ไป๋ชิงเหยียนเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของต่งซื่อ ไม่อยากทำให้มารดาเสียใจโดยการบอกว่านางตัดสินใจไม่แต่งงานตลอดชีวิต
“เมื่อครู่ข้าเห็นขอบตาของท่านน้าสะใภ้แดงก่ำ คงเป็นเพราะร้องไห้มาก่อนหน้านี้ ท่านน้าสะใภ้เอ็นดูข้าเพราะข้าเป็นหลานสาว แต่ข้าไม่คิดว่าท่านจะชอบลูกสะใภ้ที่มีบุตรยาก ท่านยายกับท่านน้าชายหวังดีต่อข้าแต่ก็ไม่ควรฝืนบังคับใจใคร เพราะสุดท้ายข้าก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับแม่สามี ท่านแม่ว่าข้ากล่าวถูกหรือไม่เจ้าคะ”
ต่งซื่อไม่กล่าวอันใด ครุ่นคิดตามอย่างละเอียด
“ท่านแม่ ท่านยายกับท่านน้าชายดีต่อข้า และท่านขนาดนี้ ท่านทนเห็นท่านยายผิดใจกับลูกสะใภ้เพราะการแต่งงานของข้าได้หรือเจ้าคะ ชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่การแต่งงานนะเจ้าคะ คำกล่าวนี้ท่านแม่เคยเอ่ยปลอบข้าเองนะเจ้าคะ”
คำกล่าวพวกนั้นเป็นเพียงถ้อยคำที่ต่งซื่อใช้ปลอบตอนบุตรสาวได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ใจของนางยังไม่อยากยอมแพ้เรื่องการแต่งงานในครั้งนี้ ริมฝีปากขยับเอ่ย “เอาเป็นว่า เจ้าลองเจอหยวนเกอก่อนดีหรือไม่ หาก…หยวนเกอเต็มใจเล่า”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ปฏิเสธต่งซื่อ
ท่านแม่บอกว่าท่านยายวางแผนอยากให้นางแต่งงานกับต่งฉางหยวนตั้งแต่ที่นางได้รับบาดเจ็บแล้ว ทว่า ชาติที่แล้วนางไม่เคยรับรู้เรื่องนี้เลยสักนิด
ไป๋ชิงเหยียนหลับตานึก ไม่นานก็นึกถึงสาเหตุสำคัญได้
ชาติที่แล้วตอนที่ท่านยาย ท่านน้าชายรอง ท่านน้าสะใภ้รองมาฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวงได้พาต่งฉางหยวนมาจากเติงโจวด้วยจริงๆ เพียงแต่ตอนนั้นไป๋จิ่นซิ่วเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน ท่านยายคงไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานขึ้นมา ต่อมาในคืนวันสิ้นปีข่าวการตายที่หนานเจียงของบุรุษตระกูลไป๋ก็ส่งมาถึงเมืองหลวง…
นางรู้ว่าท่านยายรักและเอ็นดูนาง เหตุนี้นางยิ่งไม่อยากให้ท่านยาย และท่านน้าสะใภ้รองต้องมาผิดใจกันเพราะนาง
รถม้ายังไม่ทันถึง ต่งเหล่าไท่จวินซึ่งผมบนศีรษะขาวโพลนได้ยืนรออยู่ที่หน้าจวนพร้อมกับซ่งซื่อ ลูกสะใภ้คนโต หลานชายสี่คน และหลานสาวอีกสองคน เพื่อต้อนรับบุตรสาวและหลานสาว
ต่งเหล่าไท่จวินอยู่ในชุดอ่าวฉวินขนกระรอกสีน้ำตาลแดงปักด้วยลวดลายสีทอง ในมือถือลูกประคำเอาไว้ หญิงชราเอาแต่ชะโงกหน้ามองไปยังถนนที่ทอดยาว
ต่งฉางหยวนยืนเอามือไขว้หลังอยู่ข้างๆ ต่งเหล่าไท่จวิน เขาสวมชุดสีดำสนิททั้งชุด บริเวณเอวมีป้ายหยกสีดำแขวนอยู่ หนุ่มน้อยที่กำลังจะโตเป็นหนุ่มเต็มตัวใบหน้าสง่างามมาก แต่สีหน้าของเขากลับเรียบสนิท
“มาแล้ว มาแล้ว!” บ่าวรับใช้ตะโกนขึ้น “ข้ามองเห็นรถม้าของนายท่านรองแล้ว!”
มือที่คลึงลูกประคลำอยู่ของต่งเหล่าไท่จวินถลกชายกระโปงขึ้นเล็กน้อย ก้าวไปด้านหน้าสองสามก้าวโดยมีซ่งซื่อคอยประคอง
“ท่านแม่ไม่ต้องร้อนใจเจ้าค่ะ น้องหวั่นจวินกับอาเป่ามิหนีไปไหนหรอกเจ้าค่ะ” ฮูหยินใหญ่ซ่งซื่อเอ่ยแซวต่งเหล่าไท่จวิน
ต่งถิงเจินบุตรสาวคนรองของฮูหยินใหญ่ประคองต่งเหล่าไท่จวินพลางยิ้มออกมา “ท่านย่าไม่ต้องรีบร้อนเจ้าค่ะ หากท่านหกล้มไป ท่านป้ากับพี่หญิงใหญ่ต้องกังวลแน่เจ้าค่ะ!”
ไม่นาน รถม้าก็หยุดอยู่ที่หน้าจวนต่งซื่อก้าวลงจากรถม้าเป็นคนแรก เมื่อเห็นมารดาที่ผมขาวโพลน น้ำตาก็ไหลพรากในทันที “ท่านแม่!”
“หวั่นจวิน!” ต่งเหล่าไท่จวินน้ำตาคลอ ไม่สนใจอันใดทั้งสิ้นรีบก้าวลงจากบันได
ชุนเถาและชุนเหยียนที่เดินตามรถม้ามาตลอดทางช่วยประคองไป๋ชิงเหยียนลงจากรถม้า หญิงสาวย่อกายทำความเคารพ “คาราวะท่านยาย ท่านน้าสะใภ้ใหญ่เจ้าค่ะ!”
“หวั่นจวินของแม่”
“อาเป่าของยาย!”
แขนข้างหนึ่งของต่งเหล่าไท่จวินโอบบุตรสาว แขนอีกข้างกอดหลานสาวไว้ น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสายจนไป๋ชิงเหยียนขอบตาร้อนผ่าวตาม บรรดาญาติพี่น้องต่างพากันก้าวเข้าไปทำความเคารพ มีเพียงต่งฉางหยวนที่ยืนอยู่บนบันได มือกุมป้ายหยกแน่นหลุบตาลงไม่อยากเห็นหน้า
เห็นต่งชิงเยว่ซึ่งยืนอยู่ข้างรถม้าจ้องเขม็งไปยังต่งฉางหยวนที่ยื่นนิ่งไม่ขยับกายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ชุยซื่อรีบเอ่ยเตือนต่งฉางหยวน ต่งฉางหยวนจึงจำใจเดินลงบันไดมา โค้งกายลงสุดตัว “ฉางหยวนคาราวะท่านป้า พี่หญิงขอรับ”
สายตาของชายหนุ่มไม่ได้เหลือบมองไปทางไป๋ชิงเหยียนแม้แต่น้อย
“หยวนเกอโตเป็นหนุ่มแล้ว ช่างสง่างามเสียจริง!” ต่งซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาแล้วเอ่ยชมออกมาประโยคหนึ่ง
ท่านน้าสะใภ้ใหญ่ซ่งซื่อรีบกล่าวขึ้น “จะยืนคุยอยู่หน้าจวนอันใดกัน อาเป่าร่างกายไม่แข็งแรง ทนหนาวไม่ได้! ท่านแม่…พาน้องหวั่นจวินกับอาเป่าไปคุยต่อในห้องเถิดเจ้าค่ะ!”
“จริงสิ! เราเข้าไปคุยกันต่อในจวนเถิด!” ต่งเหล่าไท่จวินจูงมือของบุตรสาวและหลานสาวเข้าไปด้านใน ไม่ยอมปล่อยมือ ในสายตาไม่มีผู้ใดแล้วนอกจากบุตรสาวและหลานสาว
เมื่อเข้ามาในห้อง ต่งเหล่าไท่จวินกอดไป๋ชิงเหยียนไว้ในอ้อมแขน รักดุจแก้วตาดวงใจ น้ำตายังคงไหลริน ชุดที่ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งเปลี่ยนก่อนออกจากจวนเปียกชื้นไปด้วยคราบน้ำตาของต่งเหล่าไท่จวิน
ต่งฉางหยวนนั่งจิบชาคนเดียวอยู่ที่โต๊ะด้านหลังสุด ไม่มอง ไม่สนใจ ไม่อยากเสวนากับผู้ใดทั้งสิ้น ปฏิกิริยาต่อต้านเช่นนี้แม้แต่ต่งเหล่าไท่จวินยังมองออก นับประสาอันใดกับต่งซื่อและไป๋ชิงเหยียน
ต่งซื่อเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของบุตรสาวจริงๆ แต่หากยกบุตรสาวให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักใคร่ใยดีในตัวนาง ต่งซื่อก็ไม่อยากทำ ยิ่งมองไปที่ใบหน้าที่ดูก็รู้ว่าเพิ่งร้องไห้มาของชุยซื่อ จากนั้นมองไปที่ดวงตาแดงก่ำของบุตรสาว ต่งซื่อก็ไม่อยากฝืนใจผู้ใด ในใจเตรียมบอกกับท่านแม่ให้ยกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้
“ข้าไม่เห็นหยวนเกอมาหลายปี พริบตาเดียวโตเป็นเสียหนุ่มแล้ว” ต่งซื่อวางถ้วยชาลงยิ้มพลางเอ่ยถึงต่งฉางหยวน นางหันไปสั่งให้ทิงจู๋นำของขวัญพบหน้า[1]ของต่งฉางหยวนออกมา
ต่งฉางหยวนจึงลุกขึ้นยืน โค้งกายทำความเคารพต่งซื่อ
ต่งเหล่าไท่จวินโอบไป๋ชิงเหยียนไว้ในอ้อมแขน มองดูหลานชายคนรองที่มากไปด้วยความสามารถ ยิ่งรู้สึกว่าเหมาะสมกับหลานสาวของนางยิ่งนัก
“ปีที่แล้วท่านย่าของเจ้าเขียนจดหมายมาบอกว่าเจ้าสอบได้ที่หนึ่งในหมู่บ้าน ได้ตำแหน่งเจี่ยหยวนกง[2]ไปครอง! ป้าดีเจ้ากับเจ้าด้วยนะ!” ต่งซื่อให้ทิงจู๋นำของขวัญส่งให้ต่งฉางหยวน “หินโซ่วซาน[3]สองก้อนนี้อยู่ที่ป้าก็ไม่มีประโยชน์อันใด มอบให้หยวนเกออย่างน้อยก็สามารถแบ่งไปทำตราประทับได้สองชิ้น”
ต่งฉางหยวนโค้งคำนับพร้อมปฏิเสธ หินโซ่วซานมีค่ามากเกินไป เขารับไว้ไม่ได้
“ผู้ใหญ่ให้ของห้ามปฏิเสธ! ท่านป้ามอบให้เจ้า เจ้าก็รับไว้เถิด ภายภาคหน้าอย่าทำให้ท่านป้าของเจ้าต้องผิดหวังก็พอแล้ว!” ต่งเหล่าไท่จวินกล่าวอย่างเป็นนัย
ต่งฉางหยวนที่ก้มหน้าโค้งคำนับอยู่สีหน้าแย่ลงกว่าเดิม ยิ่งไม่กล้ารับของขวัญชิ้นนี้
ต่งฮูหยินใหญ่ ซ่งซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากลอบยิ้ม “ดูสิ ของขวัญของน้องหวั่นจวินมีค่ามากเกินไปจนหยวนเกอของเราตกใจหมดแล้ว!”
ไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ในอ้อมกอดของต่งเหล่าไท่จวินเห็นท่านน้าสะใภ้รองชุยซื่อตาแดงก่ำ หญิงสาวไม่อยากให้ชุยซื่อและต่งฉางหยวนไม่สบายใจเพราะเรื่องการแต่งงานอีกจึงกล่าวขึ้น “ท่านแม่อยากให้ญาติผู้น้องคว้าตำแหน่งที่หนึ่งมาได้อีก เพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลต่ง ท่านแม่จะได้พลอยได้หน้าไปด้วย”
ได้ยินเสียงใสกังวานดังขึ้น แม้ต่งฉางหยวนจะไม่นึกรำคาญเสียงนี้แต่เขาก็ยิ่งก้มหน้าต่ำกว่าเดิม
ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ข้างต่งเหล่าไท่จวิน เอ่ยขึ้นยิ้มๆ “วันนี้เจอหน้าญาติผู้น้องเป็นครั้งแรก ข้าก็มีของขวัญพบหน้ามาให้เช่นกัน”
สิ้นเสียง ชุนเถานำหมึกและหินหมึกชั้นดีที่ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้นางเตรียมเอาไว้ส่งให้ต่งฉางหยวนอย่างนอบน้อม
เมื่อต่งฉางหยวนเห็นหมึกและหินหมึกก็ตะลึงไปทันที เขาเป็นบัณฑิตรักการเขียน เห็นของพวกนี้ก็ชอบจนแทบไม่อยากมือปล่อย แต่เมื่อนึกได้ว่านี่เป็นของที่คนที่ท่านย่าบังคับให้เขาแต่งงานด้วยมอบให้ ความชอบก็มลายหายไปทันที ในใจรู้สึกทรมานมาก ชายหนุ่มก้มหน้าต่ำพลางกล่าว “ของขวัญที่พี่หญิงมอบให้มีค่ามากเกินไปขอรับฉางหยวนมิมีความชอบอันใด…มิกล้ารับไว้ขอรับ”
[1]ของขวัญพบหน้า คือ ธรรมเนียมการให้ของขวัญเมื่อพบหน้ากันครั้งแรก
[2]เจี่ยหยวนกง คือ ผู้ที่สอบได้อันดับที่หนึ่งของการสอบระดับมณฑล
[3]หินโซ่วซาน คือ หินชนิดหนึ่งที่มีแร่ไพโรฟิลไลต์หรือแร่ดินดิกไคต์เป็นส่วนประกอบ เป็นหินมักที่ใช้ในการแกะสลักหรือตัดผนึก