ตอนที่ 115 ความกล้า
“เรื่องของจวนจงหย่งโหวปล่อยให้พี่เขยรองเป็นคนแก้ปัญหาเถิดเจ้าค่ะ หากแค่บ่าวรับใช้คนหนึ่งยังจัดการมิได้ ไม่สามารถปฏิเสธคำขอไร้สาระนี้ได้ ต่อไปจะปกป้องพี่หญิงรองได้อย่างไร จะครอบครองตำแหน่งจงหย่งโหวให้มั่นคงได้อย่างไรเจ้าคะ” ไป๋จิ่นถงกล่าว
ไป๋จิ่นซิ่วนึกถึงถ้อยคำที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวก่อนที่จะจากไป นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ จวบจนบัดนี้นางก็ไม่เคยคิดเลยว่าฉินหล่างจะได้รับสืบทอดตำแหน่งจงหย่งโหวอีก
ไป๋จิ่นซิ่วยังไม่ทันได้สติก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของฉินหล่างดังขึ้น “อู๋หมัวมัว ตอนแรกท่านแม่ปล่อยให้น้องสาวทั้งสองทำร้ายจิ่นซิ่ว ไม่เพียงไม่ยอมรับผิด ยังนำเรื่องการมีบุตรยากของหลานสาวคนโตที่องค์หญิงใหญ่รักมากที่สุดออกมาป่าวประกาศอีก ตอนนี้องค์หญิงใหญ่กำลังเศร้าโศกจากการสูญเสียสามี ลูกชายและหลานชายจนล้มป่วย พอจวนจงหย่งโหวเกิดเรื่อง ข้าจะมีหน้าไปขอให้องค์หญิงใหญ่ช่วยได้อย่างไรกัน”
ฉินหล่างกล่าวอย่างเกรงใจ ทว่าความหมายชัดเจน เขาจะไม่ไปขอร้ององค์หญิงใหญ่
“จวนจงหย่งโหวและจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นดองกันนะเจ้าคะ อย่างน้อยก็ควรให้องค์หญิงใหญ่ฝืนร่างกายไปขอร้องฮ่องเต้สักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!” อู๋หมัวมัวน้ำตาอาบหน้า
ไป๋จิ่นจื้อโมโหจนอยากจะระเบิดออกมา เอาแต่ท่องอยู่ในใจว่าต้องอดทน ทว่าเมื่อได้ยินประโยคนี้นางก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นยืนอยู่หน้าประตูพลางตะคอกออกมา “ให้ท่านย่าของข้าแบกร่างกายที่กำลังป่วย จิตใจที่กำลังย่ำแย่จากการสูญเสียสามี ลูกชายและหลานชายไปขอร้องให้จวนจงหย่งโหวเช่นนั้นหรือ เจ้ากล้าดีอย่างไร!”
“ความหน้าไม่อายเป็นเช่นไร วันนี้ไป๋จิ่นถงรู้ซึ้งแล้ว” ไป๋จิ่นถงในชุดไว้อาลัยยืนเอามือไขว้หลังอยู่บนบันได รั้งไป๋จิ่นจื้อให้ไปยืนอยู่ด้านหลังตน จากนั้นค่อยๆ เดินลงบันไดมา “วันนั้นคุณหนูทั้งสองของจวนจงหย่งโหวต้องการเอาชีวิตพี่หญิงรองของข้า ฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวฆ่าสาวใช้ติดตามซึ่งเป็นสินเดิมของพี่หญิงรองโดยพลการ ใช้คำว่ากตัญญูกดมิให้พี่หญิงรองของข้าโวยวาย! พิธีศพของตระกูลไป๋จัดอยู่ตรงนี้ จวนจงหย่งโหวไม่เคยมาเคารพศพเลยสักครั้ง มิรู้ว่ารู้สึกผิดจนกลัววิญญาณของตระกูลไป๋ หรือเป็นคนแล้งน้ำใจกันแน่! บัดนี้พอเกิดเรื่องขึ้น…แค่หญิงชรารับใช้คนหนึ่งก็กล้าอ้างเรื่องการเป็นดองกันเช่นนี้!”
อู๋หมัวมัวตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง เห็นไป๋จิ่นถงค่อยๆ เดินลงมาจากบันไดของจวนเจิ้นกั๋วกงทีละขั้น นางคลานถอยหลังหนีไปก้าวหนึ่ง
ไป๋จิ่นจื้อทนไม่ไหว ยืนอยู่บนบันไดสูงพลางตวาดออกมา “ที่คนของศาลต้าหลี่ล้อมจวนจงหย่งโหวไว้ก็เพราะเสบียงอาหารที่ส่งไปยังกองทัพด่านหน้าที่หนานเจียงซึ่งจงหย่งโหวเป็นผู้รับผิดชอบมีปัญหา! โลงศพยี่สิบกว่าโลงของตระกูลไป๋ตั้งอยู่ตรงนี้ น้องชายคนที่สิบเจ็ดของข้าถูกคว้านท้อง ด้านในมีแต่เศษไม้และดินโคลน! เสบียงที่จงหย่งโหวจัดเตรียม เมื่อไปถึงเมืองจั้งกลับกลายเป็นเพียงเปลือกของเมล็ดบัควีท! ยังส่งไปไม่ถึงทัพด่านหน้าก็สูญหายไปที่ใดก็ไม่รู้ เจ้าเอาความกล้าจากที่ใดมาที่นี่เพื่อขอให้ท่านย่าของข้าฝืนร่างกายที่เจ็บป่วยไปขอร้องให้จวนจงหย่งโหวของเจ้ากัน!”
ฉินหล่างกำมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าอย่างไรจงหย่งโหวก็คือบิดาของเขา
ไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนชุดไว้อาลัยชุดใหม่ เมื่อเดินไปถึงโถงทำพิธีก็ได้ยินคำกล่าวของอู๋หมัวมัวพอดี ดวงตาของหญิงสาวส่อแววอาฆาตขึ้น
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องโถงทำพิธีไปหยุดอยู่ด้านหน้าสุด กล่าวเสียงเย็น “องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นต้าจิ้นคือบ่าวรับใช้ของจวนจงหย่งโหวที่พวกเจ้าจะเรียกใช้เมื่อใดก็ได้หรืออย่างไรกัน ต่อให้ป่วยก็ต้องฝืนลุกขึ้นมาขอร้องให้พวกเจ้าก่อนอย่างนั้นหรือ จวนจงหย่งโหวช่างยิ่งใหญ่เสียจริง!”
เมื่ออู๋หมัวมัวเห็นคุณหนูใหญ่ไป๋ก็หวาดกลัวในทันที เอาแต่โขกศีรษะลงกับพื้นจนเกิดเสียง “บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ บ่าวมิได้หมายความเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”
ชาวบ้านที่ทยอยกันมาเคารพศพที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วกงได้ยินคำกล่าวอย่างหน้าไม่อายของอู๋หมัวมัว มีชาวบ้านบางคนเข้าไปตบหน้าอู๋หมัวมัวในทันที
“ยายแก่นี่ช่างบังอาจเสียจริง!”
“กล้าบอกให้องค์หญิงใหญ่ฝืนร่างกายที่กำลังป่วยไปขอร้องฮ่องเต้ให้จวนจงหย่งโหว พิธีศพของจวนเจิ้นกั๋วกงจัดอยู่ตรงนี้ ก่อนที่จงหย่งโหวจะโดนจับเข้าคุกก็ไม่เคยมามาเคารพศพเลยสักครั้ง บัดนี้กลับนึกถึงจวนเจิ้นกั๋วกงขึ้นมาเสียอย่างนั้น!”
“นั่นน่ะสิ เสบียงกลายเป็นเปลือกของเมล็ดบัควีททั้งหมด ยังไม่ทันส่งไปถึงหนานเจียงก็สูญหายไปแล้ว ในท้องของแม่ทัพน้อยที่อายุเพียงสิบขวบของจวนเจิ้นกั๋วกงมีแต่เศษไม้และดินโคลน พวกจวนจงหย่งโหวยังมีหน้ามาขอให้องค์หญิงใหญ่ไปขอร้องฮ่องเต้ให้อีก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ !”
“เหตุใดต้องอายเล่า จวนจงหย่งโหวไม่รู้ว่าคำว่าละอายเขียนอย่างไรตั้งนานแล้ว!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง “ตอนที่ฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวยังอยู่ นางกล้าแตะต้องสินเดิมของคุณหนูรองไป๋ นายหญิงใหญ่แห่งจวนยังเป็นเช่นนี้ คนอื่นในจวนจงหย่งโหวจะดีไปกว่ากันได้อย่างไร!”
ชายฉกรรจ์กล่าวจบก็โดนภรรยากระตุกแขนอย่างแรง สื่อว่าฉินหล่างยังอยู่ตรงนั้น
ชายฉกรรจ์จึงหดคอลงเล็กน้อย รีบเดินจากไปพร้อมกับภรรยาของตน
“ฉินหล่าง ท่านกับน้องหญิงรองตามข้ามา ข้ามีเรื่องจะคุยกับพวกเจ้า…” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ฉินหล่างพยักหน้า หันไปมองอู๋หมัวมัวที่ยังคุกเข่าร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายอยู่บนพื้น เอ่ยบอก “กลับไปเถิด! ดูแลน้องสาวและน้องชายให้ดี องค์หญิงใหญ่กำลังทุกข์ใจ ข้าในฐานะหลานเขยไม่อาจช่วยแบ่งเบาภาระของท่านได้ก็รู้สึกผิดมากพออยู่แล้ว จะกล้าเอาเรื่องของจวนจงหย่งโหวไปกวนใจท่านได้อย่างไรกัน”
อู๋หมัวมัวอยากจะกล่าวสิ่งใดอีก ทว่า ฉินหล่างไม่อาจปล่อยให้นางทำลายชื่อเสียงของจวนจงหย่งโหวไปมากกว่านี้อีกแล้ว สะบัดชายเสื้อพลางตวาดออกมาเสียงดัง “บัดนี้ น้องชายและน้องสาวแค่ออกจากจวนไม่ได้เท่านั้น ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต เรื่องเสบียงอาหารขึ้นอยู่กับการตัดสินพระทัยของฮ่องเต้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของบ้านเมือง ข้ามิอาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ กลับไปเสีย!”
กล่าวจบ ฉินหล่างก็ก้าวเท้าขึ้นไปยังบันไดของจวนเจิ้นกั๋วกง ไม่สนใจอู๋หมัวมัวอีก เข้าไปประคอง
ไป๋จิ่นซิ่วแล้วเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไป
“คุณชายใหญ่! คุณชายใหญ่ได้โปรดช่วยคุณชายรองและคุณหนูทั้งสองด้วยเถิดเจ้าค่ะ! นั่นคือน้องชายและน้องสาวแท้ๆ ของท่านนะเจ้าคะ คุณชายใหญ่จะใจร้ายเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ!” อู๋หมัวมัวร้องไห้พลางตะโกนออกมา
ไป๋จิ่นถงมองดูองครักษ์ที่ยืนอยู่มุมหนึ่ง กล่าวขึ้น “พวกเจ้ายังไม่รีบพาตัวหญิงชราผู้นี้กลับไปอีกหรือ ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่จนรู้ไปถึงหูของท่านย่าและฮ่องเต้หรืออย่างไรกัน!”
องครักษ์ที่มีหน้าที่เฝ้าจวนจงหย่งโหวตกใจ บัดนี้เขาไม่สนใจความแตกต่างระหว่างชายหญิงอีกแล้ว ยกมือกำหมัดขออภัยไป๋จิ่นถง จากนั้นลากอู๋หมัวมัวที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุดกลับไปยังจวนจงหย่งโหว
เกาเซิงที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนเห็นฉินหล่างเดินจากไปพร้อมไป๋ชิงเหยียน ก็พลันนึกถึงรายชื่อที่เห็นที่หน้าคุกต้าหลี่ในทันที ใจของเขากระตุกวูบ รีบกลับไปรายงานเหลียงอ๋องที่จวน
ไป๋ชิงเหยียนพาไป๋จิ่นซิ่วและฉินหล่างไปที่ศาลาบนภูเขาจำลอง สั่งให้ถงหมัวมัวนำแผ่นผ้าที่มีรายชื่อพวกนั้นส่งให้ฉินหล่าง
ฉินหล่างกวาดสายตามองอย่างลวกๆ เมื่อเห็นว่าคนในรายชื่อล้วนเสียชีวิตลงหมดแล้วก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น “นี่คือ…รายชื่อของขุนนางที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลำเลียงเสบียงไปหนานเจียงเมื่อปีที่แล้วหรือขอรับ!”
“ใช่ มีขุนนางเกี่ยวข้องกับการลำเลียงเสบียงอาหารมากมาย ทว่ากลับเสียชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุทั้งหมดภายในระยะเวลาสองเดือน” ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะไม้เป็นพักๆ
เซียวรั่วเจียงกำหมัดคาราวะฉินหล่าง จากนั้นกล่าวขึ้น “ท่านเขยรอง เราได้รายชื่อพวกนี้มาจากจงหย่งโหวหลังจากที่พวกเราติดตามคุณหนูใหญ่ไป๋ไปเยี่ยมท่านโหวในคุกต้าหลี่ขอรับ”
ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจของฉินหล่าง แสดงว่าท่านพ่อรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเสบียงมีปัญหา แม้กระทั่ง…ท่านพ่อของเขาอาจเป็นคนลงมือทำให้เกิดปัญหาเอง!
ฉินหล่างผุดลุกขึ้นยืนอย่างนั่งไม่ติด ชายหนุ่มเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ “คุณหนูใหญ่ ช่วยให้ข้าได้พบหน้าท่านพ่อสักครั้งได้หรือไม่ขอรับ”
เซียวรั่วเจียงก้มหน้าลง “เพื่อความปลอดภัยของจงหย่งโหว ท่านเขยรองอย่าไปพบท่านจะดีกว่าขอรับ!”