ตอนที่ 96 สายลับของแคว้นศัตรู
คำตอบนี้เหมือนกับว่าไม่สนใจฐานะที่แท้จริงของเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนเดาไม่ออกว่าคุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้ต้องการผูกมิตรกับเขา หรือว่า…ต้องการรักษาความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย
เขารู้ความสามารถและฝีมือของคุณหนูใหญ่ผู้นี้ดี ทว่าแม้เขาจะประทับใจในตัวนางตอนที่นางสู้รบอยู่บนหลังม้าอย่างองอาจอยู่ในวังหลวงของแคว้นสู่ แม้งานเลี้ยงในวังของแคว้นต้าจิ้นในคืนนั้นเขาจะมองว่าไป๋ชิงเหยียนคือคนรู้ใจของมารดา แต่ก็อดหวาดระแวงในตัวนางมิได้
สิ่งที่เขาแบกรับไว้ไม่ใช่เพียงการค้าของตัวเองเท่านั้น หากมีเพียงการค้าของตัวเอง…ล้มเหลว อย่างมากก็ใช้เวลาไม่กี่ปีสร้างมันขึ้นมาใหม่
ทว่าสิ่งที่เขาแบกรับไว้คือการกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้งของแคว้นต้าเยี่ยน การต่อสู้เพื่อเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า…หากพ่ายแพ้เท่ากับแคว้นต้องล่มสลาย เขารับผิดชอบไม่ไหว!
“ใจที่รักความยุติธรรม รักความเที่ยงตรง คุณหนูใหญ่ไป๋จะบอกข้าว่าที่วันนั้นคุณหนูใหญ่ส่งสารมาเตือนข้า คุณหนูใหญ่ทำไปเพราะใจที่รักความยุติธรรมเช่นนั้นหรือขอรับ” นิ้วมือเรียวยาวสมส่วนของเซียวหรงเหยี่ยนลูบไปที่ถ้วยน้ำชา ก้มหน้าไม่สบตาไป๋ชิงเหยียน ดวงตาลึกล้ำยิ่งกว่าเดิม
“มีน้ำใจต่อสายลับของแคว้นศัตรู คุณหนูใหญ่จงใจกล่าวแบบขอไปทีหรือมีเจตนาอื่นใดแอบแฝงอยู่กันแน่ขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนเน้นย้ำคำว่า ‘สายลับของแคว้นศัตรู’
เมื่อพบหน้าและสนทนากันอย่างเปิดเผยเช่นนี้แล้ว เซียวหรงเหยี่ยนจะไม่ยอมให้ไป๋ชิงเหยียนซึ่งรู้ฐานะที่แท้จริงของเขากล่าววาจาบ่ายเบี่ยงเขาเช่นนี้แน่
แววตาของเซียวหรงเหยี่ยนดุดันคมกริบส่อแววดุดันคมกริบ หญิงสาวพยายามควบคุมสติ ตัดสินใจกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น “ผู้กล้าตัวน้อย ช่วยเหลือคนอ่อนแอ ผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่ ปกป้องบ้านเมืองและชาวบ้าน”
น้ำเสียงที่ชัดเจนมั่นคงของหญิงสาวดังขึ้น เซียวหรงเหยี่ยนกระชับมือที่ถือถ้วยน้ำชาแน่น เงยหน้าขึ้น
หญิงสาวสบกับสายตาของบุรุษรูปงามตรงหน้าอย่างไม่คิดจะถอยหนี แววตาหนักแน่น ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นรอยยิ้มในดวงตาของเซียงหรงเหยี่ยนเพิ่มมากขึ้น หญิงสาวจึงกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ดังนั้น ใจที่รักความยุติธรรมของผู้กล้านั้นมีค่า ทว่าใจของผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่นั้นมีค่ายิ่งกว่า คุณค่านี้ไม่แบ่งแยกว่าท่านคือผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นแคว้นต้าจิ้นหรือแคว้นต้าเว่ย ในยุคที่มีแต่ความวุ่นวายเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใด ขอแค่มีความสามารถทำให้ใต้หล้าสงบสุข มีความสารถในการปกครองบ้านเมือง ควบคุมกองทัพ ในสายตาของตระกูลไป๋ คนผู้นั้นก็คือวีรบุรุษผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่เจ้าค่ะ”
ไม่ว่าผู้ใด…แน่นอนว่ารวมถึงเซียวหรงเหยี่ยน องค์ชายแห่งแคว้นต้าเยี่ยนตรงหน้าผู้นี้ด้วย ดังนั้นนางจึงเรียกเขาว่าผู้กล้า
ถ้อยคำนี้ถือว่าอาจหาญเป็นอย่างมาก
เท่ากับเป็นการบอกกับเซียวหรงเหยี่ยนอย่างชัดเจนว่า ท่ามกลางกลียุคเช่นนี้ ทุกแคว้นต่างสู้รบเพื่อต้องการเป็นที่หนึ่ง ไม่ว่าจักรพรรดิของแคว้นใดต้องการครอบครองใต้หล้า ขอแค่มีปณิธานคืนความสงบสุขให้ใต้หล้า ทำให้ใต้หล้ามีสันติสุข ก็คู่ควรได้รับความเคารพนับถือจากไป๋ชิงเหยียนและตระกูลไป๋ ตระกูลไป๋ยินดีที่จะเห็นความสำเร็จนั้นเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อกล่าวถึงขั้นนี้แล้ว เซียวหรงเหยี่ยนก็ไม่คิดปิดบังอีก เอ่ยถาม “ตระกูลไป๋ทุกรุ่นล้วนปกป้องคุ้มครองแคว้นต้าจิ้นมาโดยตลอด ความจักรักภักดีเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วทุกแคว้น คำกล่าวของคุณหนูไป๋เป็นเพียงคำกล่าวจากความโกรธแค้นที่บุรุษตระกูลไป๋ทั้งหมดต้องจบชีวิตลงที่หนานเจียงหรือไม่ขอรับ”
“ตระกูลไป๋จงรักภักดีมาตลอดก็จริง ทว่าจงรักภักดีต่อชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นที่จ่ายภาษีเลี้ยงดูตระกูลไป๋ ปกป้องชายแดน คุ้มครองชาวบ้านคือความเชื่อที่สืบทอดต่อกันมารุ่นต่อรุ่นของตระกูลไป๋!” น้ำเสียงของหญิงสาวราบเรียบ เอ่ยอย่างเนิบนาบ “ส่วนความโกรธแค้น…”
หญิงสาวไม่ได้เอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา ความรุ่งเรืองหรือการล่มสลายล้วนเป็นโชคชะตาของแคว้นที่ถูกกำหนดมาแล้วทั้งนั้น
ชาติที่แล้ว ตระกูลไป๋ที่คอยปกป้องแคว้นต้าจิ้นถูกฮ่องเต้หวาดระแวง ถูกใส่ร้ายว่าทรยศบ้านเมือง หลังจากที่ตระกูลไป๋ล่มสลายไม่ถึงสิบปี เซียวหรงเหยี่ยนผู้สำเร็จราชการแห่งแคว้นต้าเยี่ยนนำทัพบุกไปยังวังหลวงของแคว้นต้าจิ้น เฉกเช่นเดียวกับที่แคว้นต้าจิ้นเคยบุกไปยังวังหลวงของแคว้นสู่
ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงไม่คิดเสียสละชีวิตของตัวเอง และคนในตระกูลเพื่อราชวงศ์หลินที่ใกล้จะหมดวาสนาลงเช่นนี้แน่นอน
มีประโยคหนึ่งที่องค์หญิงใหญ่ ท่านย่าของนางกล่าวถูกต้อง สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการมีชีวิตอยู่ต่อไป นางต้องวางแผนเพื่ออนาคตภาคภาคหน้าของตระกูลไป๋
ชาติที่แล้วนางไม่เคยลืมว่าเซียวหรงเหยี่ยนปราบแคว้นเว่ยได้อย่างใด ตระกูลมหาเสนาบดีที่จงรักภักดีต่อแคว้นเว่ยถูกถอนรากถอนโคนจนหมดสิ้นภายในคืนเดียว
หากกล่าวถึงฝีมือที่อำมหิต โหดเหี้ยม เซียวหรงเหยี่ยนเชี่ยวชาญในเรื่องนี้เป็นอย่างดี การรับมือกับผู้ที่ฉลาด มีไหวพริบเหนือผู้ใด อีกทั้งเลือดเย็น ไร้หัวใจเช่นนี้ หากตระกูลไป๋ยังอยู่ในช่วงรุ่งเรือง ไป๋ชิงเหยียนอาจกล้าที่จะเสี่ยง
ทว่าบัดนี้นางไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะต่อกรกับเซียวหรงเหยี่ยนได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากนางเป็นศัตรูกับเซียวหรงเหยี่ยน นางไม่มีความมั่นใจว่าตนเองจะสามารถปกป้องตระกูลไป๋ให้ปลอดภัย ไร้การสูญได้
เวลานี้ตระกูลไป๋ต้องการเวลาพัก ต้องการเวลาจัดการเรื่องต่างๆ มิใช่การสู้รบต่อกรกับผู้อื่น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกับคนตรงหน้าในเวลานี้
อย่างน้อยก่อนที่ตระกูลไป๋จะผ่านพ้นวิกฤตอันใหญ่หลวงนี้ไปได้ ปล่อยให้ผู้สำเร็จราชการเซียวหรงเหยี่ยนแห่งแคว้นต้าเยี่ยนคิดว่าตระกูลไป๋จงรักภักดีต่อแคว้นต้าจิ้น ต่อให้ตระกูลไป๋เหลือเพียงสตรี ก็จะปกป้องแคว้นต้าจิ้นปกป้องราชวงศ์หลินไว้ด้วยชีวิตดีกว่า
หากเป็นเช่นนี้เซียวหรงเหยี่ยนซึ่งยังพอมีความเมตตาอยู่ในจิตใจจึงจะไม่ทำลายตระกูลไป๋จนสิ้นซากในตอนนี้เวลานี้
เซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนฉลาด ต้องเข้าใจความหมายที่ไป๋ชิงเหยียนต้องการจะสื่ออย่างแจ่มแจ้ง
ชายหนุ่มอมยิ้มพลางเทน้ำชาที่เย็นเฉียบในถ้วยตรงหน้าของไป๋ชิงเหยียนทิ้ง ยกกาน้ำชาที่วางอยู่บนเตาผิงขึ้นมา ชงชาร้อนให้ไป๋ชิงเหยียนใหม่อีกถ้วย “คุณหนูใหญ่ไป๋หมายความตระกูลไป๋ไม่สนใจว่าท้ายที่สุดแล้วผู้ใดจะได้ครอบครองใต้หล้าใช่หรือไม่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ฐานะที่แท้จริงของเขาเมื่อกล่าวออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว ชายหนุ่มจึงไม่คิดอ้อมค้อมอีก
หญิงสาวมองดูน้ำชาที่ยังมีไอร้อนจากถ้วยตรงหน้า แววตาสงบนิ่ง น้ำเสียงหนักแน่น “ชิงเหยียนโชคดีที่ได้เกิดมาในจวนเจิ้นกั๋วกงที่ไม่ดูถูกสตรีเช่นนี้ เมื่อครั้นเป็นเด็กได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาความรู้กับผู้เฒ่ากวนยงฉงเซียนเซิง ได้ติดตามท่านปู่ไปออกรบ แม้ยังไม่ประสีประสา แต่ก็รู้ว่ามีเพียงใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง ชาวบ้านจึงจะพบกับความสงบสุขอย่างแท้จริง”
หญิงสาวรู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่นี้เช่นกัน ภายภาคหน้าเขาก็สามารถมากพอที่จะทำเช่นนั้นได้จริงๆ
ตระกูลไป๋เป็นเพียงแมลงเม่าที่มีชีวิตอยู่มายาวนานเท่านั้น เหตุใดต้องทำเรื่องโง่เง่าอย่างการไปขัดขวางผู้ที่มีอำนาจมากกว่าด้วย
เซียวหรงเหยี่ยนตะลึงงันไปเล็กน้อย ดวงตาลึกล้ำราวกับบ่อน้ำลึก นางอายุเท่าใดกัน เหตุใดจึงกล้ากล่าวประโยคที่ว่ามีเพียงใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง ชาวบ้านจึงจะพบกับความสงบสุขอย่างแท้จริงออกมาด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งเช่นนี้กัน
หลายปีมานี้เซียวหรงเหยี่ยนเดินทางไปทั่วทุกแคว้นเพื่อต้าเยี่ยน เขาเคยพบจักรพรรดิของแคว้นที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามแคว้นอย่างซีเหลียง ต้าเว่ย ต้าจิ้นมาหมดแล้ว พวกเขาเอาแต่พร่ำบอกว่าอยากให้ใต้หล้าสงบสุข ทว่าพวกเขากลับไม่เข้าใจเหตุผลอย่างถ่องแท้
แม้แต่เขาเองก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางไปทั่วทุกแคว้นอยู่หลายปีถึงเข้าใจความหมายที่แท้จริง
จู่ๆ เขาก็รู้สึกมองสตรีที่อยู่เบื้องหน้าที่ภายนอกดูเหมือนอ่อนโยนแต่แท้จริงแล้วเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวผู้นี้ไม่ออกจริงๆ
เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของตระกูลไป๋ทำให้นางหมดศรัทธา และความภักดีต่อแคว้นต้าจิ้น หรือเดิมทีจิตใจของนางมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้อยู่แล้วกันแน่
หวนนึกถึงยามที่คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้บอกให้ฉินหล่างสละตำแหน่งซื่อจื่อ กล้าหาญทำในสิ่งที่ผู้อื่นไม่กล้าทำ! ยามที่จัดการกับบุตรอนุที่หน้าหอหม่านเจียง เข้มแข็งไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด! ยามที่อยู่ในงานเลี้ยงของวังหลวงยิ่งดูทระนง เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่รัก และห่วงใยชาวบ้าน ซื่อตรงและมีคุณธรรม
เซียวหรงเหยี่ยนเชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นแบบหลังมากกว่า
ความรอบรู้และสติปัญญาของไป๋ชิงเหยียน สามารถกลบเกลื่อนเรื่องอายุ และเพศสภาพของนางได้ ได้นั่งเผชิญหน้ากับหญิงสาว…เซียวหรงเหยี่ยนมิได้เกิดอารมณ์ชั่ววูบแบบชายหนุ่ม แต่รู้สึกเคารพและชื่นชมหญิงสาวจากใจจริง