บรรดาพ่อแม่สาวใช้ติดตามทั้งห้าของไป๋จิ่นซิ่วเกลียดฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวมากกว่าผู้ใด แต่ทำได้แค่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาเนื่องจากเกรงกลัวอำนาจของจวนจงหย่งโหว
ฮูหยินโหวนำของกำนัลมากมายมาที่จวนเจิ้นกั๋วกงอย่างเอิกเกริก กล่าวว่ามาคาราวะองค์ใหญ่พร้อมรับตัวไป๋จิ่นซิ่วกลับไปดูแลต่อที่จวน
ฮูหยินสองหลิวซื่อไม่อยากเจอหน้าฮูหยินโหวจึงขอร้องให้ฮูหยินซื่อจื่อต่งซื่อรับมือแทนนาง ส่วนตนอยู่ดูแลไป๋จิ่นซิ่วที่เรือนชิงจู๋
ฮูหยินโหวมาถึงจวนแต่ไม่มีเจ้านายออกมาต้อนรับสักคน มีแค่บ่าวใช้ผู้เฒ่าซึ่งมีหน้าที่ดูแลงานหนักในจวนออกมาเชิญให้เข้าไปแทน แม้เจี่ยงซื่อจงใจทำตัวน่าสงสาร แต่โดนดูถูกเช่นนี้นางก็อดโมโหไม่ได้ ใบหน้าส่อแววเกรี้ยวกราดเนื่องจากคุมอารมณ์ไม่อยู่ ในใจเริ่มคิดวางแผนว่าวันที่ข่าวการตายของบุรุษตระกูลไป๋ส่งกลับมา นางจะระบายความโกรธนี้อย่างไรดี
อู๋หมัวมัวพยุงเจี่ยงซื่อเดินเข้าไปในจวนเจิ้นกั๋วกง เบ้ปากพลางกล่าวออกมา
“จวนเจิ้นกั๋วกงเสียมารยาทกับฮูหยินมากเลยเจ้าค่ะ”
คงเป็นเพราะได้ยินอู๋หมัวมัวบ่นระบายแทนแล้ว ใจของเจี่ยงซื่อจึงสงบลงมาก นางกล่าวยิ้มๆ
“เมื่อวานเจ้ายังห้ามข้าอยู่เลย เหตุใดวันนี้เจ้าถึงระงับความโกรธไม่อยู่เล่า อย่างใดซะไป๋จิ่นซิ่วก็คือลูกสะใภ้ของข้า จวนเจิ้นกั๋วกงไม่ไหว้หน้าข้า ข้าจะไว้หน้าไป๋จิ่นซิ่วหรืออย่างใด ขอแค่รับไป๋จิ่นซิ่วกลับไป และห้ามไม่ให้ฉินหล่างย้ายออกได้ ท่านโหวจะได้อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย วันหน้าอีกยาวไกล…รอดูไปเถิด”
“ฮูหยินฉลาดมากเจ้าค่ะ!” อู๋หมัวมัวยิ้มประจบ พยุงเจี่ยงซื่อเดินไปยังเรือนใน
อู๋หมัวมัวรับใช้เจี่ยงซื่อมานานรู้จักนิสัยของเจี่ยงซื่อดี หากเมื่อครู่นางไม่ชิงบ่นขึ้นก่อน เมื่อเจี่ยงซื่อพบหน้าฮูหยินซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงต้องบันดาลโทสะออกมาแน่ นางบ่นออกมาก่อน…เจี่ยงซื่อจึงเป็นฝ่ายปลอบนางแทน และจะได้ยิ่งรู้สึกว่าตนเองใจกว้าง เป็นคนที่มีความอดทนมากที่สุด เจี่ยงซื่อจึงจะสงบลงและข่มโทสะของตัวเองไว้ได้
เดินผ่านประตูชุ่ยฮวาเข้าไป เจี่ยงซื่อก็เห็นหมัวมัวผู้ดูแลรับใช้ข้างกายของต่งซื่อยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเจี่ยงซื่อเดินเข้ามา ฉินหมัวมัวยิ้มพลางย่อกายทำความเคารพ
“คาราวะฮูหยินโหวเจ้าค่ะ เมื่อครู่บ่าวรับใช้ขององค์หญิงใหญ่มารายงานว่าท่านรู้สึกไม่สบายจึงไม่ขอพบฮูหยินเจ้าค่ะ! ฮูหยินสองก็ยุ่งกับการดูแลคุณหนูรองจึงไม่มาเช่นกัน ฮูหยินซื่อจื่อ คุณหนูใหญ่และคุณหนูสามกำลังรอท่านอยู่เจ้าค่ะ สั่งให้บ่าวมาคอยต้อนรับ”
อู๋หมัวมัวได้ยินว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลไป๋อยู่ด้วย ใบหน้ากระตุกในทันทีในใจเริ่มหวาดหวั่น คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ผู้นี้เคยออกรบ ฆ่าคนจริงๆ! เชียวนะ
สีหน้าของเจี่ยงซื่อก็แย่ไม่ต่างกันนัก องค์หญิงใหญ่ไม่พบนางยังไม่เท่าไร แต่หลิวซื่อนี่มันอันใดกันจงใจวางอำนาจใส่นางเช่นนั้นหรือ
แม้ว่าการที่ฮูหยินซื่อจื่อมาต้อนรับนางด้วยตัวเองจะไม่ถือเป็นการดูถูก ทว่า คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นั้นไม่มีมารยาทเลยแม้แต่นิดเดียว ดูเหมือนอ่อนโยนมารยาทดี…แต่วาจาโอหังเต็มไปด้วยไอสังหาร วันที่อยู่หน้าจวนจงหย่งโหว นางเถียงจนแม้แต่ท่านโหวยังเถียงกลับไม่ได้ เจี่ยงซื่อเห็นนาง…จะไม่ให้หวาดกลัวได้เช่นไรกัน!
แม้จะไม่พอใจ แต่ภายนอกเจี่ยงซื่อต้องแสดงความเป็นผู้ใหญ่ออกมา
“คุณหนูใหญ่ไป๋ร่างกายมิแข็งแรง เหตุใดจึงไม่พักผ่อนเล่า ข้าเป็นห่วงเสียจริง”
ฉินหมัวมัวเดินนำอยู่ด้านหน้าสุด ได้ยินเจี่ยงซื่อเอ่ยถึงร่างกายของไป๋ชิงเหยียน นางได้แต่กลอกตาอยู่ในใจ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น หยัดกายตรงเดินนำไปด้านหน้า
เจี่ยงซื่อไม่ได้รับคำตอบ สะบัดผ้าเช็ดหน้าเล็กน้อย ไม่เอ่ยสิ่งใดขึ้นอีก
ฉินหมัวมัวนำเจี่ยงซื่อตรงเข้าไปในห้องก็ยังไม่เห็นต่งซื่อออกมาต้อนรับ พอเข้าไปด้านในจึงเห็นว่าต่งซื่อกำลังพูดคุยอยู่กับไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นถง จงใจละเลยนางอย่างเห็นได้ชัด เจี่ยงซื่อเดือดขึ้นทันที
“วันนี้ข้ามาผิดจังหวะเสียจริง อยากมาคาราวะองค์หญิงใหญ่แต่ท่านก็ไม่สบายเสียก่อน! ขนาดญาติที่ปองดองกันยังยุ่งกับการดูแลจิ่นซิ่วจนสละเวลามาหาข้าไม่ได้เลย!” เจี่ยงซื่อเดินยิ้มเข้าไปด้านใน
ต่งซื่อได้ยินคำประชดของเจี่ยงซื่อ ดวงตาคู่งามจ้องไปทางเจี่ยงซื่อ นึกถึงสิ่งที่ไป๋จิ่นจื่อเล่าให้ฟังเรื่องที่วันนั้นเจี่ยงซื่อว่าค่อนแคะเรื่องสุขภาพ และอายุของไป๋ชิงเหยียนที่หน้าจวนจงหย่งโหว ต่งซื่อจึงโกรธเคืองเจี่ยงซื่อมากไม่คิดจะไว้หน้านางอยู่แล้ว
ต่งซื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่มุมปาก มองไปยังเจี่ยงซื่อ กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“ฮูหยินโหวต้องการจะสื่อว่าท่านแม่ของข้าป่วยเวลาใดไม่ป่วย จงใจป่วยตอนท่านมาเยี่ยมหรือเจ้าคะ ส่วนน้องสะใภ้สองของข้าก็ไม่รู้กาลเทศะ ไม่ยอมมาพบบุคคลสูงศักดิ์อย่างท่านกลับเอาเวลาไปดูแลลูกสาวที่นอนป่วย ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เจี่ยงซื่อจุกโดนตอกกลับจนทำหน้าไม่ถูก รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปในทันที
ต่างรู้กันดีว่าต่งซื่อเป็นคนอ่อนโยนเป็นแบบอย่างของลูกสะใภ้ที่ดี แต่ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่ามารดาของตนเก่งกาจและรักครอบครัวมากแค่ไหน ต่งซื่อทนได้ทุกเรื่องแต่หากผู้ใดมารังแกบุตรสาวของนาง ต่งซื่อก็จะไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น
ไป๋ชิงเหยียนกับไป๋จิ่นถงต้องรักษามารยาท ทั้งสองจึงลุกขึ้นทำความเคารพเจี่ยงซื่ออย่างลวกๆ
ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงตามเดิม เอ่ยถามเจี่ยงซื่อยิ้มๆ “ฮูหยินมาจวนเจิ้นกั๋วกงวันนี้เพราะต้องการมาเบ่งอำนาจหรือเจ้าคะ พอเข้ามาถึงได้ประณามท่านย่าและท่านอาสะใภ้รองของข้าเยี่ยงนี้”
เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้น เจี่ยงซื่อใจเต้นรัว เหมือนจะยังหวาดกลัวไป๋ชิงเหยียนจากเหตุการณ์หน้าจวนจงหย่งโหวในวันนั้นอยู่
ฝ่ามือของเจี่ยงซื่อเต็มไปด้วยเหงื่อ นางรู้ดีว่าวันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน จวนจงหย่งโหวมีความผิดติดตัวอยู่ นางต้องอ่อนข้อและทำตัวน่าสงสารให้จวนเจิ้นกั๋วกงได้ระบายความโกรธ แต่ต่งซื่อกับคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋กล่าววาจาเกินไปนัก
เจี่ยงซื่อจิกนิ้วจนเล็บมือแทบหัก กล่าวอย่างยอมลงให้ “ข้าจะกล้าประณามองค์ใหญ่ได้อย่างไรกัน!”
“ฮูหยินหมายความว่าประณามท่านอาสะใภ้สองอย่างนั้นสินะเจ้าคะ…” ไป๋จิ่นถงหน้าตึงทันที
“ข้านึกว่าวันนี้ฮูหยินจะมาขอขมาเสียอีก ที่แท้ก็มาประณามนี่เอง!”
เดิมทีเจี่ยงซื่อก็เป็นคนใจแคบอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าแม้แต่บุตรอนุกล้ายังเหิมเกริมกับนางก็โมโหทันที
“เป็นแค่ลูกอนุแต่กล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าข้า ต่งซื่อ ท่านไม่ห้ามปรามหน่อยหรือ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปมิกลัวว่าผู้อื่นจะสงสัยในการอบรมสั่งสอนของจวนเจิ้นกั๋วกงหรือย่างไรกัน!”
เจี่ยงซื่อกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะ หันไปมองต่งซื่ออย่างไม่พอใจ
“ฮูหยินโหวใส่ใจการสั่งสอนเลี้ยงดูของจวนตัวเองเถิด! ลูกสาวภรรยาเอกทั้งสองคนของท่านแค่มีปากเสียงกับพี่สะใภ้นิดหน่อยก็ถึงกับลงมือทำร้ายจนพี่สะใภ้เกือบตาย! ส่วนฮูหยินโหวก็ไปยุ่งกับสินเดิมของสะใภ้ อาศัยช่วงที่ลูกสะใภ้ยังไม่ฟื้นขายสาวใช้ติดตามของนางไปหมด เรื่องนี้แพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว คนสูงศักดิ์ในเมืองต่างกล่าวถึงเรื่องนี้กันอย่างสนุกสนาน ฮูหยินไม่คิดว่าจะกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาได้อย่างไร ยังมีหน้ามาตำหนิการอบรมสั่งสอนของจวนเจิ้นกั๋วกงอีก ช่างกล้ายิ่งนัก!”
คำกล่าวของต่งซื่อเหมือนเป็นการเหยียบหน้าเจี่ยงซื่อให้จมดิน
“เจ้า!” หน้าอกของเจี่ยงซื่อกระเพื่อมด้วยความเดือดดาล ร่างกายสั่นเทิ้มกล่าวอันใดไม่ออกแม้แต่คำเดียว