ตอนที่ 65 ขอแสดงความเสียใจ
จากนั้นไม่นาน บ่าวรับใช้ของจวนติ้งหย่งโหวประคองพ่อบ้านจวนติ้งหย่งโหวเดินฝ่าฝูงชนออกมา พ่อบ้านทำความเคารพพลางกล่าว “ฮูหยินซื่อจื่อ คุณหนูใหญ่ บ่าวคือพ่อบ้านของจวนติ้งหย่งโหวขอรับ ท่านโหวให้บ่าวนำโลงศพที่ท่านเตรียมเอาไว้บรรทุกใส่รถม้ามาด้วยขอรับ ซื่อจื่อและบรรดาแม่ทัพล้วนมีความดีความชอบ สมควรได้ใช้มันขอรับ!”
“ฝากขอบพระคุณท่านโหวด้วย!” ต่งซื่อและไป๋ชิงเหยียนคำนับขอบคุณ
“ท่านโหวของบ่าวและท่านกั๋วกงสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก เป็นเรื่องสมควรขอรับ! ฮูหยินซื่อจื่อ คุณหนูใหญ่ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะขอรับ!” พ่อบ้านทำความเคารพ
ตระกูลสูงศักดิ์ที่เห็นว่าโลงศพของตนเหมาะสมสำหรับตระกูลไป๋ ต่างทยอยส่งมาให้ตระกูลไป๋ทั้งหมด
ต่งซื่อพาคนไปเลือกโลงศพที่ใช้ได้ด้วยตนเอง จากนั้นสั่งให้คนแบกเข้าไปในจวนเจิ้นกั๋วกง สั่งให้พ่อบ้านเหาพาผู้ดูแลจวนไปขอบคุณทุกตระกูลที่ได้นำโลงศพของพวกเขามาให้ถึงจวน ส่วนโลงศพที่ไม่ได้ใช้
ต่งซื่อกล่าวขอบคุณพลางคืนโลงศพให้อย่างเกรงใจ
เดิมทีต่งซื่อต้องการควบคุมการกางกระโจมที่ลานหญ้าเพื่อทำพิธีไหว้ด้วยตัวเอง แต่โดนไป๋ชิงเหยียนขอร้องให้กลับไปพักผ่อนเสียก่อน ยังมีเรื่องอีกมากมายที่รอให้ต่งซื่อจัดการ ผู้ใดในตระกูลไป๋จะล้มก็ได้แต่ต้องไม่ใช่องค์หญิงใหญ่และต่งซื่อ
ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่กลางลานหญ้า มองดูบรรดาบ่าวรับใช้ที่ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันกางกระโจม มองดูโลงศพยี่สิบกว่าโลงอย่างเศร้าโศก เจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งหัวใจ
ชาติที่แล้ว ร่างที่นำกลับมามีเพียงร่างของท่านปู่ ท่านอาห้าและไป๋ชิงต้ง น้องชายคนที่สิบเจ็ดของนาง
ศพของบุรุษตระกูลไป๋คนที่เหลือล้วนอยู่ที่หนานเจียง
ไม่รู้ว่าชาตินี้จะเป็นดังชาติที่แล้วหรือไม่
เฉินชิ่งเซิงกลับมาจากด้านนอก เห็นไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดินพอดี ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเข้าไปหา
ชุนเถามองเห็นญาติผู้พี่ของตนเอง เอ่ยบอกกับไป๋ชิงเหยียนเบาๆ “คุณหนูใหญ่…ญาติผู้พี่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”
“คุณหนูใหญ่!” เฉินชิ่งเซิงคาราวะคุณหนูใหญ่ด้วยใบหน้าที่ขาวซีด
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมอง เห็นเฉินชิ่งเซิงทำความเคารพ นางจึงกล่าวขึ้น “ไม่ต้องมากพิธีหรอก”
“คุณหนูใหญ่ เมื่อครู่ขณะที่ข้ากำลังจะกลับจวน ข้าพบกับเด็กรับใช้ที่อยู่เฝ้าหอหม่านเจียง เด็กรับใช้กล่าวว่า…มีคนตามสืบเรื่องของข้า ข้าไตร่ตรองอยู่นานจากนั้นจึงไปหาขอทานที่ข้าเคยวานให้ไปส่งจดหมายที่จวนเซียว และก็เป็นดังที่คาดจริงๆ ขอทานกล่าวว่ามีคนมาพบเขา ตัดนิ้วโป้งเขาข้างหนึ่ง เค้นถามถึงที่มาของจดหมาย เขาจึงกล่าวออกไปตามความจริงว่าเคยเห็นผู้ดูแลหอหม่านเจียงกล่าวทักทายข้า!” เฉินชิ่งเซิงเงยหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อมองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นก้มหน้าลงอีกครั้ง “ครั้งนี้ข้าสะเพร่าเกินไป คุณหนูใหญ่โปรดลงโทษข้าเถิดขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนกำมือแน่น นางรู้ตั้งแต่ชาติที่แล้วแล้วว่าเซียวหรงเหยี่ยนเก่งกาจ เฉินชิ่งเซิงยังขาดประสบการณ์อยู่มาก ทำได้เท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
“เจ้าลุกขึ้นเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนเม้มปาก “อาจสืบมาไม่ถึงที่นี่ หากมีคนมาถามเจ้า เจ้าก็บอกปัดไปว่ามีคนจ้างให้เจ้าทำ เจ้ากลัวจะทำให้จวนเจิ้นกั๋วกงเดือดร้อนจึงวานให้ขอทานทำ มิต้องกังวล เจ้าเป็นคนของจวนเจิ้นกั๋วกง คนพวกนั้นไม่กล้าใช้วิธีรุนแรงบังคับเจ้าหรอก”
เฉินชิ่งเซิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ! ต่อไปข้าจะระวังตัวให้มากกว่านี้ ไม่สร้างปัญหาให้คุณหนูใหญ่แน่นอนขอรับ”
เฉินชิ่งเซิงเป็นคนฉลาด รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนใช้งานเขาเพราะเห็นความสามารถของเขา หากเรื่องเล็กแค่นี้เขายังทำได้ไม่ดี ต่อไปก็ไม่สมควรอยู่รับใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่อีก
หญิงสาวกำเตาอุ่นมือในมือแน่น เอ่ยเรียกชื่อของเฉินชิ่งเซิง จากนั้นก้าวท้าวเดินไปยังที่ลับตาคน
เฉินชิ่งเซิงรับรู้รีบเดินตามไปในทันที
ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “หลังจากที่จวนเจิ้นกั๋วกงจัดการงานศพเสร็จ ท่านย่าจะพาคุณหนูสามไปอยู่ที่วัดโดยอ้างว่าจะไปบำเพ็ญภาวนาให้แคว้นต้าจิ้น การบำเพ็ญภาวนาคือฉากบังหน้า คุณหนูสามจะปลอมกายเป็นบุรุษ ใช้นามแฝงออกไปทำการค้าที่นางถนัด ข้าอยากให้เจ้าติดตามคุณหนูสามออกไปฝึกฝนประสบการณ์สักสองสามปี”
เฉินชิ่งเซิงฟังจบก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เรื่องขัดต่อธรรมเนียมอย่างเช่นการปลอมกายเป็นชายออกไปทำการค้าเช่นนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์หญิงใหญ่ด้วยอย่างนั้นหรือ ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ เรื่องเช่นนี้หากไม่ใช่คนที่ไว้ใจจริงๆ จะกล้ากล่าวอย่างเปิดเผยเช่นนี้ได้อย่างไร
เฉินชิ่งเซิงที่เป็นคนหัวไวอยู่แล้วเข้าใจในทันที คุณหนูใหญ่เปิดใจต่อเขา เขากลายเป็นคนสนิทที่ไว้ใจได้ของคุณหนูใหญ่แล้ว มิเช่นนั้นหญิงสาวคงไม่บอกเรื่องที่เป็นความลับเช่นนี้กับเขา
เฉินชิ่งเซิงตื่นเต้นจนเลือดร้อนไปทั้งร่าง ชายหนุ่มพยายามสงบสติ คุกเข่าแสดงความซื่อสัตย์ “คุณหนูใหญ่ไว้ใจข้า ข้าจะรับใช้คุณหนูด้วยชีวิตขอรับ”
หญิงสาวหันกลับไปมองเฉินชิ่งเซิง เอ่ยกำชับ “ต่อไปทำสิ่งใดจงรอบคอบให้มากกว่านี้ ข้าเชื่อใจเจ้า!”
“ข้าเข้าใจขอรับ ขอบพระคุณที่คุณหนูไว้ใจให้ข้าทำงานรับใช้ขอรับ!” เฉินชิ่งเซิงก้มศีรษะคำนับแนบพื้น
“กลับไปเตรียมตัวให้พร้อมเถิด! เจ้ารู้ดีว่าควรจะบอกกับพ่อแม่ของเจ้าอย่างไร!” หญิงสาวกล่าว
“ข้าทราบดีขอรับ!”
เช้าวันรุ่งขึ้น ต่งฉางหยวนที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนได้ยินว่าท่านลุงใหญ่ต่งชิงผิงและต่งชิงเยว่ บิดาของเขากลับมาที่จวนแล้ว จึงรีบออกไปถามข่าวคราว เมื่อรู้ว่าบุรุษจวนเจิ้นกั๋วกงล้วนเสียชีวิตเพื่อบ้านเมืองทั้งหมด ต่งฉางหยวนหวั่นวิตกเป็นอย่างมาก ยิ่งนึกถึงญาติผู้พี่ซึ่งปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนโยนก็ยิ่งเป็นกังวลในทันที
ชายหนุ่มสับสนร้อนใจมาก คิดไปต่างต่างนานาว่าไป๋ชิงเหยียนจะหวาดกลัวเช่นไรบ้าง เดิมทีร่างกายของนางก็อ่อนแออยู่แล้ว ตระกูลไป๋ประสบภัยเช่นนี้ นางจะทุกข์ทรมานมากเพียงใด จะหวาดกลัว เศร้าโศกจนน้ำตานองหน้าหรือไม่!
ต่งฉางหยวนจิตใจไม่เป็นสุขรีบขี่ม้าไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงทันที ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าไปในจวนก็เห็น
ไป๋ชิงเหยียนในชุดไว้อาลัยสีขาวยืนคุยกับเฉินชิ่งเซิงอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ต่งฉางหยวนยืนอยู่ข้างผ้าไหมสีขาวที่แปะอักษร เตี้ยน ท่ามกลางโคมไฟ ชายหนุ่มยืนมองอย่างสงบนิ่ง
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย ล้มป่วยอยู่บนเตียงด้วยความเศร้าสร้อยดังเช่นที่เขาคิดไว้ แม้สีหน้าจะดูอ่อนล้า ดวงตาสองข้างแดงก่ำ แต่แววตายังดูชัดเจน แถมยังเอ่ยสั่งงานกับบรรดาบ่าวรับใช้ได้อย่างเป็นระเบียบ เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวเข้มแข็งมากเพียงใด
เมฆเริ่มปรากฏ แสงอาทิตย์ส่องผ่านหมอกอันบางเบาสาดกระทบกับเรือนร่างองอาจสง่างามของหญิงสาว ตระกูลไป๋เผชิญกับหายนะอันใหญ่หลวง หญิงสาวเศร้าโศกแต่ไม่ฟูมฟาย ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ ไม่มีความลังแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ดูอ่อนแอแต่กลับเข้มแข็งเหมือนนางพญา แข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ราวกับไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ไม่สามารถโจมตีให้นางล้มลงได้
ถ้อยคำปลอบโยนมากมายที่ต่งฉางหยวนเตรียมไว้ก่อนมาถึงที่นี่ มลายหายไปในทันที
เขาเป็นกังวลจนลืมไปว่าญาติผู้พี่ของเขาแม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ แต่นางเคยออกรบ เคยฆ่าฟันศัตรูมาก่อน! จิตใจและร่างกายของนางเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งมาก บุรุษที่วันๆ เอาแต่ขลุกอยู่หน้าตำราอย่างเขาไม่มีทางเทียบได้หรอก
ชุนเถาเหลือบเห็นต่งฉางหยวนซึ่งอยู่หน้าประตูจวน รีบเข้าไปกระซิบบอกไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา “คุณหนูใหญ่ คุณชายเปี่ยวมาเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไป เห็นต่งฉางหยวนโค้งกายทำความเคารพ หญิงสาวจึงย่อกายเล็กน้อยทำความเคารพกลับ
ต่งฉางหยวนยืนอยู่ตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน ขยับปากมุบมิบอยู่ครู่ใหญ่จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “หากมีสิ่งใดที่ฉางหยวนพอจะช่วยเหลือได้ ญาติผู้พี่มิต้องเกรงใจนะขอรับ”
หญิงสาวมองไปทางกระโจมซึ่งกางเสร็จแล้วบริเวณกลางลานหญ้า กล่าวขึ้น “น้องฉางหยวนช่วยอยู่เป็นเพื่อนท่านยายแทนพี่กับท่านแม่เถิด ท่านยายอุตส่าห์มาฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวง แต่พี่กับท่านแม่กลับไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนท่าน”
ต่งฉางหยวนพยักหน้า หันไปมองหญิงสาวตรงหน้าที่ดูเงียบขรึมสงบนิ่ง “ญาติผู้พี่ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะขอรับ!”
“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นจื้อวิ่งฝ่าหิมะเข้ามาด้วยความรีบร้อน โค้งกายทำความเคารพต่งฉางหยวนแบบลวกๆ กระซิบเสียงแผ่วเบาที่ข้างหูของไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ ท่านย่ากระอักเลือดเจ้าค่ะ!”
———————————————
[1] เตี้ยน ตัวอักษรที่มักใช้แปะในงานศพ แปลตรงตัวแปลว่าการนำของเซ่นไหว้ผู้เสียชีวิต