จอมบงการเทพยุทธ์ – บทที่ 303 ตัดหนทางไป ตัดสินความเป็นตาย!

จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 303 ตัดหนทางไป ตัดสินความเป็นตาย!

บทที่ 303 ตัดหนทางไป ตัดสินความเป็นตาย!

ตรวนนิรันดร์เก้าสีข้ามฟ้าพร้อมด้วยกระแสพลังอันไร้เทียมทานที่สามารถพรากทุกสิ่งทําให้ทุกคนที่รับรู้ถึงการมีอยู่ของมันรู้สึกหนาวสั่นในจิตใจมีความรู้สึกว่าจุดจบกําลังจะมาถึง“นี่เป็นทัณฑ์สวรรค์อะไรกัน?ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ข้ากลัวว่าต่อให้ราชันเซียนนิรันดร์ตัวจริงมาเองก็ยากต้านทานได!”

“มันช่างน่ากลัว ทั้งที่อยู่ห่างกันถึงล้านลี้ข้าก็ยังรู้สึกได้ถึงการกดขี่ที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้แล้วถ้าข้าต้องเผชิญหน้ากับมันจริง ข้าเกรงว่าข้าจะไม่มีทางต่อต้านมันได้เลยในตอนนี้!””ตรวนนิรันดร์เก้าสีนี่เป็นตรวนเก้าผนึกราชันเซียนนิรันดร์ในตํานาน!ในตํานานเล่าว่านี่เป็น

ทัณฑ์สวรรค์ที่น่ากลัวที่สุดในการก้าวข้ามเขตแดนไปยังราชันเซียนนิรันดร์มันมีอยู่ในตํานานและประวัติศาสตร์โบราณของแดนนิรันดร์เท่านั้นแต่ยังไม่มีใครเคยเห็นมันจริงไม่คิดว่าจะมันจะปรากฏขึ้นในวันนี้ได!”

มันจบแล้ว!”

“ผนึกสวรรค์เช่นนี้ข้ากลัวว่าถึงจะเป็นราชันเซียนนิรันดร์ที่แท้จริงมาเองก็ยากที่จะรับมือมัน

ห่างออกไปหลายล้านลี้เหล่ายอดยุทธ์จํานวนมากในหลากหลายดินแดนกําลังถกเถียงกันอย่างหนักและใบหน้าของพวกเขาก็เปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว

ไม่ว่าอย่างไรความกดดันจากตรวนนิรันดร์เก้าสีนั้นก็น่ากลัวเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะแยกห่างจากกันหลายล้านลี้แต่ก็ยังทําให้พวกเขารู้สึกใจสั่นสะท้านอย่างหาที่เปรียบมิได้

ในตอนนี้ จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญซึ่งอยู่ในใจกลางของตรวนนิรันดร์เก้าสีจํานวนมากนั้นดูสงบเป็นอย่างมาก

นางนั่งขัดสมาธิอยู่อย่างเงียบๆชุดขาวราวหิมะและผมสีดําสนิทต่างก็พริ้วไหวไปกับสายลมร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิบนศีรษะของนางและรวบรวมพลังของแดนลับทั้งห้านั้นก็ทําเช่นเดียวกับนางที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้วยการสาธยายมนตราส่งพลังออกไปรอบกายอย่างไม่หยุดยั้ง

ยิ่งไปกว่านั้นร่างจําแลงของเทพและมารก็ปรากฏขึ้นคุกเข่ากราบกรานไปยังร่างเล็กนั้นราวกับพวกเขากําลังสรรเสริญสิ่งมีชีวิตสูงสุด

“โอม!”

ตรวนราชันเซียนนิรันดร์ ข้ามฟากฟ้าด้วยความเร็วที่เหนือกาลเวลา ไม่ให้โอกาสใครหลบหนีปิดกั้นจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญโดยตรง

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ตรวนนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับกรรมตราบใดที่มันเกิดขึ้นก็จะต้องได้รับผลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โซ่ราชันเซียนนิรันดร์อันไร้ที่สุดล้อมพันจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ และอีกหลายเส้นก็พุ่งจมลงไปในร่างของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญราวกับจะตรึงนางไว้กับพิภพ!

ทันใดนั้น โซ่หลักก็เริ่มเรืองแสงดูดซับพลังของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญกดดันวิญญาณของนางกัดกร่อนอายุขัยของนางกลืนกระแสพลังทั้งหมดรอบตัวนาง!

ตรวนเก้าผนึกราชันเซียนนิรันดร์ห้ามทุกอย่าง!

ตรวนราชันเซียนนิรันดร์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้จมอยู่ในร่างกายจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญและด้วยการทําของตรวนเช่นนี้ร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิบนศีรษะของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญก็ค่อยๆ

สลัวลง

นั่นคือสัญญาณที่บอกว่าพลัง วิญญาณและทุกสิ่งในร่างกายถูกปิดกั้น แดนลับทั้งห้าในร่างกายทํางานได้ช้าลงและแน่นอนว่าอายุขัยก็ย่อมได้รับผลกระทบตามปกติ

วิ่งๆๆๆ

“ตรวนเก้าผนึกราชันเซียนนิรันดร์ ช่างยากเหลือเกิน! เมื่อเพิ่มผนึกและตรวนเข้าไปอีกก็ย่อม

ตัดการเชื่อมต่อระหว่างวิญญาณพํานักและร่างกายอย่างสมบูรณ์ วิถีที่จะก้าวข้ามไปยังเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ของนางครั้งนี้ก็จะพังทลายลงเช่นเดียวกัน

ราชันบรรพบุรุษนิรันดร์ที่อยู่ห่างออกไปเหนือเก้าสวรรค์มองไปยังจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญที่กําลังก้าวข้ามระดับ และก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

“ตรวนเก่าผนึกราชันเซียนนิรันดร์ช่างน่าสะพึงกลัวจริงๆ”

ราชันเฉียนและราชันดอกบัวส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเก้าผนึกราชันเซียนนิรันดร์พวกเขารู้จากแค่ในตํานานเท่านั้นไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน

และตอนนี้ หลังจากที่ได้เห็นพลังของตรวนเก้าผนึกราชันเซียนนิรันดร์ด้วยตาของพวกเขาเอง

พวกเขาก็รู้ทันทีว่าตรวนเก้าผนึกราชันเซียนนิรันดร์น่ากลัวแค่ไหน!

และตอนนี้ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นแต่พลังวิญญาณศักยภาพ และทุกสิ่งของผู้หญิงคนนี้ก็ถูกยับยั้งเกือบตลอดเวลาและวิญญาณพํานักที่เหนือศีรษะของนางก็มืดมนลงเช่นเดียวกัน

หากรอจนกระทั่งตรวนเก้าผนึกราชันเซียนนิรันดร์ตัดช่องทางพลังทั้งหมดในผู้หญิงคนนี้นั่นก็

จะทําให้วิญญาณพํานักเหนือศีรษะของนางไร้พลังที่จะเติมเต็ม และจะแตกสลายไป

การก้าวข้ามไปยังเขตแดนใหม่ของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญก็จะล้มเหลวเช่นกัน!

ด้วยเหตุนั้น

เนื่องจากการก้าวข้ามไปสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์นั้น ต้องการวิญญาณพํานักเหนือศีรษะซึ่งก็ยังเป็นแดนลับลําาดับที่หกในตํานานที่ใช้ในการทําลายพันธนาการของฟ้าดินและสร้างชื่อในฟ้าดิน

และหากวิญญาณพํานักแตกสลายการก้าวข้ามก็จะต้องล้มเหลวโดยธรรมชาติ

จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ลุกลี้ลุกลน ระดมกําลังทั้งหมดในร่างต่อต้านพลังของเก้าผนึกที่บุกรุกเข้าไปในไขกระดูก

แต่ทว่าพลังของตรวนเก้าผนึกราชันเซียนนิรันดร์ที่มีต้นกําเนิดมาจากฟ้าดินนั้นทรงอํานาจเกิน

ไป แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์และทุ่มเทสุดกําลัง แต่นางก็ทําได้เพียงเฝ้าดูพลังในร่างกายของนางถูกปิดกั้นเป็นระยะการเชื่อมต่อกับวิญญาณพํานักเหนือศีรษะนางก็อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ

สําหรับร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่เหนือศีรษะของนางนั้นเพราะว่าการเชื่อมต่อกับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญน้อยลงไปเรื่อยๆ ร่างกายของร่างเล็กนั้นก็เริ่มพร่ามัวลงไปเรื่อยๆราวกับจะหายไปได้ในทุกขณะจิต

“ข้ามสามารถรอได้อีกต่อไปข้าทําได้เพียงแค่หักใจหลับตาเท่านั้น”

เมื่อเห็นฉากนี้ราชันบรรพบุรุษนิรันดร์ก็ได้แต่ส่ายหน้าดูเหมือนจะเห็นจุดจบแล้วการก้าวข้ามไปสู่ราชันเซียนนิรันดร์นั้นต้องรวบรวมพลังทั้งหมดของตัวเองไปที่วิญญาณ

พานักเหนือศีรษะแล้วรีบพุ่งทะลวงออกไปทําลายตรวนของฟ้าดิน บรรลุเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์นี่จึงเป็นเส้นทางการบรรลุเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์

และตอนนี้สํานึกวิญญาณพํานักเหนือศีรษะของผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะสลายตัวไปได้ทุกเมื่อหากนางไม่ก้าวข้ามไปในเวลานี้ เมื่อวิญญาณพํานักสลายตัวไปนางก็จะไม่มีโอกาสได้ก้าวข้ามไปอีก

แต่ถึงแม้หากจะก้าวข้ามไปในเวลานี้เนื่องจากตรวนราชันเซียนนิรันดร์ได้ตัดการเชื่อมต่อส่วนใหญ่ระหว่างร่างกายกับวิญญาณพํานักเหนือศีรษะทําให้วิญญาณพํานักสะสมพลังไม่เพียงพอและพลังที่ดูดซับนั้นก็ไม่เพียงพอเช่นเดียวกัน

หากเป็นเช่นนี้แล้ววิญญาณพํานักจะทําลายพันธนาการฟ้าดินนี้และตื่นขึ้นมาเป็นราชันได้อย่างไร

ดังนั้นในสายตาของราชันบรรพบุรุษนิรันดร์นี่เป็นทางตัน!

ไม่ว่าจะเป็นก้าวข้ามไปหรือสะสมพลังต่อไปก็จะหนีไม่พ้นชะตากรรมของความล้มเหลว!

จอมบงการเทพยุทธ์

จอมบงการเทพยุทธ์

Status: Ongoing
ฉินมู่เดินทางเข้าสู่โลกแฟนตาซี และได้รับระบบจอมบงการ ซึ่งสามารถเปิด ดินแดนพิศวงหลากหลายและเปลี่ยนความคิดฝันในใจของเขาให้กลายเป็นความจริงในยุคนี้ ได้มีเผ่าพันธุ์มากมายนับพัน เผ่ามนุษย์นั้นอ่อนแอและไม่เคยได้มีผู้แข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้นมาแม้แต่คนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ถูกรังแกกดขี่ข่มเหงตามอำเภอใจเป็นเพราะว่าโลกอันกว้างใหญ่นี้ได้เปลี่ยนแปลงมาหลายร้อยชั่วอายุคน ทำให้ประวัติศาสตร์เมื่อหลายล้านปีก่อนได้ถูกลืมเลือนไปจากสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ฉินมู่จึงได้กล่าวว่า ข้าจะสร้างประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดขึ้นมาใหม่ และจะสร้างร้อนฝนหนาวอันรุ่งเรืองให้กับมนุษยชาติในประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยหมอกอันพร่าเลือน โดยมีฉินมู่คอยบงการอยู่ด้านหลัง จัดวางดินแดนพิศวงทีละดินแดน และเปิดเผยมุมมืดอันเร้นลับของพวกมันออกมาเมื่อตำนานของเผ่าพันธุ์ได้ก้าวผ่านยุคดึกดำบรรพ์มาสู่โลกนี้ จะมีใครบ้างไหมที่หาญกล้าพอที่จะออกมาต่อสู้กับทุกเผ่าพันธุ์ในโลกนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท