สีหน้าของชุนเหยียนซีดลงในทันที รีบคุกเข่าลง “คุณหนูใหญ่ บ่าว…บ่าวมิได้หมายความเช่นนั้นเจ้าค่ะ บ่าวจะติดตามคุณหนูใหญ่ไปตลอดชีวิต คุณหนูใหญ่อยู่ที่ไหนบ่าวก็จะอยู่ที่นั่นเจ้าค่ะ! แม้วันหน้าคุณหนูจะออกเรือนไป บ่าวก็จะคอยติดตามไปรับใช้คุณหนูกับนายท่านเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปที่ชุนเหยียนแวบหนึ่ง ชุนเหยียนคงมั่นใจแล้วว่าภายภาคหน้านอกจากจะแต่งงานกับเหลียงอ๋องแล้วนางคงไม่มีทางเลือกอื่นอีก จึงหวังจะติดตามนางเข้าจวนเหลียงอ๋องไปด้วย มิเช่นนั้นคงไม่ช่วยเหลียงอ๋องเอาใจนางถึงเพียงนี้
หญิงสาวรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากเตือนชุนเหยียนในเรื่องนี้อีกแล้ว จึงจับตะเกียบลงมือทานอาหารเช้า
ตอนนี้ยังจัดการชุนเหยียนไม่ได้ หากชุนเหยียนที่คอยส่งข่าวให้เหลียงอ๋องโดนไล่ออก เหลียงอ๋องต้องหาคนอื่นในจวนเจิ้นกั๋วกงทำแทนแน่ๆ ถึงเวลานั้นนางอยู่ที่แจ้ง คนของเหลียงอ๋องอยู่ในที่ลับ คงปวดหัวหนักกว่าเดิม
นอกจากเรื่องที่เอาแต่ชื่นชมเหลียงอ๋องตลอดเวลาจนน่ารำคาญแล้ว ยังดีที่ชุนเหยียนเป็นคนไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอันใด คิดสิ่งใดก็ปรากฏชัดเจนอยู่บนใบหน้า
หลายวันมานี้ไป๋ชิงเหยียนฝึกร่างกายทั้งเช้าและเย็น ปวดร้าวไปทั้งร่างจนแทบไม่มีแรงแม้แต่จับตะเกียบ
ชุนเถาตักโจ๊กไก่ให้ไป๋ชิงเหยียนหนึ่งถ้วย เอ่ยถามอย่างกังวล “คุณหนู หากเป็นแบบนี้ต่อไปร่างกายของคุณหนูจะรับไม่ไหวนะเจ้าคะ”
“หลายวันมานี้ฝึกทั้งเช้าเย็น ข้ากลับรู้สึกสบายขึ้นมาก”
ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ ชุนเถาก็ไม่ได้โน้มน้าวอีก ก้มหน้ามองไปยังชุนเหยียนที่คุกเข่าตัวสั่นเทาปาดน้ำตาอยู่บนพื้น นางได้แต่ส่ายหน้า
ทานอาหารเช้าเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนจะเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเตรียมไปหาไป๋จิ่นซิ่วจึงสั่งให้ชุนเหยียนลุกขึ้นมาปรนนิบัติ
ชุนเหยียนยื่นเตาอุ่นมือส่งให้ไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตา จากนั้นถอยไปยืนด้านข้างอย่างเป็นระเบียบ น้ำตายังคงไหลไม่ขาดสาย ตั้งแต่นางเริ่มติดตามรับใช้คุณหนู นี่เป็นครั้งแรกที่นางโดนลงโทษจนขายหน้าเช่นนี้ บ่าวรับใช้ที่เดินเข้าออกต่างมองเห็นนางคุกเข่าอยู่ที่พื้น
ไป๋ชิงเหยียนกระชับเสื้อคลุมขนจิ้งจอกเดินเข้าไปในเรือนชิงจู๋ ก็เห็นเฉินชิ่งเซิงที่คุยเล่นอย่างสนุกสนานอยู่กับหญิงชราซึ่งมีหน้าที่ซักล้างก้าวเข้ามาหา ชายหนุ่มทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่…”
“เดินไปพูดไปเถิด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“ขอรับ…” เฉินชิ่งเซิงโค้งกายเล็กน้อยเดินอยู่ด้านข้างไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม กล่าวขึ้นเสียงเบา “บ่าวสืบมาได้ว่าสาวใช้ข้างกายของคุณหนูรองทั้งหกคนไม่ได้โดนขายขอรับ คงเป็นเพราะฮูหยินโหวค้นสินเดิมของคุณหนูรองแล้วแต่หาสัญญาทาสไม่เจอ คุณหนูระวังเท้าขอรับ…”
เฉินชิ่งเซิงเอ่ยเตือนให้ไป๋ชิงเหยียนเดินเลี่ยงทางน้ำแข็งตรงหน้า “ชายที่เฝ้าประตูจวนจงหย่งโหวเล่าว่าแม่ยายของเขาบอกเขาเมื่อคืนว่านอกจากแม่นางหมิงอวี้ที่อู๋หมัวมัวพาออกไปซ่อนตัวไว้นอกจวนแล้ว สาวใช้อีกห้าคนจมน้ำตายแล้วขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้า หันไปมองเฉินชิ่งเซิง เฉินชิ่งเซิงกำลังจะบอกนางว่าหมิงอวี้ทรยศเจ้านายอย่างนั้นหรือ
สาวใช้ที่ติดตามไป๋จิ่นซิ่วออกเรือนไปล้วนเป็นคนที่ท่านแม่และท่านอาสะใภ้สองคัดเลือกเองกับมือ วันออกเรือนไป๋ชิงเหยียนก็เคยเห็นพวกนาง ล้วนเป็นสาวใช้ที่ฉลาดและรู้หน้าที่ทั้งนั้น
ชีวิตคนดีๆ ห้าคน บอกว่าจมน้ำตายก็สิ้นเรื่องอย่างนั้นหรือ ฮูหยินโหวเจี่ยงซื่ออำมหิตโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ
เฉินชิ่งเซิงกล่าวต่อ “เพราะกลัวว่าเครื่องแต่งกายของสาวใช้พวกนั้นจะทำให้สาวมาถึงจวนจงหย่งโหว อู๋หมัวมัวบ่าวรับใช้ของเจี่ยงซื่อจึงสั่งให้คนถอดเครื่องแต่งกายของสาวใช้พวกนั้นออกทั้งหมด จากนั้นโยนทิ้งไปในป่าช้าในวันหิมะตกหนักขอรับ บ่าวที่มีหน้าที่จัดการศพไม่รู้เรื่องราว ดินที่แข็งเพราะหิมะก็ขุดยาก พวกเขาคิดว่าเป็นเพียงสาวใช้ที่ถูกจับกดน้ำเพราะทรยศนายจึงขี้เกียจขุดหลุมฝัง เอาร่างไปกลบในหิมะลวกๆ คิดว่าหิมะตกหนักทั้งคืนคงกลบศพได้หมด จากนั้นทั้งสองพากันไปดื่มเหล้า เถ้าแก่โรงเหล้าบอกว่าตอนพวกเขาไปถึง คนหนึ่งกระวนกระวายใจ อีกคนกล่าวปลอบว่าพอหิมะละลายศพพวกนั้นคงโดนสัตว์ป่าที่ออกล่าลากไปกินหมดแล้ว”
ไป๋ชิงเหยียนโมโหจนแทบระเบิด ครู่หนึ่งจึงหลับตาลงข่มความโกรธไว้ “เจ้าว่าต่อ!”
“บ่าวสืบจากผู้ดูแลซ่องโสเภณีได้ว่าเมื่อคืนพี่ชายของแม่นางหมิงอวี้ สาวใช้ใหญ่ข้างกายคุณหนูรอง…ซื้อหญิงโสเภณีไปสองคน บอกว่าได้ลาภก้อนใหญ่ บ่าวเอะใจเล็กน้อย ตอนนี้สืบชัดเจนได้ความแล้วว่าแม่นางหมิงอวี้ถูกย้ายไปเป็นสาวใช้ในสินเดิมของฮูหยินโหวเจี่ยงซื่อแล้วขอรับ”
“ญาติผู้พี่ เหตุใดท่านถึงเล่าเรื่องสกปรกโสมมเช่นนี้ให้คุณหนูใหญ่ฟังเล่า…” ชุนเถาหน้าแดงกล่าวออกมาเสียงเบาหวิว
“ขออภัยขอรับคุณหนู บ่าวเลอะเลือนไป!” เฉินชิ่งเซิงคุกเข่าขอขมา
“ไม่เป็นไร เจ้าลุกขึ้นเถิด!”
เฉินชิ่งเซิงฉลาดและมากไปด้วยความสามารถจริงๆ ไป๋ชิงหยียนให้เขาสืบหาเบาะแสของสาวใช้ติดตามของไป๋จิ่นซิ่ว นึกไม่ถึงว่าเขาจะสืบได้รวดเร็วขนาดนี้ เบาะแสมีเพียงนิดเดียวกลับสืบได้ละเอียดเช่นนี้อีก
“เจ้าไปรอข้าที่ประตูชุ่ยฮวา อีกเดี๋ยวคงต้องลำบากเจ้าอีกรอบ” ไป๋ชิงเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้าให้คนไปหาศพของสาวใช้ของคุณหนูรองให้เจอ ปล่อยไว้อย่างนั้นห้ามแตะต้อง สั่งให้คนเฝ้าเอาไว้จากนั้นไปแจ้งทางการ อย่าให้สัตว์ป่ามายุ่งกับศพ อย่างไรเสียก็ถือเป็นคนของตระกูลไป๋ แม้เป็นเพียงสาวใช้…ก็จะปล่อยให้พวกนางตายไปเปล่าๆ จนไม่เหลือซากศพไม่ได้”
“ขอรับ บ่าวน้อมรับคำสั่ง”
ชุนเถาประคองไป๋ชิงเหยียนเดินไปยังเรือนชิงจู๋ อดลอบถอนหายใจออกมาไม่ได้…ตอนนั้นหมิงอวี้โดนพ่อแม่ของนางขายให้ซ่องโสเภณี คุณหนูรองสงสารจึงซื้อนางไว้รับใช้ข้างกาย ให้นางเป็นถึงสาวใช้ระดับหนึ่ง แต่นางกลับทรยศคุณหนูรองเช่นนี้
ชุนเถาอดนึกถึงชุนเหยียนไม่ได้ ใจเต้นรัว เงยหน้ามองไปยังไป๋ชิงเหยียน ในใจเริ่มเดาได้ลางๆ “คุณหนูใหญ่…ท่านไม่เชื่อใจชุนเหยียนแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าชุนเถาซื่อสัตย์และไหวพริบดีจึงไม่คิดปิดบัง “ชุนเหยียนโตแล้ว ใจก็เลยกล้าขึ้นด้วย นางใส่ใจเรื่องของเหลียงอ๋องขนาดนี้ เจ้ามองอะไรไม่ออกเลยหรือ”
ที่ไป๋ชิงเหยียนยังเก็บชุนเหยียนเอาไว้เพราะนางแค่อยากรู้ว่าเหลียงอ๋องจะสั่งให้ชุนเหยียนทำสิ่งใดอีก เมื่อเห็นว่าชุนเหยียนสนิทกับคนของเหลียงอ๋องขนาดนี้ นางก็เริ่มสงสัยแล้วว่าชุนเหยียนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเอาจดหมายไปวางในห้องหนังสือของท่านปู่
ชุนเถาเม้มปากแน่น มิน่าช่วงนี้คุณหนูใหญ่ถึงได้ห่างเหินกับชุนเหยียน ห่างเหินกับเหลียงอ๋องนัก
ทว่า หากคุณหนูต้องเสียวาสนารักในครั้งนี้ไปเพราะเรื่องนี้ ชุนเถารู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่า
เมื่อไป๋ชิงเหยียนมาถึงเรือนชิงจู๋ พี่น้องตระกูลไป๋ต่างห้อมล้อมพูดคุยอย่างสนุกสนานอยู่ข้างเตียงของไป๋จิ่นซิ่วแล้ว
หญิงสาวยืนอยู่กลางเรือน ได้ยินเสียงหัวเราะของบรรดาน้องสาวดังแว่วมาจากในห้อง ในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
ไป๋ชิงเหยียนคือคนที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ชาตินี้ลำบากแค่ไหนนางก็ทนได้ พร้อมละทิ้งได้ทุกสิ่ง ชีวิตนี้…ต่อให้ร่างแหลกสลายเป็นผุยผง ขอแค่ได้ปกป้องญาติผู้ใหญ่ให้ปลอดภัย ปกป้องเสียงหัวเราะไร้ซึ่งความกังวลของพวกน้องสาวไว้ได้ นางก็พอใจที่สุดแล้ว
ได้ยินเสียงบรรดาบ่าวรับใช้ด้านนอกกล่าวทักทาย “คุณหนูใหญ่” ไป๋จิ่นซิ่วรีบเงยหน้ามองไปทางประตู ไป๋จิ่นถงเดินออกมาประคองไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่…”
“คุยสิ่งใดกัน เสียงหัวเราะดังไกลไปถึงโน่น” ไป๋ชิงเหยียนใจอ่อนยวบ ส่งเตาอุ่นมือให้แก่ชุนเถา ปลดเสื้อคลุมออก
ชุนเถารีบเข้าไปรับเสื้อคลุม จากนั้นยืนก้มหน้าอยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียนอย่างมีมารยาท
ไป๋จิ่นจื้อวางเมล็ดแตงโมที่กำอยู่ในมือลง ยืนขึ้นทำความเคารพ เอ่ยอย่างมีความสุข “กำลังเล่าถึงคำพูดของพี่หญิงใหญ่เมื่อวานที่หน้าจวนจงหย่งโหวเจ้าค่ะ ทำเอาเจี่ยงซื่อโมโหจนแทบจะพ่นควันออกมาอยู่แล้ว!”