ไป๋ชิงเหยียนที่ขึ้นไปบนรถม้าแล้วถือเตาอุ่นมือไว้ในมือ แหวกม่านบนรถม้าออกเหลือบมองท่าทีน่าสงสารของเจี่ยงซื่อ อดยิ้มเย็นออกมาไม่ได้
กล่าวออกมาเช่นนี้ ภายนอกเหมือนจะยอมอ่อนข้อให้แต่แท้ที่จริงกลับลอบตำหนิว่าจวนเจิ้นกั๋วกงเหิมเกริมเกินไป พี่สะใภ้กับน้องสามีแค่หยอกล้อกันเล่นจนพลัดตกน้ำ คุณหนูสี่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงไม่เพียงฟาดแส้ใส่คุณหนูทั้งสองของนางอย่างไม่แยกแยะถูกผิด และยังคิดว่าตนเป็นฝ่ายถูกไม่เห็นหัวผู้ใด…ยืนกรานจะพาบุตรสาวซึ่งออกเรือนไปแล้วซ้ำยังเจ็บหนักกลับจวนในวันหิมะตกหนักเช่นนี้
“วาจาของนางช่างโสมมนัก!”
คุณหนูสี่ไป๋จิ่นจื้อจับแส้ซึ่งคาดไว้ที่เอวแน่นเตรียมลงจากรถม้าแต่โดนคุณหนูสามไป๋จิ่นถงรั้งไว้เสียก่อน
“ฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงฮูหยินเก้ามิ่ง หากเจ้าวู่วามฟาดแส้ใส่นาง ไม่เพียงจะหลงกลนางแต่ชื่อเสียงของเจ้าก็จะเสียหายไปด้วย!” ไป๋จิ่นถงลูบมือของไป๋จิ่นจื้อพลางกล่าว “เจ้านั่งอยู่บนรถนี่ พี่จะไปหารือกับพี่หญิงใหญ่เอง!”
ฮูหยินสองหลิวซื่อที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้า ตวาดกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเทาจากการร้องไห้ “ลูกสาวของข้าเพิ่งแต่งเข้าจวนเจ้าได้สามวัน! ตอนนี้แทบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว! ข้าจะกล้าปล่อยให้ลูกสาวอยู่ในจวนจงหย่งโหวที่เต็มไปด้วยอันตรายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
ท่านจงหย่งโหว ฉินเต๋อเจายังเดินไม่ถึงประตูจวนก็ได้ยินเสียงกล่าวขอโทษอย่างนอบน้อมของภรรยา จากนั้นก็เห็นท่าทีแข็งกร้าวของหลิวซื่อที่ต่อว่าหาว่าจวนของเขาเต็มไปด้วยอันตราย อดโมโหขึ้นมาไม่ได้ ถกชายชุดขึ้นเดินตึงตังออกมาจากจวน
“ฮูหยินสอง ท่านลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าจิ่นซิ่วแต่งเข้าจวนจงหย่งโหวแล้ว!” ฉินเต๋อเจายืนเอามือไขว้หลัง สีหน้าบึ้งตึง น่าสะพรึงเป็นอย่างมาก
เจี่ยงหมัวมัวกลัวว่าฮูหยินสองจะกล่าววาจาที่อีกฝ่ายจะนำไปใช้ประโยชน์ได้ รีบถลาไปข้างหน้าทำความเคารพ แต่ยังมิทันเอ่ยอันใดออกมาก็ได้ยินเสียงใสชัดเจนของไป๋ชิงเหยียนดังขึ้นเสียก่อน…
“ฮูหยินโหวช่างฝีปากกล้านัก สามารถพูดกลับดำเป็นขาวได้เช่นนี้…หาว่าการจงใจฆ่าคนเป็นเพียงการหยอกล้อกันเล่น พวกเราจำเป็นต้องย้ายน้องรองกลับจวนในวันหิมะตกหนักเช่นนี้ด้วยความจำใจ แต่แค่ฮูหยินเอ่ยพูดนิดเดียว พวกเรากลับกลายเป็นคนเหิมเกริมไปเสียได้ ช่างเปิดโลกกว้างให้ข้าเสียจริง”
ไป๋จิ่นถงเห็นชุนเถาแหวกม่านประคองไป๋ชิงเหยียนลงมาจากรถม้า จึงยืนมองนิ่งๆ อยู่ข้างรถม้า
มือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังของฉินเต๋อเจากำหมัดแน่น ดวงตาล้ำลึกมองไปยังไป๋ชิงเหยียนที่ก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าที่มั่นคง “คุณหนูใหญ่ไป๋โปรดระวังวาจาด้วย”
เจี่ยงหมัวมัวรีบเข้าไปประคองไป๋ชิงเหยียน คุ้มกันนางให้อยู่ข้างกาย
ดวงตาทั้งสองข้างของฮูหยินสองหลิวซื่อแดงก่ำ กล่าวออกมาด้วยความโมโห “ท่านจงหย่งโหว ลูกสาวทั้งสองคนของท่านช่างร้ายกาจจริงๆ ตีหัวลูกสาวข้าจนเป็นแผลใหญ่ ผลักนางตกลงไปในน้ำท่ามกลางอากาศเย็นของเดือนสิบสองเช่นนี้! ต้องโกรธแค้นกันสักเพียงใดถึงได้ทำกับลูกสาวข้าดังเช่นสัตว์ป่าเช่นนี้เจ้าคะ!”
ฉินเต๋อเจาหันหน้าไปมองเจี่ยงซื่อ เจี่ยงซื่อใบหน้าซีดเผือดรีบส่ายหน้ารัว ฉินเต๋อเจาหันกลับไปมองฮูหยินสองหลิวซื่ออีกครั้ง “ฮูหยินสอง ท่านเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่”
“เข้าใจผิดบ้าบออันใดกัน!” หลิวซื่อโมโหจนกล่าววาจาหยาบคายออกมา น้ำตาไหลรินชี้ไปยังเจี่ยงซื่อ แววตาราวกับจะฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ “ท่านถามฮูหยินของท่านดู! บ่าวรับใช้ข้างกายของนางยอมรับออกมาเองว่าคุณหนูทั้งสองของจวนท่านทำร้ายลูกสาวข้า นางกลับอ้างว่าเป็นแค่การหยอกล้อกันเล่นของพี่สะใภ้กับน้องสามี! อาศัยช่วงที่ลูกข้าสลบอยู่ เข้ามายุ่งกับสินเดิมของนาง ขายสาวใช้ของลูกสาวข้าไปหมด ตอนที่ลูกสาวของข้าต้องการคนดูแลข้างกายกลับไม่มีสาวใช้คอยปรนนิบัติแม้แต่คนเดียว ทำเช่นนี้ต้องการให้ลูกสาวของข้าตายชัดๆ”
เอ่ยถึงช่วงสำคัญ ฮูหยินสองร้องไห้ออกมาอย่างสะเทือนอารมณ์ นางกำเสื้อบริเวณทรวงอกแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “นี่มันจวนโหวที่ไหนกัน! มันถ้ำปีศาจที่คร่าชีวิตคนชัดๆ ข้าตาบอดไปจริงๆ ที่ผลักให้ลูกสาวตกอยู่ในขุมนรกนี่! พวกท่านยังเป็นคนกันอยู่หรือ พวกท่านมันหมาป่าโหดเหี้ยมชัดๆ”
“ฮูหยินสอง จิ่นซิ่วพลาดตกน้ำลงไปเอง มิมีผู้ใดอยากให้เกิดขึ้นหรอก!” ฉินเต๋อเจาก็ฉุนเฉียวขึ้นเช่นกัน “ข้าถือว่าท่านเป็นดองกับเรา หากท่านยังเอ่ยวาจาหยาบคายเช่นนี้อีกอย่าหาว่าข้ามิเกรงใจ!”
“ท่านโหว…” ไป๋ชิงเหยียนหน้าตึง กล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “น้องรองของข้าว่ายน้ำเป็น ทั่วทั้งเมืองหลวงแทบมิมีชายใดมีฝีมือว่ายน้ำสู้นางได้ พลัดตกน้ำจนสลบไม่ฟื้น? ท่านโหวไม่คิดว่ามันน่าขันอย่างนั้นหรือ”
ฉินเต๋อเจาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก “ไม่ว่าอย่างไร คุณหนูรองตระกูลไป๋ก็เป็นสะใภ้ของตระกูลจงหย่งโหวแล้ว ลูกสะใภ้ก็คือคนของตระกูลฉิน! คนตระกูลไป๋นึกจะพาคนกลับไปก็พาไป เจ้าเห็นจวนจงหย่งโหวของข้าเป็นอะไรกัน!”
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้น เดือดดาลเหลือทน “หากท่านโหวกล่าวเช่นนี้…น้องรองของข้าแต่งเข้าจวนโหวถือเป็นคนของจวนโหว แต่น้องรองของข้าถูกคุณหนูทั้งสองของจวนโหวทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ท่านโหวไม่สนใจ แต่ญาติฝ่ายหญิงอย่างพวกข้าเป็นห่วงมิได้หรือ! องค์หญิงใหญ่ ท่านย่าของข้าก็ถามถึงเรื่องนี้ไม่ได้หรือ! นี่มันการแต่งงาน…หรือการสังเวยชีวิตกันแน่!”
“เหลวไหลสิ้นดี!” ฉินเต๋อเจาโมโหจนหน้าเขียว
“ท่านโหวหาว่าข้าเหลวไหล เช่นนั้นท่านกล้าให้คุณหนูทั้งสองของท่านสาบานด้วยชีวิตหรือไม่ สาบานว่าพวกนางมิได้ตีหัวน้องรองจนเป็นแผล มิได้ผลักนางตกน้ำ…” ไป๋ชิงเหยียนก้าวไปบนบันไดจวนจงหย่งโหวอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องไปที่ฉินเต๋อเจา ท่าทีคุกคาม เอ่ยออกมาทีละคำ “กล้าให้ฮูหยินโหวสาบานหรือไม่ว่าไม่เคยแตะต้องสาวใช้ของน้องสาวข้า หากมิเช่นนั้นแล้วขอให้ทุกคนในตระกูลของท่านมิตายดี ทุกข์ทรมานจนถึงที่สุด!”
ฮูหยินโหวเจี่ยงซื่อตะลึงงันไปกับรัศมีความน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัว ที่ติดมาจากการออกรบของไป๋ชิงเหยียน นางกระตุกแขนเสื้อของฉินเต๋อเจา “ท่านโหว…”
“ฮูหยินโหวกับคุณหนูทั้งสองกล้าหรือไม่ หากฮูหยินกับคุณหนูทั้งสองกล้ารับคำ! วันนี้ไป๋ชิงเหยียนจะขอขมารับโทษที่ล่วงเกินพวกท่านเอง”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยความหนักแน่นและรวดเร็ว ทำให้เรื่องทุกอย่างกระจ่างแจ้งในคราเดียว ชาวบ้านที่มาดูเรื่องสนุกต่างถกเถียงกันไปต่างต่างนานา
“แย่เสียจริง ยุ่งกับสินเดิมของลูกสะใภ้ นี่มันหวังจะช่วงชิงสมบัติกันนี่!”
“นั่นน่ะสิ ดูไม่ออกเลยว่าจวนหย่งโหวจะทำเรื่องเช่นนี้ได้!”
“ได้ยินว่าจวนจงหย่งโหวยังมีคุณชายคนเล็กอีกคนที่เกิดจากภรรยาเอกนี่นา ผู้ใดยกลูกสาวให้แต่งเข้าจวนนี้อีกต้องโชคร้ายมากๆ เป็นแน่”
ฉินหล่างรีบขี่ม้ากลับมาจากหอฝานซิงทันทีที่ได้ยินข่าว มองจากไกลๆ ก็เห็นว่าหน้าจวนจงหย่งโหวเต็มไปด้วยรถม้าและชาวบ้านที่มาสอดแนม เขาได้ยินสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวออกมาพอดี ในใจเต้นรัว ไม่กล้าเดินหน้าเข้าไป
จงหย่งโหว ฉินเต๋อเจากำหมัดแน่น กัดฟันกรอด เอ่ยเสียงแข็ง “คุณหนูตระกูลไป๋อย่างพวกเจ้าทำตัวโอหังเวลาอยู่จวนเจิ้นกั๋วกง ไม่ร่ำเรียนคุณธรรม แนวทางของสตรีอันเป็นสิ่งที่สตรีควรเรียน วันๆ เอาแต่จับมีดแกว่งดาบนั่นก็เรื่องของพวกเจ้า แต่บัดนี้กลับมายุ่งเรื่องในจวนของผู้อื่น มิกลัวว่าเจิ้นกั๋วกง กั๋วกงซื่อจื่อจะโดนกล่าวหาว่าตามใจบุตรสาวจนไร้การอบรมสั่งสอนอย่างนั้นหรือ!”
ไป๋จิ่นจื้อและไป๋จิ่นถงโมโหจนแทบคลั่ง ไป๋จิ่นจื้อเกือบจะลงจากรถม้าแล้วหากไป๋จิ่นถงไม่รั้งไว้เสียก่อนด้วยเกรงว่าไป๋จิ่นจื้อจะทนไม่ไหวพุ่งไปที่จวนจงหย่งโหวแล้วใช้แส้คุยกันแทน