บทที่ 673 อย่าออกไป เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ธรรมดา!
“ซากปริภูมิเวลา…สถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? กองกำลังใดเป็นเจ้าของกัน?”
จักรพรรดินีเอ่ยถามชายหนุ่ม ต้องการจะทราบสถานการณ์ให้มากขึ้น
จับ!
นางสนใจคำนี้ที่ชายหนุ่มพูดออกมา
ในเมื่อเป็นการจับกุม แสดงว่าต้องมีกองกำลังบางอย่างเป็นผู้ลงมืออย่างแน่นอน!
อันที่จริงหากลองหวนนึกให้ดีแล้ว ยามที่เส้นทางโบราณถูกตัดขาดทำให้พวกนางตกลงมายังที่นี่ ก็น่าจะเป็นการลงมือของกองกำลังนั้น
“ไม่แน่ใจ”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะเอ่ยออกมา “นั่นเป็นกองกำลังที่พวกเราไม่มีทางเข้าใจได้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะสามารถก้าวข้ามโกลาหล ทะยานออกจากโกลาหลได้”
เขาพูดต่อ “ขอบเขตของพวกเราต่ำเกินไป มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้ เดิมทีข้าก็คิดว่าทุกคนจะอยู่ร่วมกันภายในจักรวาลโกลาหล ทว่าความจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ความจริงอยู่เหนือกว่าที่พวกเราจะสามารถจินตนาการได้ไปไกลนัก จักรวาลโกลาหลไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีอยู่มากมาย!”
“อันใดนะ!”
จักรพรรดินี หยวนอี และอาจารย์ของจักรพรรดินีต่างตกตะลึงจนไม่อาจบรรยายออกมาได้
ยังมีจักรวาลโกลาหลจำนวนมากดำรงอยู่อีกหรือ?
นี่มันเหนือเกินกว่าจินตนาการของพวกนาง!
“ใช่แล้ว!”
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างหนักแน่น “นี่คือสิ่งที่ข้าได้รู้หลังจากมาที่นี่ ต้องใช้เวลาไปมากมายจึงสามารถทำความเข้าใจได้”
เขาอธิบายเพิ่มว่า สิ่งมีชีวิตในที่แห่งนี้ไม่ได้มาจากจักรวาลโกลาหลเดียวกันทั้งหมด แต่อาศัยอยู่ในจักรวาลโกลาหลที่แตกต่างกันไป
“ไม่ต้องสงสัยไป ข้าล้วนตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ครั้งแล้วครั้งเหล่า ทุกจักรวาลโกลาหลเองยังมีความแตกต่างกันไป มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ เต๋ากับกฎเกณฑ์เองก็ไม่เหมือนกัน หากพวกเจ้าอยู่ที่นี่นานเข้า พวกเจ้าก็จะค้นพบจุดนี้ได้ด้วยตัวเอง มันสามารถเห็นได้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ในยามแรกข้าเองก็เกิดความสงสัยแคลงใจเช่นเดียวกัน”
ชายหนุ่มกล่าว
“นี่มันจะยุ่งยากเกินไปแล้ว!”
จักรพรรดินีรู้สึกปวดหัว สถานที่แห่งนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง พวกนางจะกลับไปได้หรือไม่?
หลุดพ้นจากพลังโกลาหล ทะยานออกจากโกลาหล สถานที่แห่งนี้อยู่ไกลเกินกว่าที่แดนบรรพโกลาหลจะสามารถเปรียบเทียบได้!
โฮกกกก!
ในตอนนั้นเองมีเสียงคำรามที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมดังขึ้น อสูรจระเข้ยักษ์ที่หนีไปก่อนหน้านี้ หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่งอย่างดุดัน
ด้านข้างของมันยังมีอสูรอีกตนหนึ่ง
มันเป็นอสูรกิเลนดำที่บนร่างเต็มไปด้วยเพลิงสีนิลลุกโชน ลมหายใจที่แผ่ออกมาน่าสะพรึงกลัวระดับสะท้านฟ้า ภายในดวงตาทั้งสองข้างมีภาพดวงดาวดวงแล้วดวงเล่าถูกทำลายไปอย่างเลือนราง
“น่าชิงชังนัก จ้าวกิเลนดำตื่นแล้ว มันหลับมาตลอดไม่ใช่หรือ?!”
สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนอย่างมาก ก่อนจะหันไปเอ่ยกับจักรพรรดินี “จ้าวกิเลนดำเป็นราชาอสูรของที่นี่ ความแข็งแกร่งของน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มีผู้ต่อกรได้อยู่น้อยนิด นี่มันไม่ดีแล้ว!”
เขากล่าวต่อ “แต่พวกเจ้าวางใจได้ ข้าไม่มีทางทิ้งพวกเจ้าหนีไปคนเดียวอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเราจะมาจากต่างจักรวาลโกลาหลกัน แต่พวกเราก็เป็นสหายร่วมเผ่ามนุษย์ ในที่แห่งนี้เผ่ามนุษย์อ่อนแอเป็นอย่างมาก พวกเราจำเป็นต้องร่วมมือกันจึงจะสามารถอยู่รอดต่อไปในที่นี่ได้”
หลังจากนั้นเขาก็เรียกกระบี่ออกมา ต่อเนื่องด้วยการปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ แสงกระบี่พุ่งสูงอย่างยิ่ง ปราณกระบี่กระจายทั่วทุกทิศทาง
“จ้าวกิเลน พวกเราเจรจากันได้หรือไม่ อย่าได้คิดสังหารสิ้นเลย”
เขาพูดออกมาเสียงดัง
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนสนิทของราชามนุษย์ ข้าจะให้โอกาสเจ้า รีบออกไปจากที่นี่เสีย”
กิเลนดำเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส
“ไม่ได้ พวกเราต้องไปด้วยกัน พวกนางเองก็มาจากเผ่ามนุษย์เช่นเดียวกับข้า เผ่ามนุษย์ไม่มีทางทอดทิ้งเพื่อร่วมเผ่าคนใดเด็ดขาด!”
ชายหนุ่มตะโกนออกมาด้วยท่าทางชอบธรรม ไม่มีความคิดที่จะจากไปเพียงผู้เดียว
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ตายเสียที่นี่!”
กิเลนดำคำรามออกมา ก่อนจะพุ่งตรงมาด้วยต้องการสังหารอีกฝ่ายทันที
เพียงแค่กีบของมันย่ำลงมา กฎเกณฑ์ก็ถูกทำลายกระจัดกระจายออกไป พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาเป็นระลอกคลื่น ประหนึ่งสามารถพังทลายท้องนภาได้
ชายหนุ่มพุ่งออกไปด้านหน้า สำแดงวิชากระบี่ชั้นยอด กระบี่นับหมื่นปรากฏออกมาประหนึ่งพิรุณกระบี่ พุ่งเข้าหยุดยั้งกีบของจ้าวกิเลนดำ
น่าเสียดายที่กับของจ้าวกิเลนดำนั้นน่ากลัวเกินไป กระบี่ทั้งหมดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กระจายไปทั่วในชั่วพริบตา
ชายหนุ่มถูกแรงกระแทกกระเด็นมาล้มลงด้านหน้าเส้นทางโบราณ ปากกระอักเลือดออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้ง เสื้อบริเวณหน้าอกถูกย้อมกลายเป็นสีแดง
“พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า รีบหนีออกไปจากที่นี่เร็วเข้า!”
ชายหนุ่มตะโกนไปทางพวกจักรพรรดินี หลังจากนั้นเขาก็กัดฟันลุกขึ้นไปเผชิญหน้ากับจ้าวกิเลนดำอีกครั้งด้วยความยากลำบาก
จากนั้นเขาก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นตกลงไปยังด้านหน้าเส้นทางโบราณอีกครั้ง ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาเละกลายเป็นก้อนเนื้อและเลือด
“เพื่อคนที่ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า คุ้มค่าแล้วหรือ?”
จ้าวกิเลนดำกล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา
“คุ้มค่า!”
ชายหนุ่มตะโกน เขายังไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นไปเผชิญหน้ากับจ้าวกิเลนดำอีกครั้ง
หลังจากนั้นเขาก็กระเด็นลอยกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ร่างกายของเขาเละเทะกลายเป็นหมอกโลหิต
แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้ธรรมดา เพียงชั่วพริบตาก็รวมกลับมากลายเป็นร่างใหม่อย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าไปเร็วเข้า ข้ารั้งมันเอาไว้ได้ไม่นาน!”
ชายหนุ่มหันกลับไปตะโกนใส่พวกจักรพรรดินี
ใบหน้าของหยวนอีเต็มไปด้วยความร้อนใจกระสับกระส่าย นางต้องการจะออกไปช่วยชายหนุ่ม ไม่อาจทนเห็นเขาถูกจ้าวกิเลนดำสังหารไปทั้งเช่นนี้ได้
อย่างไรเสียชายหนุ่มผู้นี้ก็ต่อสู้เพื่อช่วยเหลือพวกนาง
นางต้องการจะใช้พลังของเส้นทางโบราณเพื่อจัดการกับจ้าวกิเลนดำ แต่เส้นทางโบราณนั้นอยู่นอกเหนือการควบคุมของนาง เมื่อจ้าวกิเลนดำไม่ได้โจมตีเส้นทางโบราณ พลังของมันถึงไม่ถูกเปิดใช้งานขึ้นมาเพื่อจัดการกับจ้าวกิเลนดำ
อีกทั้งพวกนางยังไม่สามารถควบคุมเส้นทางโบราณให้พาตนเองออกไปจากที่นี่ได้
หากพวกนางต้องการไปจากที่นี่ มีเพียงแต่ต้องก้าวออกจากเส้นทางโบราณ หลบหนีไปด้วยตนเอง
นอกจากนี้ พวกนางเองก็ไม่สามารถพาชายหนุ่มเข้ามาด้านในเส้นทางโบราณได้
เส้นทางโบราณมีพลังคุ้มกัน แต่พวกนางไม่สามารถเปิดพลังคุ้มกันขึ้นมาเองได้
“ไปเร็ว!”
ชายหนุ่มตะโกนออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่จ้าวกิเลนดำอีกครั้ง
ผลลัพธ์ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เขาถูกดีดกระเด็นกลับมาอีกครั้ง สลายกลายเป็นหมอกโลหิต
“รนหาที่ตาย!”
จ้าวกิเลนดำแค่นเสียงเย็นชา “ช่างมันเถิด ก็เพียงแค่สังหารเจ้าทิ้งเสีย!”
หมอกโลหิตกลับมารวมตัวกลายเป็นร่างใหม่ของชายหนุ่มอีกครั้ง ทว่าลมหายใจของเขาอ่อนแอลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด การโจมตีก่อนหน้านี้ของจ้าวกิเลนดำทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเอาการ
“ไป อย่าปล่อยให้ข้าตายโดยเปล่า!”
ชายหนุ่มตะโกนไปทางจักรพรรดินีและหยวนอีด้วยความร้อนใจ
“น่าขันนัก กำลังจะตายแล้วยังคิดเรื่องผู้อื่นอยู่อีก เจ้าตายก็สมควรแล้ว! ในที่แห่งนี้ความเมตตาคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์สุด! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่แม้แต่จะสามารถปกป้องตนเองได้!”
จ้าวกิเลนดำค่อย ๆ เยื้องย่างเข้ามา จิตสังหารเปี่ยมล้น มันต้องการจะสังหารชายหนุ่มทิ้งเสียที่นี่
อีกด้านหนึ่งหยวนอีที่สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของจ้าวกิเลนดำก็ไม่อาจทนต่อไปได้ นางต้องการจะออกไปช่วยเหลือชายหนุ่ม
หากจ้าวกิเลนดำโจมตีอีกเพียงแค่ครั้งเดียว ชายนุ่มจะตายทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย
ช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งมีมากเกินไป!
ทว่าในตอนที่นางกำลังเตรียมจะออกไป จักรพรรดินีก็ยื่นมือมาหยุดนางเอาไว้
“อย่าได้ออกไป” จักรพรรดินีเอ่ย
“อย่าออกไป หากออกไปแล้วจะไม่สามารถกลับเข้ามาได้”
อาจารย์ของจักรพรรดินีเองก็พูดขึ้นมา
นางกับจักรพรรดินีต่างมองออกว่าเรื่องนี้มีเส้นสนกลใน รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หากหยวนอีออกไปจริง ๆ อาจมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น!