั่งทําให้พิภพนี้ตกอยู่ในสภาวะแห่งความพินาศ
ดังนั้น จุดประสงค์ที่เขาทํานั้นคืออะไร?
“อย่ากังวลกับเรื่องนี้ ไม่ว่าเจ้าจะหยุดจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ที่มืดมิดได้หรือไม่ก็ตามตัวตนของเซียนต้นกําเนิดจะไม่โจมตีอีก”
ฉินมู่ยิ้มอย่างเฉยเมย
“อย่างที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้ การทําลายล้างพิภพของเซียนต้นกําเนิดนั้น เขาไม่ต้องการรับกรรมไว้เอง
ตอนนี้ เซียนต้นกําเนิดที่กําลังจะตายนี้ใช้เคล็ดวิชาการทดแทนสิ่งหนึ่งไปอีกสิ่งหนึ่งเพื่อลดและแสวงหาความว่างเปล่าต่อยอดกรรมของตัวเองลงบนร่างของผู้กุมชะตาและไม่ยึดติดกับกรรมนี่คือการคานวณที่ดี
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็มีข้อเสียในการทําเช่นนี้ นั้นคือหลังจากที่เขาเลือกสิ่งมีชีวิตที่จะแบกรับกรรมแทนเขาแล้วเขาจะไม่สามารถแทรกแซงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างนั้นได้อีกต่อไป
คงไม่ต้องพูดถึงการแทรกแซงกล่าวคือไม่ว่าจะเป็นการมองหรือการสังเกตก็ไม่ได้รับอนุญาตโดยวิถีแห่งเต๋า
ด้วยเหตุนี้จึงหมายความว่าหากเขาเข้าไปพัวพันกับพิภพนี้พลังที่ซับซ้อนของกรรมจํานวนมหาศาลจะเข้าไปพัวพันกับเซียนต้นกําเนิดนี้อีกครั้ง
แล้วทุกอย่างที่เขาทําก่อนหน้านี้ก็จะไม่เป็นผลดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะสําเร็จหรือล้มเหลวสําหรับเขาเขาจะไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อยเพราะว่าหากพิภพนี้ล้มเหลวแต่เขายังมีเค้าโครงในพิภพอื่นอีกนับพันล้านใบตราบใดที่จํานวนของพิภพถูกทําลายมากพอจนถึงจุดที่สามารถตอบสนองความต้องการของ
เขาในการฟื้นคืนได้ แม้ว่าพิภพนี้จะหายไปก็จะไม่เป็นอันตรายสําหรับเขา
แต่ถ้าเขาหมกมุ่นอยู่กับทรัพยากรและสารอาหารของพิภพนี้จะจมอยู่ในอํานาจแห่งกรรมและถ้าหากต้องการหลบหนี มันก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนี้”
คําพูดของฉินมู่เปรียบเสมือนแสงสว่างในความมืดไร้ที่สิ้นสุดและดวงตาที่ว่างเปล่าก็มองเห็นข้อผิดพลาดของอีกฝ่าย
หากทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่ฉันมู่พูดเซียนต้นกําเนิดจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือแม้แต่ตั้งเป้าหมายมาที่พิภพแห่งนี้อีกต่อไป
จากนั้นเขาก็จะเผชิญหน้ากับความมืดที่รุกรานจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ด้วยตัวคนเดียวโดยไม่ต้องกลัว!
ไม่เพียงแต่ผู้โดดเดี่ยวเท่านั้น แต่ภายนอกของภาพโบราณยอดฝีมือของแดนนิรันดร์หลายคนหลังจากได้ยินคําอธิบายของฉินมู่ก็รู้สึกโล่งใจทันที
แม้ว่าจะเป็นเพียงในภาพโบราณสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนยังคงทําให้ยอดฝีมือของแดนนิรันดร์เหล่านี้รู้สึกเช่นเดียวกัน
พวกเขานึกภาพไม่ออกว่าถ้านี่เป็นเรื่องจริงพวกเขาจะต้องอยู่ภายใต้เงาที่บดบังดวงอาทิตย์
ผู้กุมชะตาไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเขตแดนของเขายังห่างไกลเซียนต้นกําเนิดมาก
ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามทําให้เขามาถึงสถานการณ์ที่สิ้นหวังแล้ว
แม้แต่ราชันโบราณราชันเฉียนและอื่นๆเมื่อคิดถึงฉากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดนี้
“ยากเหลือเกิน มันช่างขมขื่นนัก…..”
จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญมองไปยังม้วนภาพโบราณและพึมพําออกมา
ในอดีต ณ พิภพเบื้องล่างนางได้ก้าวเข้าไปในส่วนลึกของเส้นทางยมโลกโบราณได้เห็น
ความจริงบางส่วนจากเลือดหยดหนึ่งจากปากของผู้โดดเดี่ยว
ในตอนนี้นางได้รู้แล้ว
ปรากฏว่าเมื่อ พันล้านปีก่อนมีตัวตนเช่นนี้จริงๆที่ต่อสู้กับทุกอย่างเพื่อสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกทั้งหมดด้วยกําลังของเขาเอง!