นางพึ่งจะหันศีรษะมาได้ครึ่งหนึ่ง ก็เห็นเหยียนหยุนที่เดิมทีควรจะนอนอยู่บนพื้น กำลังค่อยๆ ลุกขึ้นมา
ดวงพักตร์ของเขาซีดขาว แม้แต่ริมโอษฐ์ก็ไม่มีแม้แต่สีเลือด
เขานั่งอยู่บนพื้น มองดูเหยียนเฉียวหลัวด้วยความงุนงงอยู่บ้าง ค่อยส่งยิ้มน่าเกลียดและเสียงหัวเราะอย่างลึกลับออกมา “องค์หญิงต้าเหยียน ข้ายังมิได้ถึงคราวต้องตายจริงๆ”
เหยียนเฉียวหลัวสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปในทันที นางขยับนิ้วมือ ถึงได้พบว่าเส้นใยสีดำของตนถูกเผาจนหมดสิ้นแล้ว
เมื่อครู่นางทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปกับการสารภาพรักจีเฉวียน จึงได้ละเลยเหยียนหยุนไป
แม้แต่เส้นใยสีดำที่ตรึงดวงวิญญาณของเขาเอาไว้ก็ไม่รู้ว่าถูกเผาไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ในที่นี้ นอกจากตัวนางแล้ว ยังมีใครที่สามารถควบคุมดวงวิญญาณได้อีก?
คนที่ชะตายังไม่ขาดเช่นเหยียนหยุน หลังจากตายไปแล้วภายในครึ่งชั่วยาม หากว่าดวงวิญญาณสามารถหาทางกลับเข้าร่าง ก็สามารถรอดพ้นจากเคราะห์ได้
ดังนั้นนางถึงได้ใช้ด้ายจูงวิญญาณควบคุมเหยียนหยุนเอาไว้ เพราะเกรงว่าเขาจะหลุดจากการควบคุมของตนเองไป
แต่พอจีเฉวียนปรากฏตัวขึ้นมา ความสนใจทั้งหมดของนางก็ไปอยู่บนร่างของจีเฉวียน ประกอบกับนางเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเอง จึงคิดไม่ถึงเลยว่าเหยียนหยุนจะหลุดออกไปจากการควบคุมนี้ได้
ตอนนี้เหยียนเฉียวหลัวถึงกับโง่งมไปแล้วจริงๆ จากนั้นในมือของนางก็ผุดเส้นใยสีดำขึ้นมาอีก นางส่งมันเข้าไปในร่างของเหยียนหยุนคิดจะลากเอาดวงวิญญาณที่ยังไม่ทันได้กลับเข้าไปอย่างมั่นคงออกมาอีกครั้ง
มือพึ่งจะขยับ ก็ถูกจีเฉวียนคว้าเอาไว้แน่น
หัตถ์ของเขาเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง ราวกับเหล็กเย็นแท่งหนึ่งที่บีบนางเอาไว้จนขยับไม่ได้อีก
พระองค์พึ่งจะจับตัวเหยียนเฉียวหลัว ก็ทอดพระเนตรเห็นตู๋กูซิงหลันพลิกตัวแวบเข้ามาจากทางหน้าต่าง เพียงแค่ไม่กี่ก้าวนางก็ขยับมาอยู่ข้างกายเหยียนหยุน พอดีดนิ้วออกก็ตัดด้ายที่เกาะอยู่บนร่างเหยียนหยุนออกไป
จากนั้นก็ส่งดวงไฟสีน้ำเงินไปเผาด้ายจูงวิญญาณทิ้งจนหมด
ไฟนั้นไล่ตามเส้นด้ายจูงวิญญาณไปจนถึงใจกลางฝ่ามือของเหยียนเฉียวหลัว ลวกมือของนางจนต้องถอยไปอีกหลายก้าว นางลืมตาโตจ้องมองดู ‘นางกำนัล’ ที่อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา
ใบหน้ากลมๆ ป้อมๆ ดวงตากลมโต
ดูไปแล้วก็คล้ายจะเป็นตู๋กูซิงหลัน
บอกว่าคล้ายก็ไม่คล้าย
เพราะในความทรงจำของนางนั้นตู๋กูซิงหลันผอมแห้งจะตายไป ไม่มีทางเป็นยัยอวบนี้ได้แน่ๆ
จีเฉวียนมองดูตู๋กูซิงหลันที่พึ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา ก็ทรงหรี่พระเนตรมองดูรูปร่างที่กลมไปทุกส่วนของนาง ขาวๆ นุ่มๆ เช่นนี้ ดีมากจริงๆ
ตู๋กูซิงหลันไม่ได้สนใจเขา นางพยุงเหยียนหยุนขึ้นมา กล่าวประโยคหนึ่งว่า “รัชทายาทเหยียน ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมเพคะ?”
เมื่อครู่ตอนที่เหยียนหยุนยังเป็นวิญญาณอยู่นั้น เขาเพียงแค่ได้เห็นนางแต่ไกลก็รู้สึกว่าน่าประทับใจมากแล้ว
ตอนนี้ได้เห็นกันอย่างใกล้ชิด หัวใจดวงน้อยของเขาก็เต้นตึกตักๆ ขึ้นมา
ที่ผ่านมาเขาคิดว่ายัยอ้วนก็คือตือโป้ยก่ายมาโดยตลอด!
จนกระทั่งได้เจอนางกำนัลผู้นี้
นางไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ครั้งหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นเซียนที่เกิดมาพร้อมรูปโฉมที่งดงามอีกด้วย เหยียนหยุนมองดูนาง ยิ่งรู้สึกว่าตนเองได้พบกับสมบัติล้ำค่าเข้าแล้ว
เขาประคองหัวใจตัวเองเอาไว้ ในดวงตามีแต่เงาของตู๋กูซิงหลัน
“ข้าไม่เป็นอะไร” เขาพลิกมือลงมาจับมือของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ อยากจะกล่าวขอบคุณที่นางช่วยชีวิตออกไป แต่พอคิดถึงคำพูดของนางเมื่อครู่ ก็ได้แต่เก็บความพลุ่งพล่านเอาไว้ก่อน
แต่กริยาเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะจุดความเดือดทั่วทั้งร่างของฮ่องเต้ขึ้นมาแล้ว
พอพระองค์ออกแรงขึ้นมา ฝ่ามือของเหยียนเฉียวหลัวที่ถูกคว้าไว้ก็ถูกบีบหัก
เหยียนเฉียวหลัวพยายามขัดขืน แต่ว่าเมื่อเป็นเรื่องของพละกำลัง นางก็ไม่อาจเป็นคู่มือของจีเฉวียนได้จริงๆ
ตู๋กูซิงหลันไม่ทันได้มองเห็นเลยสักนิด นางเพียงแต่กวาดตามองดูธนูที่อยู่บนอกของเหยียนหยุน แต่ไม่ได้รีบร้อนช่วยเขาดึงออกมา พลางกล่าวว่า “รัชทายาททรงได้รับบาดเจ็บในแคว้นต้าโจว เกือบจะต้องเสด็จสวรรคตเสียแล้ว ที่สามารถรอดกลับมามีชีวิตได้ ก็เพราะได้รับความคุ้มครองจากฮ่องเต้ต้าโจวของพวกเรา รัชทายาทสมควรขอบพระทัยฮ่องเต้จึงจะถูก”
เหยียนหยุนอึดอัดอยู่ในใจ ที่เขาอยากจะขอบคุณก็คือท่านเซียนที่แสนจะน่ารัก ไม่ใช่จีเฉวียนสักหน่อย
เพียงแต่เมื่อครู่เขาพึ่งจะรับปากนางไป ตอนนี้จึงได้แต่เก็บงำความไม่พอใจนี้เอาไว้ก่อน
พลางหันไปทางจีเฉวียน กล่าวว่า “ที่ครั้งนี้ข้ารอดชีวิตมาได้ ต้องขอขอบพระทัยฮ่องเต้แห่งต้าโจว”
เหล่าฝูงชนที่อยู่ภายนอกห้อง เห็นเหยียนหยุนฟื้นคืนขึ้นมากับตา ก็พากันประหลาดใจ เดิมคิดว่าเขาคงจะกล่าวหาว่าฝ่าบาทส่งคนมาลอบสังหารเขา คิดไม่ถึงว่าเขากลับเป็นฝ่ายขอบคุณฝ่าบาท?
นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมพวกเขาถึงได้รู้สึกว่าไม่เข้าใจไปหมดแล้ว?
ใบหน้าของเหยียนเฉียวหลัวเป็นสีเขียวคล้ำ นางมองดูเหยียนหยุนด้วยความขุ่นเคือง “เสด็จพี่รัชทายาท ท่านลืมไปแล้วหรือไร เป็นพวกองครักษ์ลับของต้าโจวสังหารท่านต่างหาก นี่ท่านถูกบีบบังคับอยู่ถึงได้กล่าวออกมาเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
“อย่าได้ลืมว่า ท่านคือรัชทายาทแห่งต้าเหยียน ทุกคำพูดทุกการกระทำของท่านเท่ากับเป็นตัวแทนของต้าเหยียน แคว้นต้าเหยียนของพวกเราจะละทิ้งเกียรติภูมิได้อย่างไร”
เหยียนเฉียวหลัวยังไม่ยอมถอดใจง่ายๆ นางรู้ดีว่า เหยียนหยุนให้ความสำคัญกับฐานะรัชทายาทของตนเอง ต่อให้นางฆ่าเขา แต่พวกนางอย่างไรเสียก็เป็นพี่น้องกัน เพื่อต้าเหยียนแล้ว เหยียนหยุนไม่สมควรจะทำให้นางไม่มีเวทีจะลง
เพราะว่า หากเขาชี้ตัวยืนยันว่าเป็นนาง ผู้ที่ต้องเสียหายมากที่สุดก็คือแคว้นเหยียนเอง
เขาไม่ใช่คนโง่ขนาดที่จะเอาแคว้นต้าเหยียนไปเสี่ยงเช่นนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่เกิดความคิดฆ่าฟันขึ้นมาก่อน ก็คือเขา!
นางก็แค่ ผลักเรือไปตามน้ำ [1] พลิกเป็นฝ่ายสังหารเขาเท่านั้นเขามีสิทธิ์อะไรจะมาต่อว่านางกัน?
แต่เพื่อปลอบใจเหยียนหยุน เหยียนเฉียวหลัวจึงกล่าวเสริมอีกว่า “เฉียวหลัวมิได้ปกป้องท่านให้ดี เป็นความผิดของเฉียวหลัวเอง รอให้กลับไปแคว้นเหยียน เฉียวหลัวจะต้องพยายามชดเชยให้เสด็จพี่รัชทายาทอย่างดีที่สุดแน่นอน”
คำพูดนี้เรียกว่าชัดเจนจนไม่อาจจะชัดแจ้งไปกว่านี้ได้แล้ว พวกนางเป็นพี่น้องกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาเปิดศึกกันเอง แต่ต้องร่วมมือกันจัดการคนนอกจึงจะถูก รอจนกลับไปแคว้นแล้ว จะจัดการนางอย่างไร ก็แล้วแต่เขา
เหยียนหยุนออกจะลังเลอยู่บ้าง เนื่องเพราะเขาคือรัชทายาทของแคว้นเหยียน เมื่อเป็นรัชทายาทของแคว้นหนึ่งย่อมไม่อาจจะคำนึงถึงแต่ตนเอง
คำพูดของเหยียนเฉียวหลัวมีเหตุผล เขาต้องคำนึงถึงแคว้นเหยียนให้มากเข้าไว้
พอพึ่งจะคิดได้เช่นนี้ ตู๋กูซิงหลันก็ยื่นมือออกไปกดลงบนธนูบนอกของเขาเบาๆ
เหยียนหยุนเจ็บจนต้องสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าไป
“องค์รัชทายาท ธนูดอกนี้ปักลึกมาเลยเพคะ ดูท่าคนที่คิดจะฆ่าพระองค์คงจะต้องตั้งใจให้ท่านถึงตายอย่างแน่นอน น่ากลัวจริงๆ นะเพคะ” นางยกมือขึ้นมาจับหน้าตนเองทำท่าทำทางหวาดวิตกออกมา “ใครกันนะที่มีฝีมือชั่วร้ายขนาดนี้ แม้แต่องค์รัชทายาทที่เป็นบุรุษรูปงามเช่นนี้ก็ยังไม่ยอมละเว้น”
เหยียนหยุนที่ทางหนึ่งเจ็บปวดจนต้องหอบหายใจ ทางหนึ่งก็ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ของตู๋กูซิงหลันลอยเข้าหู “รัชทายาทเพคะ หากท่านอยากตายละก็ ข้ายังมีวิธีที่โหดเ**้ยมกว่าน้องสาวของท่านอีกนับร้อยวิธีเลยทีเดียวนะเพคะ”
ดวงพักตร์ที่พึ่งจะมีสีเลือดอยู่บ้างของเหยียนหยุนกลับไปซีดขาวอีกครั้งในทันที
พึ่งจะกลับมาจากประตูผีรอบหนึ่ง เขาก็มัวแต่ใจเต้นตูมตาม แม้แต่เรื่องธนูก็เกือบจะลืมไปแล้ว
เขาไอออกมาเบาๆ ครั้งหนึ่ง ก็กวาดตามองไปที่เหยียนเฉียวหลัว “เจ้าคิดว่าเราจะตกหลุมพรางของเจ้าอีกครั้งหรือไง?”
ผู้คนต่างพากันไม่เข้าใจ รัชทายาทที่ฟื้นจากความตายไหงจึงมีท่าทางไม่เป็นมิตรกับน้องสาวของตนเองซะแล้ว
“ข้าอุตส่าห์มีน้ำใจมาดูเจ้าที่ตำหนักเย็น แต่เจ้ากลับชั่วช้าวางแผนฆ่าเราที่เป็นพี่ชาย เพื่อจะได้เอามาใช้ข่มขู่ฮ่องเต้ต้าโจว บีบให้ตนได้เป็นฮองเฮาของเขา เจ้าอยากได้บุรุษจนเสียสติไปแล้วหรือ? เป็นถึงองค์หญิงแคว้นเหยียน กลับกล้ากระทำเรื่องนี้ออกมาได้ พระบิดาทรงทราบเข้า คงจะต้องถูกเจ้าทำให้พิโรธจนสิ้นพระทัยแล้ว!”
——
[1] 顺水推舟: กระทำไปตามสถานะการณ์