ไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ สวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกทับชุดไว้อาลัยอีกชั้น หญิงสาวไม่ได้ให้องครักษ์ติดตามมาด้วย ข้างกายมีเพียงชุนเถาเท่านั้น
“ท่านฉิน…” หญิงสาวย่อกายลงเล็กน้อยเพื่อคาราวะฉินซ่างจื้อ
ฉินซ่างจื้อรีบโค้งกายคำนับกลับ “คุณหนูใหญ่”
“ท่านต้องการจากไป ไป๋ชิงเหยียนมิกล้ารั้งไว้ จึงมาส่งท่านเจ้าค่ะ” หญิงสาวรับย่ามสีเทามาจากชุนเถาจากนั้นยื่นให้ฉินซ่างจื้อ “ม้าเร็วหนึ่งตัว เสื้อคลุมขนจิ้งจอกและมีดป้องกันตัว ขอให้การเดินทางของท่านราบรื่น อนาคตกว้างไกลเจ้าค่ะ”
ฉินซ่างจื้อซาบซึ้งใจ ขยับปากเหมือนอยากเอ่ยสิ่งใดออกมา มองดูสตรีที่ใบหน้างดงาม ทะนงตัวและอ่อนโยนราวกับหยกตรงหน้า ถ้อยคำปฏิเสธติดอยู่ที่ริมฝีปาก ยิ้มรับความหวังดีของไป๋ชิงเหยียน “ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่ไป๋มากขอรับ!”
“ท่านฉินเกรงใจเกินไปแล้วเจ้าค่ะ!”
ฉินซ่างจื้อกำย่ามในมือแน่น หัวเราะเบาๆ พลางเงยหน้าขึ้น “ไม่ขอปิดบังคุณหนูใหญ่ ช่วงที่ข้าพักรักษาตัวอยู่ที่จวนไป๋ เห็นว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนฉลาด มีไหวพริบเยี่ยมยอด ใจกว้าง มีอยู่หลายครั้งที่ข้าเคยคิดอยากจะอยู่ที่ตระกูลไป๋เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้คุณหนูขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนบีบมือแน่น มองไปทางฉินซ่างจื้ออย่างตกตะลึง
ทว่าสุดท้าย ฉินซ่างจื้อก็เลือกที่จะจากไปอยู่ดี หากวันนี้นางฝืนใจบังคับฉินซ่างจื้อให้อยู่ต่อ เกรงว่าฉินซ่างจื้อคงต้องรู้สึกเสียดายอยู่ในใจ
“ท่านฉินเป็นคนใจกว้างมีเมตตา มีสติปัญญาที่จะช่วยเหลือใต้หล้าได้ ไป๋ชิงเหยียนมิกล้ารั้งเจียวหลงอย่างท่านให้ติดอยู่ในเรือนหลังของจวนเจิ้นกั๋วกงเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ” หญิงสาวกล่าวจบ จู่ๆ ท่าทีก็เปลี่ยนไป นางคาราวะฉินซ่างจื้ออย่างนอบน้อมจริงจัง “ทว่า หากภายภาคหน้าไป๋ชิงเหยียนแบกธงใหญ่ของกองทัพไป๋ขึ้นมาได้ มีที่ยืนในราชสำนักอันสูงส่งนั่นในฐานะสตรี ลุกขึ้นยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง หวังว่าท่านฉินจะไม่ทอดทิ้ง ร่วมปกป้องชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับข้านะเจ้าคะ!”
ฉินซ่างจื้อใจเต้นรัว เขานึกไม่ถึงเลยว่าสตรีซึ่งซ่อนความเข้มแข็งไว้ภายในที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้จะเป็นคนใจกว้างถึงเพียงนี้ ตระกูลเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ บุรุษเสียชีวิตทั้งตระกูล แต่นางกลับมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ต้องการปกป้องบ้านเมืองและชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นเช่นนี้
ตระกูลไป๋แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงที่เป็นกระดูกสันหลังของแคว้นต้าจิ้นเป็นตระกูลที่มีคุณธรรม ความรับผิดชอบและความคิดสูงส่งจริงๆ เขามิอาจเทียบได้เลย
เลือดร้อนในช่วงวัยหนุ่มที่ห่างหายไปนานเดือดพล่านขึ้นอีกครั้ง ความกล้าหาญเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ฉินซ่างจื้อรู้สึกว่าตัวเองหนุ่มลงไม่น้อย
เขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ ยกมือขึ้น “สัญญาด้วยเกียรติของวิญญูชนขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนคลี่ยิ้มที่มุมปาก ยกมือแตะไปที่มือของฉินซ่างจื้อ “สัญญาด้วยเกียรติของวิญญูชน”
มองส่งฉินซ่างจื้อขึ้นไปบนหลังม้าที่เฉินชิ่งเซิงขี่มา ตวัดแส้พลางขี่ออกไป
หญิงสาวกระชับเสื้อคลุมแน่น สีหน้าสบายใจ
บัดนี้ฉินซ่างจื้อไปจากเมืองหลวงแล้ว เขาคงหลีกหนีชะตากรรมที่ตกต่ำของชาติที่แล้วได้แล้วกระมัง
ลมหนาวนอกเมืองพัดแรงมาก ชุนเถาเดินเข้าไปเตือนไป๋ชิงเหยียนเบาๆ “กลับกันเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่!”
“อืม!”
หญิงสาวพยักหน้า กำลังจะหมุนกายกลับก็ได้ยินเสียงคนเรียกนางเสียก่อน
“คุณหนูใหญ่ไป๋ขอรับ!”
หญิงสาวหันกลับไปมองก็เห็นองครักษ์ฝีมือดีซึ่งอยู่ข้างกายของเซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพนางอย่างนอบน้อม “นายของข้าเชิญคุณหนูใหญ่ไป๋ไปจิบน้ำชาที่ศาลาเจ๋อหลิ่วขอรับ”
หญิงสาวเงยหน้ามองไปทางศาลาเจ๋อหลิ่วที่ตั้งอยู่ตรงเนินเขา เห็นเซียวหรงเหยี่ยนคลุมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวยืนนิ่งอยู่กลางศาลาเจ๋อหลิ่ว ก้มศีรษะให้นางน้อยๆ
ที่หน้าประตูเมืองทิศใต้ในวันก่อน ลูกน้องของเซียวหรงเหยี่ยนลงมือพังรถม้าของซิ่นอ๋อง วันนี้ท่านอาสะใภ้สี่เอาศีรษะกระแทกโลงศพก็ได้ลูกน้องของเซียวหรงเหยี่ยนช่วยชีวิตเอาไว้ หญิงสาวติดค้างคำขอบคุณเซียวหรงเหยี่ยนถึงสองครั้ง ทว่า เมื่อนึกถึงความดุดันที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากที่อ่อนโยน นึกถึงความกระอักกระอ่วนยามเมื่อสบตากันที่หอหม่านเจียงในวันนั้น หญิงสาวยังรู้สึกประหม่าอยู่
“หรู่ซยง ท่านกับเฉินชิ่งเซิงรอข้าอยู่ที่นี่สักครู่” หญิงสาวหันไปสั่งเซียวรั่วไห่และเฉินชิ่งเซิง จากนั้นจับมือชุนเถาเดินตามลูกน้องของเซียวหรงเหยี่ยนไปยังศาลาเจ๋อหลิ่ว
เฉินชิ่งเซิงกำหมัดแน่น เซียนเซิงที่อยู่ในศาลาเจ๋อหลิวคือผู้ใดเขารู้ดีที่สุด เขาจัดการเรื่องที่คุณหนูใหญ่สั่งให้ทำไม่เรียบร้อยจนสร้างปัญหาให้คุณหนูใหญ่เช่นนี้ เขาทำงานผิดพลาดเอง
เฉินชิ่งเซิงมองตามแผ่นหลังของคุณหนูใหญ่ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นก็มองไปทางบุรุษที่ดูสง่างามรักอิสระที่อยู่ในศาลา เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าต่อจากนี้จะระมัดระวังรอบคอบให้มากขึ้น เก็บกวาดเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่ทิ้งหลักฐานให้ผู้ใดจับได้อีก
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามาในศาลา เซียวหรงเหยี่ยนก้มศีรษะทำความเคารพหญิงสาว กิริยาสง่างาม รอยยิ้มในแววตาอบอุ่นอ่อนโยนมาก “คุณหนูใหญ่ไป๋”
หญิงสาวปล่อยมือชุนเถา ย่อกายทำความเคารพ “ไป๋ชิงเหยียนติดค้างคำขอบคุณเซียวเซียนเซิงถึงสองครั้ง ครั้งแรกขอขอบคุณที่ท่านยื่นมือช่วยเหลือทำลายรถม้าของซิ่นอ๋องเจ้าค่ะ คำขอบคุณที่สอง ขอบคุณที่เซียวเซียนเซิงช่วยชีวิตท่านอาสะใภ้ของข้าไว้เจ้าค่ะ ไป๋ชิงเหยียนมิใช่คนไม่รู้คุณคน หากภายหน้าท่านมีเรื่องเดือดร้อน หากตระกูลไป๋พอช่วยได้ จะช่วยอย่างเต็มที่เจ้าค่ะ”
“เชิญคุณหนูใหญ่ไป๋ขอรับ…” เซียวหรงเหยี่ยนผายมือเชิญหญิงสาว จากนั้นนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าโต๊ะน้ำชาตัวเล็ก
พ่อค้าซึ่งร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้ามาที่ศาลาเจ๋อหลิ่ว ชายหนุ่มนำเบาะรองนั่งเลื่อมทอง โต๊ะน้ำชาไม้กฤษณา เตาชงชาพร้อมชุดน้ำชาที่ทำจากหยกขาวทั้งชุด อีกทั้งของว่างที่จัดเตรียมอย่างประณีตจากหอเทียงเซียนในเมืองหลวงมาด้วย ช่างสมกับที่เป็นคุณชายเจ้าสำราญจริงๆ
ชุนเถาและลูกน้องของเซียวหรงเหยี่ยนยืนอยู่นอกศาลาไม่ห่างออกไปนัก ไม่ใกล้จนได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสองแต่ก็ไม่ไกลจนมองไม่เห็น
หญิงสาวคุกเขานั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามของเซียวหรงเหยี่ยน เห็นมือขาวสะอาดเรียวยาวของเขายกกาน้ำชาออกมาจากเตา ชงชาให้นางด้วยตัวเอง ดันถ้วยน้ำชาหยกขาวมาตรงหน้านางพลางชักมือกลับ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “คุณหนูใหญ่ไป๋กล่าวกับข้าว่าบุญคุณต้องตอบแทน เช่นนั้น เรื่องที่คุณหนูใหญ่เตือนข้าเรื่องงานเลี้ยงในวัง ข้าควรตอบแทนคุณหนูใหญ่ไป๋เช่นไรดีขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนมีใบหน้าที่รูปงามสง่า น้ำเสียงอ่อนโยนแผ่วเบา ดวงตามีรอยยิ้ม มองดูเหมือนอ่อนโยนสุขุมแต่ภายในซ่อนความเคร่งขรึมดุดันไว้
หญิงสาวกำมือที่ซ่อนอยู่ในเสื้อแน่น จ้องผ่านควันร้อนจากถ้วยน้ำชามองไปยังบุรุษที่สุขุมอ่อนโยนตรงหน้าท่ามกลางอากาศหนาวในฤดูหนาว ชายหนุ่มเหมือนมังกรที่เพิ่งตื่นขึ้นจากการจำศีลในฤดูหนาว จ้องมองดูเหยื่ออันโอชะตรงหน้าเขม็งจนทำให้คนรู้สึกกดดัน
แม้กระทั่งองครักษ์ยอดฝีมือข้างกายของเซียวหรงเหยี่ยน เมื่อครู่แผ่รังสีสังหารออกมาเช่นกัน นี่คือการข่มขู่จากเซียวหรงเหยี่ยนใช่หรือไม่
ชาติที่แล้วนางรู้จักเซียวหรงเหยี่ยนค่อนข้างดี ความอบอุ่นของชายหนุ่มเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น แท้จริงแล้วเขาเป็นคนอำมหิต เลือดเย็น ใจที่โหดเหี้ยมของเขาเหมาะสมกับความทะเยอทะยานอยากครอบครองใต้หล้า ทว่าภายในใจของเขายังมีคุณธรรมหลงเหลืออยู่บ้าง มิเช่นนั้นชาติที่แล้วเขาคงไม่มอบหยกจักจั่นคู่กายของเขาให้นางแล้วปล่อยให้นางมีโอกาสหนีเอาตัวรอดไปเช่นนั้น
หวนนึกถึงเรื่องในชาติที่แล้ว ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจของหญิงสาวอย่างอดไม่ได้
ภายนอกศาลาเจ๋อหลิ่ว เกล็ดหิมะร่วงโปรยปราย ต้นหลิวโบราณโดนลมหนาวพัดเอนไปมาจนเกิดเสียง
ภายในศาลาแม้จะมีเตาผิง ทว่าความหนาวจากทุกทิศรอบกายไม่ได้ทำให้ศาลาอุ่นขึ้นแม้แต่น้อย
หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย “ช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เซียวเซียนเซิงมิต้องใส่ใจหรอกเจ้าค่ะ สำหรับข้า สำหรับตระกูลไป๋แล้ว การช่วยเหลือของท่านสองครั้งนี้ถึงจะเรียกว่ามีบุญคุณเจ้าค่ะ”
รู้อยู่แล้วว่าเซียวหรงเหยี่ยนร้ายกาจ ในเมื่อถูกจับได้…การปฏิเสธแล้วรอให้เซียวหรงเหยี่ยนหาหลักฐานจนมัดตัวนางคาหนังคาเขาแล้วสงสัยว่านางมีจุดประสงค์ใดแอบแฝง มิสู้ยอมรับอย่างเปิดเผยดีกว่า
มองดูสตรีเบื้องหน้าที่เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา รอยยิ้มของเซียวหรงเหยี่ยนกว้างมากขึ้น “คุณหนูใหญ่ไป๋กล้ายอมรับเช่นนี้ แสดงว่าทราบฐานะที่แท้จริงของข้าแล้วหรือขอรับ”
หญิงสาวไม่ได้ตอบตรงๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติไม่มีความหวาดกลัวใดๆ “ไม่ว่าท่านเป็นผู้ใด ในเมื่อมีใจรักความยุติธรรม อีกทั้งยังมีบุญคุณต่อตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเหยียนจะถือว่าท่านเป็นวีรบุรุษผู้กล้าคนหนึ่งเจ้าค่ะ”
———————————————
[1] หรู่ซยง หมายถึงลูกของแม่นม ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายที่ดื่มนมร่วมเต้าเดียวกันมา