ตอนที่ 109 ร่ำรวยมหาศาล
เมื่อไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นถงและไป๋จิ่นจื้อเดินออกมาจากเรือนฉางโซ่ว หิมะตกหนักมากแล้ว
สาวใช้เดินตามหลังกางร่มให้พวกนางออกไปด้านนอกอย่างไม่รีบร้อน
“วันนี้พี่หญิงใหญ่ให้ข้ากับพี่หญิงสามอาละวาดเช่นนี้ แม้ภาคภายหน้าย้ายกลับไปยังซั่วหยางแล้วตระกูลบรรพบุรุษจะไม่กล้ามาวุ่นวายกับพวกเราอีก แต่ข้าเสียดายเงินสี่แสนห้าหมื่นตำลึงนั่นเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อไม่พอใจ “พวกนั้นทำตัวราวกับปลิงดูดเลือด ข้ายอมเอาเงินสี่แสนห้าหมื่นตำลึงไปเปิดโรงทานเลี้ยงข้าวต้มคนยากจนดีกว่าเอาเงินให้คนพวกนั้นอีกเจ้าค่ะ”
“จวนเจิ้นกั๋วกงเหลือเพียงสตรีแล้ว ถือว่าใช้เงินซื้อความสงบสุขก็แล้วกัน!” ไป๋จิ่นซิ่วลูบศีรษะของ
ไป๋จิ่นจื้ออย่างปลอบโยน
“แต่ว่า เซียวเซียนเซิงผู้นั้นช่างมีน้ำใจมากเลยนะเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นจื้อเอ่ยถึงเซียวหรงเหยี่ยน แววตาเต็มไปด้วยความนับถือ “ช่างเป็นบุคคลที่สง่างามจริงๆ ไม่เหมือนกับพ่อค้าเห็นแก่เงินที่ข้าเคยพบเลยสักนิด! ดูเหมือนคุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์มากกว่าอีก”
เดิมทีเซียวหรงเหยี่ยนก็ไม่ใช่พ่อค้าอยู่แล้ว ชายหนุ่มจะดูเห็นแก่เงินอย่างเช่นพ่อค้าเหล่านั้นได้อย่างไรกัน
พอออกมาจากเรือนฉางโซ่วก็เห็นสาวใช้ถือร่มพลางพยุงหลัวหมัวมัว หมัวมัวผู้ดูแลรับใช้ข้างกายหลิวซื่อเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน หมัวมัวรายงานว่าหลิวซื่อเรียกไป๋จิ่นซิ่วไปพบ
“พี่หญิงใหญ่ น้องหญิงสาม น้องหญิงสี่ ข้าไปหาท่านแม่ก่อนนะเจ้าคะ จากนั้นค่อยไปเฝ้าวิญญาณต่อ…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
ไป๋จิ่นซิ่วทำความเคารพแล้วเดินจากไปพร้อมกับหลัวหมัวมัว ซักถามหลัวหมัวมัวไม่หยุดว่ามารดาของตนเจ็บป่วยหรือไม่
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองน้องสาวทั้งสองคนท่ามกลางลมหนาวที่พัดผ่าน “พี่จะไปดูจี้ถิงอวี๋สักหน่อย พวกเจ้าไปที่โถงทำพิธีก่อนเถิด”
“จิ่นถงไปเป็นเพื่อนพี่หญิงใหญ่นะเจ้าคะ เสี่ยวซื่อ เจ้าล่วงหน้าไปก่อนเถิด ที่นั่นต้องมีคนคอยเฝ้า”
ไป๋จิ่นถงไล่ไป๋จิ่นจื้อ นางไม่อยากให้น้องสาวเห็นสภาพน่าอนาถเลือดท่วมตัวของจี้ถิงอวี๋อีกครั้ง
“เจ้าค่ะ…” ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้า
เมื่อไป๋จิ่นถงและไป๋ชิงเหยียนเดินไปถึงเรือนที่จี้ถิงอวี๋อาศัยอยู่ จี้ถิงอวี๋หลับไปแล้ว ท่านหมอหงกล่าวว่าเมื่อครู่จี้ถิงอวี๋ตื่นมาเพราะความเจ็บปวด ตอนนี้ทานยาและหลับไปอีกรอบแล้ว
“นอนได้ก็ดีแล้ว!” ท่านหมอหงที่นั่งเฝ้าดูอาการอยู่หน้าโต๊ะสี่เหลี่ยมลูบเคราพลางเอ่ย “นอนหลับจะได้ไม่รู้สึกเจ็บมาก”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูจี้ถิงอวี๋ที่นอนหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษอยู่บนเตียง จากนั้นเดินตาแดงก่ำออกมาจากห้อง เอ่ยถามหลูผิง “ครอบครัวของจี้ถิงอวี๋ทราบเรื่องนี้แล้วหรือไม่”
“วันนี้พอจี้ถิงอวี๋กลับมาถึง พ่อบ้านเหาก็ส่งคนไปแจ้งข่าวกับพี่สาวของจี้ถิงอวี๋ที่จวนแล้วขอรับ” หลูผิงแหวกม่านให้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นถง
“มิส่งคนไปแจ้งพ่อแม่และภรรยาของจี้ถิงอวี๋หรือ” ไป๋จิ่นถงถาม
หลูผิงยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน กล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “พ่อของจี้ถิงอวี๋เสียชีวิตตอนโจรบุกเมืองจางโจวขอรับ ส่วนแม่เสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อน จี้ถิงอวี๋เพิ่งแต่งงานเมื่อตอนต้นเดือนสิบสอง ภรรยาของเขายังเด็กอยู่…ผู้ดูแลที่พ่อบ้านเหาส่งไปเกรงว่าตระกูลจี้ไม่มีญาติผู้ใหญ่ ลูกสะใภ้จะรับไม่ไหว จึงไปรายงานพี่สาวที่จวนพี่เขยของจี้ถิงอวี๋แทนขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า นิ่งไปครู่หนึ่งจากนั้นหันไปมองหลูผิงพลางกล่าว “ลุงผิง ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องการให้ท่านไปจัดการอย่างลับๆ”
“คุณหนูใหญ่สั่งมาได้เลยขอรับ!” หลูผิงยกมือขึ้นกำหมัดคาราวะ
“ข้าคิดว่าท่านลุงไป๋ฉีอวิ๋นจะต้องนำเงินเดินทางกลับไปยังซั่วหยางตั้งแต่เช้าตรู่แน่นอน” ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลูบเตาอุ่นมือเบาๆ กล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ท่านเลือกองครักษ์ที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ ฝีมือดี เก็บความลับได้สักสิบคนลอบตามท่านลุงไป พอใกล้ถึงเมืองซั่วหยาง ให้พวกเขาปลอมตัวเป็นโจรไปปล้นไป๋ฉีอวิ๋น”
ไป๋จิ่นถงตะลึง “พี่หญิงใหญ่!”
“ขอรับ!” หลูผิงรับคำ
“ลุงผิงรบกวนไปคัดคนให้ข้าเดี๋ยวนี้เลย เลือกเสร็จแล้วไปรายงานข้าที่ศาลาอี้เฟิง”
หลูผิงคาราวะจากนั้นเดินจากไป
“ข้านึกว่าที่พี่หญิงใหญ่ให้ข้ากับเสี่ยวซื่อแสดงละครฉากนั้นเพราะต้องการอธิบายเหตุผลให้ทุกคนได้รับรู้ พวกเราจะได้มิเสียหน้า จากนั้นค่อยให้เงินแก่ตระกูลบรรพบุรุษ เสี่ยวซื่อยังรู้สึกไม่พอใจอยู่เลยเจ้าค่ะ” แววตาของไป๋จิ่นถงมีรอยยิ้ม การปล้นช่างเหมือนนิสัยของไป๋จิ่นจื้อจริงๆ
แค่คิดว่าไป๋ฉีอวิ๋นต้องร้องห่มร้องไห้อย่างหนักหลังจากโดนปล้น ไป๋จิ่นถงก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก
“ได้เหตุผล ได้หน้า และต้องได้ผลประโยชน์ด้วย มิเช่นนั้นก็ลำบากเจ้ากับเสี่ยวซื่อแสดงละครเหนื่อยเปล่า” ไป๋ชิงเหยียนมองดูแผ่นหลังที่จากไปอย่างรีบร้อนของหลูผิง กล่าวกับไป๋จิ่นถง “มีคำกล่าวว่ายอมจนเพื่อปูทางให้ภายภาคหน้า เจ้ามีเงินติดตัวเพิ่มอีกสี่แสนห้าหมื่นตำลึง ต้องขอบคุณท่านลุงไป๋ฉีอวิ๋นผู้นี้…”
“พี่หญิงใหญ่กล่าวได้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ หมุนกายหันไปถามไป๋จิ่นถงอย่างจริงจัง “เจ้าตัดสินใจออกทะเลอย่างนั้นหรือ”
ตั้งแต่ที่ไป๋จิ่นถงกลับมาจากงานเลี้ยงในวัง นางใคร่ครวญเรื่องนี้อยู่ทุกวัน
หากไม่มีถ้อยคำที่ฮ่องเต้ตรัสต่อหน้าพี่หญิงใหญ่ หากบุรุษตระกูลไป๋ไม่ได้เสียชีวิตอย่างน่าอนาถอยู่ที่หนานเจียง นางยินดีเดินไปตามทางที่ท่านย่าวางแผนให้ ค่อยๆ สะสมเงินทองเพื่อตระกูลไป๋
ทว่า วันนั้นนางมองเห็นเซียวหรงเหยี่ยน พ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งของต้าเว่ยที่นั่งอยู่ด้านหลังฉีอ๋อง ในที่สุดนางก็เข้าใจ เงินทอง…มีอำนาจสามารถทำได้ทุกสิ่ง
ไป๋จิ่นถงไม่รู้ว่าพี่หญิงใหญ่วางแผนอนาคตของตระกูลไป๋ไว้เช่นไร ทว่า นางจับสังเกตได้จากถ้อยคำของพี่หญิงใหญ่ว่าพี่หญิงใหญ่ต้องการสั่นคลอนอำนาจของราชวงศ์
มิเช่นนั้น เหตุใดพี่หญิงใหญ่ต้องยุยงชาวบ้านในเมืองหลวง ใช้ความรักและความโกรธของชาวบ้านบีบบังคับฮ่องเต้ เหตุใดจึงกล่าวเพียงว่าจวนเจิ้นกั๋วกงรักและภักดีต่อชาวบ้าน เหตุใดจึงกล่าวเพียงว่าจวนเจิ้นกั๋วกงปกป้องบ้านเมือง ปกป้องชาวบ้านเท่านั้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ พี่หญิงใหญ่ไม่เคยกล่าวเลยว่าจะจงรักภักดีต่อราชวงศ์หลิน
ดังนั้นไป๋จิ่นถงจึงเดาได้ว่าพี่หญิงใหญ่ไม่มีทางยกกองทัพไป๋ให้แก่พวกเขา
เมื่อตระกูลไป๋มีกองทัพไป๋และร่ำรวยเหนือผู้ใด! เมื่อนั้นตระกูลไป๋ในสายตาของแคว้นต้าจิ้น ในสายตาของใต้หล้าจะเป็นเช่นไรกัน
ไป๋จิ่นถงอยากเห็นวันนั้นจริงๆ
พี่หญิงใหญ่กล่าวกับนางที่เรือนชิงฮุยในวันนั้นว่านางใช้ความสามารถที่มีทำได้ถึงขั้นใด นั่นคือความสำเร็จของนางและคือความสำเร็จของตระกูลไป๋ ดังนั้น นางต้องทำทุกวิถีทางเพื่อแสวงหาความร่ำรวยมหาศาลนั่นมาให้ได้ เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่อนาคตในภายภาคหน้า
เรื่องบางอย่าง ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยบอกกับไป๋จิ่นถง ทว่าไป๋จิ่นถงเป็นคนสัมผัสไว นางรู้ดีว่าอนาคตของตระกูลไป๋ควรเดินไปในทิศทางใด
“ความร่ำรวยมักมาพร้อมอันตราย บนโลกนี้ไม่มีความร่ำรวยที่ได้มาเปล่าๆ” ไป๋จิ่นถงยืนเอามือไขว้หลัง ใบหน้าส่อแววอาจหาญขึ้นมาเล็กน้อย “แม้ออกทะเลจะมีความเสี่ยงมาก ทว่า ผลประโยชน์ช่างยั่วยวนมากเช่นกันเจ้าค่ะ! ไม่ปิดบังพี่หญิงใหญ่ ผู้ดูแลที่ท่านย่าจัดเตรียมให้ข้า ข้าสั่งให้ครึ่งหนึ่งของพวกเขาออกเดินทางล่วงหน้าไปซื้อเรือ จ้างคนก่อนแล้วเจ้าค่ะ หลังจากวันที่สิบห้าข้าจะไปหาซื้อสินค้าด้วยตัวเอง ทำการแลกเปลี่ยนไปมา บนเรือไม่มีทางว่างเจ้าค่ะ ขอแค่สวรรค์เมตตา ไม่เกินห้าปี…จิ่นถงมิกล้าอาจเอื้อมถึงใต้หล้า ทว่าข้ามั่นใจว่าข้าจะกลายเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นต้าจิ้นเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูน้องสาวคนที่สาม รู้สึกภูมิใจในตัวนางเป็นอย่างมาก
พวกนางโชคดีที่ได้เกิดมาในตระกูลไป๋แห่งจวนเจิ้นกั๋วกง ท่านปู่ ท่านพ่อ ไม่เคยดูถูกเพียงเพราะพวกนางเป็นสตรี พวกนางได้เรียนรู้ทุกอย่างเท่าเทียมกับบุรุษ ไม่มีความอ่อนแอเยี่ยงสตรี เดิมทีพวกนางควรรู้สึกหวาดกลัวโลกใบนี้ ทว่ากลับมีวิญญาณของนักสู้อยู่เต็มร้อย
“ท่านปู่เคยกล่าวว่ามีที่ปรึกษาท่านหนึ่งแซ่หลิว บรรพบุรุษใช้ชีวิตอยู่ในทะเล เขามีพรสวรรค์ในการคำนวณสภาพอากาศที่ได้มาจากบรรพบุรุษ เป็นคนเก่งกาจมาก พี่จะเชิญเขามาช่วยเหลือเจ้า” ไป๋ชิงเหยียนจูงมือไป๋จิ่นถงเดินลงบันไดไปยังด้านนอก