วันนี้คือวันที่สามที่ไป๋จิ่นซิ่วต้องกลับมาเยี่ยมจวน ฮูหยินสองหลิวซื่อตื่นมาเตรียมการต้อนรับบุตรสาวตั้งแต่เช้าตรู่ แม้ว่าตัวจะนั่งอยู่ที่เรือนขององค์หญิงใหญ่ แต่ใจลอยไปที่หน้าประตูจวนแล้ว ชะเง้อมองไปด้านนอกตลอดเวลา รอบ่าวเข้ามารายงานว่าบุตรสาวและบุตรเขยมาถึงแล้ว
“เหตุใดถึงยังไม่มากันอีก” หลิวซื่อวางถ้วยชาในมือลง หันไปสั่งชิงซูสาวใช้ใหญ่ประจำตัวให้ออกไปดูที่ด้านหน้า
ฮูหยินห้าซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากซ่อนรอยยิ้มเอาไว้พลางกล่าว “พี่สะใภ้ใจร้อนเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ยายหนูสองกับบุตรเขยยังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน อาจตื่นสายไปบ้าง เรามันคนอาบน้ำร้อนมาก่อน ท่านเข้าใจพวกเขาหน่อยเถิด”
“เจ้าดูน้องสะใภ้ห้าสิ อยู่ต่อหน้าท่านแม่ยังกล้าเอ่ยวาจาล้อเล่นเช่นนี้อีก!” ฮูหยินสามหลี่ซื่อกล่าว
ต่งซื่อนั่งอยู่ถัดจากองค์หญิงใหญ่ ยิ้มน้อยๆ มิได้กล่าวอันใดออกมา หลุบตามองดูกำไลหยกที่ข้อมือของตัวเอง รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ อย่างไรเสียเดิมทีนี่คือวาสนาของบุตรสาวตน
บรรดาคุณหนูตระกูลไป๋นั่งล้อมโต๊ะพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ไป๋ชิงเหยียนมองดูห้องที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมาก
ไม่นาน ชิงซูสาวใช้ของหลิวซื่อก็เดินเข้ามาในเรือนฉางโซ่วอย่างรีบร้อน ข้างหลังมีอู๋หมัวมัวแห่งจวนจงหย่งโหวเดินตามเข้ามาด้วย
อู๋หมัวมัวเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทที่สุดของฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหว เมื่อนางมองเห็นเจี่ยงหมัวมัวยืนอยู่ตรงระเบียงก็รีบเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าเจี่ยงหมัวมัว ย่อกายลง “ท่านพี่หญิง…”
“วันนี้อู๋หมัวมัวมาทำไมกัน คุณหนูรองกับท่านเขยตื่นสายอย่างนั้นหรือ” เจี่ยงหมัวมัวฉุดให้อู๋หมัวมัวยืนขึ้นอย่างเกรงใจ เอ่ยถามยิ้มๆ
สีหน้าของอู๋หมัวมัวไม่ค่อยสู้ดี กล่าวอย่างอึกอัก “เมื่อวานนายหญิงใหญ่เล่นกับคุณหนูทั้งสองของจวนจงหย่งโหวจนพลัดลื่นตกลงไปในทะเลสาบ เดิมทีก็มิได้เป็นอันใดมาก แต่เมื่อเช้านี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดตัวถึงร้อนขึ้นมา วันนี้เลยกลับมามิได้…”
เจี่ยงหมัวมัวตกตะลึง รีบกล่าว “อู๋หมัวมัวรอก่อน ข้าจะเข้าไปรายงานองค์หญิงใหญ่”
ภายในห้อง เมื่อฮูหยินสองหลิวซื่อได้ยินข่าวก็ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ “ว่าอย่างไรนะ! ตระกูลฉินนี่มันอย่างไรกัน! จิ่นซิ่วตกน้ำตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ถึงให้บ่าวมารายงานพวกเรา เห็นว่านายท่านกั๋วกงและบิดาของจิ่นซิ่วไม่อยู่เลยคิดจะรังแกกันหรือย่างไร”
ไป๋ชิงเหยียนบีบถ้วยชาในมือแน่น เงยหน้ามองดูอู๋หมัวมัวซึ่งยืนกุมมือกำผ้าเช็ดหน้าแน่นผ่านม่านซึ่งกั้นอยู่ หญิงสาวกัดฟันแน่นเต็มไปด้วยโทสะ
ชาติที่แล้ว บุตรสาวคนรองของเสนาบดีกรมขุนนางแต่งเข้าจวนจงหย่งโหว วันกลับจวนก็ไม่ได้กลับเช่นเดียวกัน ได้ยินว่าเป็นเพราะเล่นกับน้องสามีจนพลัดลื่นตกลงไปในทะเลสาบ
นางนึกถึงจุดจบของบุตรสาวคนรองของเสนาบดีกรมขุนนางที่มีอายุอยู่ไม่ถึงสามสิบปีก็ต้องจากโลกนี้ไป พลางบีบถ้วยชาในมือแน่น สีหน้าซีดเผือด
หรือว่า ไป๋จิ่นซิ่วแต่งเข้าจวนจงหย่งโหวก็จะหลีกหนีชะตานั้นไม่พ้นเช่นเดียวกัน
มือที่ถือถ้วยชาของไป๋ชิงเหยียนสั่นน้อยๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการฝึกร่างกายอย่างทรหดในช่วงหลายวันมานี้หรือเป็นเพราะความโกรธกันแน่
“ท่านอาสะใภ้สองอย่าเพิ่งตื่นตระหนกเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนข่มอารมณ์เอาไว้ วางถ้วยชาในมือลง ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “ท่านย่าเจ้าคะ ให้ท่านอาสะใภ้สองพาหมอหงไปดูอาการน้องรองที่จวนจงหย่งโหวเถิดเจ้าค่ะ!”
“แต่ว่า…เพิ่งแต่งงาน ญาติฝ่ายหญิงพาหมอไปที่จวนของแม่สามี จวนจงหย่งโหวจะไม่คิดว่าจวนเจิ้นกั๋วกงของเราทำเกินไปแล้วเกิดไม่พอใจขึ้นมาหรือเจ้าคะ” ฮูหยินสี่หวังซื่อผู้มีนิสัยอ่อนโยนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“น้องรองมีวรยุทธ์ ว่ายน้ำเป็น! บอกว่าเล่นกันจนพลัดตกลงไปในน้ำ มันน่าเชื่อหรือเจ้าคะ จะต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ” ไป๋ชิงเหยียนขึ้นเสียงสูงเต็มไปด้วยโทสะ “ท่านย่า ท่านกับท่านแม่ คนหนึ่งเป็นถึงองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์ อีกคนมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงเก้ามิ่ง[1] ไม่สมควรพาหมอหงไป! แต่ท่านอาสะใภ้สองผู้เป็นห่วงบุตรสาว…มิใช่เรื่องแปลกเจ้าค่ะ”
“ข้าไปด้วย!” คุณหนูสี่ไป๋จิ่นจื้อลุกขึ้นยืน คาราวะองค์หญิงใหญ่ “ท่านย่า ข้าเป็นห่วงพี่หญิงรอง ข้าจะไปด้วยเจ้าค่ะ!”
“ท่านย่า ข้าก็จะไปด้วยเจ้าค่ะ!” คุณหนูสามไป๋จิ่นถงลุกยืนเช่นกัน
“ข้าด้วย! ข้าไปด้วย!”
บรรดาคุณหนูตระกูลไป๋ต่างเอะอะโวยวายอยากไปดูอาการของไป๋จิ่นซิ่ว
“ท่านแม่!” ฮูหยินสองขอบตาแดงก่ำ “ท่านแม่อนุญาตให้ข้าไปเถิดเจ้าค่ะ! ข้าเป็นห่วงจิ่นซิ่ว!”
องค์หญิงใหญ่สีหน้าเคร่งขรึม ลูบไปที่ลูกประคำในมือ ลูกสะใภ้สองของนางเป็นคนใจร้อน พวกเด็กๆ ก็อายุน้อยเกินไปควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เรื่องนี้มีเงื่อนงำแน่ๆ ไป๋จิ่นซิ่วคงโดนคนรังแก หากไปกันหลายคนหน่อย…จวนจงหย่งโหวจะได้รู้ว่าจวนเจิ้นกั๋วกงมิได้จะรังแกกันได้ง่ายๆ
องค์หญิงใหญ่มองไปที่ไป๋ชิงเหยียน ครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้น “ลูกสะใภ้สอง เจ้าพาเด็กพวกนี้ไปเยี่ยมจิ่นซิ่วเถิด อาเป่า…เจ้าตามไปด้วย สืบให้แน่ชัดว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น บุตรสาวของจวนเจิ้นกั๋วกงมิได้แต่งเข้าจวนจงหย่งโหวเพื่อโดนรังแก เจี่ยงหมัวมัว เจ้าก็ไปกับลูกสะใภ้สองด้วย”
เจี่ยงหมัวมัวย่อกายรับคำสั่ง
ฮูหยินสองหลิวซื่อทำความเคารพองค์หญิงใหญ่ด้วยความซาบซึ้ง ด้วยฐานะของเจี่ยงหมัวมัวถือได้ว่าเป็นตัวแทนขององค์หญิงใหญ่ มีเจี่ยงหมัวมัวไปด้วย…จวนจงหย่งโหวจะได้รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ให้ความสำคัญกับไป๋จิ่นซิ่ว
เมื่อต่งซื่อได้ยินว่าบุตรสาวต้องไปด้วยก็รีบท้วงขึ้น “ท่านแม่ ร่างกายของอาเป่า…”
“ท่านแม่ ข้ามิเป็นไรเจ้าค่ะ ท่านไม่ให้ข้าไปเยี่ยมน้องรอง ข้าก็ไม่สบายใจเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยปลอบต่งซื่อ ตอนนี้นางร้อนใจดั่งไฟสุม ไม่ไปดูนางจะรู้ได้อย่างไรว่าไป๋จิ่นซิ่วเป็นอย่างไรบ้าง จะรู้ได้อย่างไรว่าไป๋จิ่นซิ่วจะอยู่ที่จวนจงหย่งโหวต่อไปได้หรือไม่
ไป๋ชิงเหยียนเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลไป๋ ก่อนที่ตระกูลไป๋จะมีบุตรคนอื่นๆ ฮูหยินสองหลิวซื่อก็รักและเอ็นดูไป๋ชิงเหยียนมาก รู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนสุขุมรอบคอบ มีไป๋ชิงเหยียนไปด้วย…หากไป๋จิ่นซิ่วมีเรื่องที่บอกกับผู้เป็นมารดาเช่นนางไม่ได้ ต้องบอกกับไป๋ชิงเหยียนแน่
แม้ว่าต่งซื่อจะไม่เต็มใจสักเพียงไหน นางก็สั่งให้ฉินหมัวมัวบ่าวข้างกายของนางไปเตรียมรถม้า
เมื่ออู๋หมัวมัวซึ่งมาจากจวนจงหย่งโหวได้ยินว่าฮูหยินสองหลิวซื่อจะพาหมอและบรรดาคุณหนูแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงไปดูอาการของไป๋จิ่นซิ่วก็หวาดกลัวขึ้นมาในทันที ละล่ำละลักว่าตนจะกลับไปรายงานให้ฮูหยินเตรียมต้อนรับจากนั้นก็ขึ้นรถม้าจากไปด้วยความรวดเร็ว
ต่งซื่อตามไป๋ชิงเหยียนกลับไปที่เรือนชิงฮุย เลือกเสื้อคลุมตัวที่หนาที่สุดสวมให้ไป๋ชิงเหยียน และยืนส่งไป๋ชิงเหยียนออกจากเรือน “แม่ไม่ให้เจ้าไปที่จวนจงหย่งโหวเจ้าก็ไม่ฟัง! ไปแล้วอย่าทำเกินหน้าที่…มิเช่นนั้นอาจมีข่าวลือออกไปว่าเจ้าใจแคบไม่อยากให้น้องรองแต่งงานกับซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหว เข้าใจหรือไม่”
“ท่านแม่ วางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้ารู้ตัวดี!”
บริเวณที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วกง รถม้างดงามหลายคันค่อยๆ เคลื่อนขบวนไปยังจวนของจงหย่งโหว
จวนจงหย่งโหว
เมื่อฮูหยินรองหลิวซื่อเห็นบุตรสาวนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือด ขาอ่อนแรงจนแทบล้มลง นั่งลงข้างเตียงกุมมือบุตรสาวเอาไว้พร้อมเอ่ยเรียกชื่อนาง “จิ่นซิ่ว! จิ่นซิ่ว…แม่มาแล้ว เจ้าลืมตามองแม่สิ!”
หลัวหมัวมัวบ่าวข้างกายของหลิวซื่อประคองนางเอาไว้ กล่าวด้วยตาที่แดงก่ำ “ฮูหยินสอง ให้ท่านหมอหงดูอาการคุณหนูรองก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นร่างที่อ่อนระทวยของไป๋จิ่นซิ่ว มือที่ซ่อนอยู่ในชายเสื้อสั่นเทาด้วยความโมโห โทสะที่ควบคุมไม่อยู่เดือดพล่านไปทั่วร่างกายของนาง แทบอยากตวัดดาบแทงไปที่สตรีโหดเหี้ยม หน้าเนื้อใจเสืออย่างฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหว
[1] เก้ามิ่ง บรรดาศักดิ์สูงสุดที่ฮ่องเต้พระราชทานให้แก่สตรีซึ่งแต่งงานแล้ว